ทิวาราตรี ตอนที่3

หยาดน้ำตานำพาซึ่งความทุกข์ ไร้สุขไร้แสงไร้แรงหวัง ห้วงคำนึงคลึงจิตพินาศพัง โอ้รังรักหักสวาทแทบขาดใจ....

หากแม้ไร้แสงสว่างอันใด หัวใจนี้คงเปล่าเปลือย ชะตาใยเล่นตลกกับข้าเช่นนี้ เพียงคนดีหนึ่งเดียวที่ใจข้าหวัง นางผู้นั้นทำลายศรัทธาท้ายสุดพัง โลกใบนี้ไม่มีค่าอันใด

“อาลีธา....เจ้าอยู่แห่งใด ใยปล่อยให้ข้ารอคอยอย่างทรมานเช่นนี้” น้ำเสียงอ่อนโยนโหยหาหญิงอันเป็นที่รักลอดผ่านแสงน้อยนิดทางช่องม่าน ใจมนุษย์ที่มิได้อาบด้วยเหล็กกล้าก็แทบรวยริน

ฟ้ายังประทานความหวังมาให้นางได้สัมผัส หากเขาไม่เดียดฉันท์ ข้ายอมมอบดวงใจเคียงข้างที่รักแห่งข้าไปจนชีวาวาย อาลีธาปาดน้ำตาเศร้าโศกทิ้ง วิ่งตรงไปยังแสงรอดสุดท้าย

“ข้าอยู่นี่พี่ท่าน.... ข้าอยู่นี่ นำพารักมาสู่ใจข้าด้วย” นางเปิดบานหน้าต่างออกให้ชายรักป่ายปีนมาเคียงคู่ แต่หาใช่วาสนานำพา

“โปรดเถิดอาลีธา แม้ข้าผู้ต้อยต่ำ ก็ยังยำเกรงในนายเหนือหัว เพียงข้าได้พบประสบเจ้าสักชั่วเพลาก็พอแล้ว” ชายหนุ่มรูปงามเจียมตัวโดยที่ไม่จำเป็น เหตุด้วยตอนนี้ใจนางนกน้อยสั่นคลอนหวาดหวั่น

“เข้ามาเถิดท่านพี่ หาไม่แล้ว ข้าคงขาดใจตายลงตรงนี้” อาลีธาดึงดันนำตัวเขาเข้ามายังห้องหลับใหลได้ในที่สุด

“เจ้าหายไปหลายวัน หลังคอกม้าเลยเป็นเพียงที่เดียวดายสำหรับข้า เกิดอันใดขึ้นกับเจ้าฤ....อาลีธา” อ้อมกอดอันอบอุ่นประคองอาลีธาในยามอ่อนล้า นางอยากเล่าทุกความที่ประสบให้แก่เขา แล้วหากทำเช่นนั้น ใจเขายังจะเคียงคู่อยู่กับนางต่ออีกหรือไม่

“ข้ารักท่านพี่เหลือเกิน โปรดมอบรักจากท่านให้ข้าเถิด” เป็นที่น่าแปลกใจที่จุมพิตครั้งนี้ นางเป็นผู้ริเริ่ม แต่ไหนแต่ไรมา หญิงนางนี้รักษาระยะห่างและสงวนความเป็นสตรีที่เลอค่า วันนี้กลับแปรเปลี่ยน

“เกิดอันใดกับเจ้า” เขารับจุมพิตนั้นไว้ด้วยหัวใจใคร่สงสัย

“ข้าเพียงรักท่านมาก” อาลีธาโอบกายชายหนุ่มแน่นหนา

“ข้าก็รักเจ้า แต่ไม่นานแล้วอาลีธา พ่อเจ้ากำลังวางใจในตัวข้า เมื่อถึงยามดี ข้าจะบอกกับเขา แล้วเราจะได้อยู่ด้วยกันตราบเท่านาน” หนุ่มรูปงามมั่นใจในสิ่งที่หวัง เขาเพียรพยามบุกบั่นมานะ ทำงานหนักในทุกวัน เพราะความพยามนี้ สร้างความประทับใจที่สั่นคลอนไปถึงนายเหนือหัวซึ่งเป็นบิดาของอาลีธา แม้เขาจะเคยคิดยกลูกสาวให้กับเศรษฐีแก่ชรา นั่นก็เพื่อให้ลูกนั้นมีความเป็นอยู่ที่ดีเมื่อเขาจากโลกนี้ไป ทว่ามองมุมกลับ ชายหนุ่มกำยำก็ดูเป็นตัวเลือกที่ไม่ด้อยเลย หากเจ้านี่จะซื่อสัตย์และขยันอดทนอยู่เช่นนี้

“ข้าต้องการท่าน ที่รักของข้า....” นางกกกอดความรักนี้ไม่คลาย ยิ่งสร้างความสงสัยให้เขาเป็นเท่าทวี

“เจ้ามีเรื่องอันใดฤ.... แล้วเหตุใดห้องเจ้าจึงได้ดูมืดมนเช่นนี้ ต่างจากทุกยามที่ข้าพบ” เขาเอื้อมมือไปยังบานหน้าต่าง หมายจะเปิดมันออกเพื่อต้อนรับแสงแรกแห่งอรุณที่อบอุ่น

“อย่าท่านพี่ ข้าเพียงรู้สึกไม่สบาย” นางรั้งแขนกำยำไว้

“แสงยามเช้ามิเคยทำให้ใครมิสบายได้เลยอาลีธา เชยชมความสว่างอันงดงามร่วมกับข้าเถิด” สองมือชายหนุ่มคลี่คลายม่านบดบังออก ความสว่างอบอุ่นกระจัดกระจายไปทั่วห้อง แน่นอนว่ากระทบพื้นผิวเนียนนวลของหญิงอันเป็นที่รัก

“เกิดอันใด เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้” หนุ่มผู้เป็นที่รักถอยห่างจากอาลีธา แววตาเขาตั้งคำถามกับสิ่งที่ได้พบเห็น

“ท่านพี่....” อาลีธาทรุดตัวลง พยามจะไขว่คว้าเขาที่เดินเลี่ยงหลีกเธอทุกครั้งที่มือนั้นเอื้อมเกี่ยว

“ผู้ใดพรากมันไปจากเจ้า” น้ำเสียงเขาเคร่งแค้น เจ้าสาวที่รักถูกกระชากความสวยงามไปก่อนวันพิธี แล้วเจ้าสาวที่มีตำหนิ มันมิใช่หนทางที่ชายใดจะปรารถนาเลย

“ข้ามิได้....” นางร้องไห้ ร่องรอยความบอบช้ำนั้นจางลง แต่มันยังปรากฏอยู่ มิได้หายไปทันที ความสิ้นหวังคืบคลานไปทั่วทุกประตูทางออก แววตาของชายอันเป็นที่รักมิได้ทำให้อาลีธารู้สึกดีขึ้นเลย

“เจ้าจะบอกว่ายามคุ้มกันนั้นหละหลวมหรืออย่างไร เพียงเจ้าส่งเสียงร้องพวกนั้นก็ถวายชีพปกป้อง แล้วมันผู้นั้นเป็นใคร เหตุใดได้สิ่งสำคัญของเจ้าไปก่อนข้า” น้ำเสียงประชดประชันตัดพ้อความรู้สึกของอาลีธา นางหดหู่หมองหม่น

“ข้ารักท่าน....” เสียงเว้าวอนปานขาดใจนั้นส่งตรงไปไม่ถึงเขาอีกแล้ว

นางมิอาจเฉลยเรื่องราวทั้งหมดได้ หาใช่มนุษย์ผู้ใดเลยที่เขาหวาดระแวง แต่เป็นธิดาแห่งความมืด นางผู้นั้นพรากสิ่งล้ำค่าไปจากเธอ หรือแม้นหากกล่าวความนั้นออกไป ความรักที่นางวิงวอนขอมาคงสลายไปจากใจเขา นี่แหละหนอ ชะตาที่นางมิอาจเลี่ยง

“ข้าเสียใจยิ่งนัก เจ้าบอกได้อยู่หรือว่ารักข้า.... ที่ผ่านมา ข้าเฝ้าฝันถึงเจ้าเพียงผู้เดียว แล้วเจ้าจะให้ข้าละทิ้งความตั้งใจเพื่อเคียงคู่กับหญิงมีตำหนิเช่นเจ้ารึ.... ขอโทษ อาลีธา ข้ามิอาจเสียเวลากับรักในครั้งนี้ โปรดอภัยข้าด้วย” คำจากลาครั้งสุดท้ายของเขา แผดเผาหัวใจของนางให้มอดสลาย อาลีธากำลังจะตายไปพร้อมกับความเจ็บช้ำ ชายที่รักหันหลังให้กับความรักซึ่งเธอหยิบยื่นให้ เขาจากไปแล้ว จากไปอย่างไม่มีวันกลับคืน ทิ้งไว้ก็แต่อาลีธาผู้ร่ำไห้

“ข้าจะทนมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เช่นไร....” นางวิ่งไปค้นหากริดข้างโต๊ะเก็บของด้วยความร้อนรน แต่เมื่อถือมันไว้ในมือ ใจนางกับร่ำไห้หนักขึ้นเป็นเท่าทวี เป็นเช่นนี้เองหรือที่ท่านต้องการ หากข้าได้ทำดังที่คิด ท่านคงจะครอบครองข้าไว้อย่างที่หวัง ท่านช่างร้ายกาจนัก เหมือนงูพิษที่คอยกัดกินความเจ็บช้ำ

อาลีธากำกริดเล่มนั้นไว้ในมือแน่น นี่นางหมดหนทางแล้วจริงๆ หรือ เหตุใดหัวใจนี้มืดบอด จะมีสิ่งใดปลดปล่อยความทุกข์เข็นออกจากใจข้าได้บ้าง....

นกน้อยผู้บอบช้ำปิดตาลง หล่อนขดตัวอยู่บนพื้นอันหนาวเหน็บ ท่ามกลางแสงสว่างไสวอบอุ่นที่ส่องผ่านเข้ามายังตัวห้อง มันคงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้นางฉุกคิดได้ก่อนการกระทำเลวร้าย

อาลีธาโยนกริดแหลมคมทิ้งให้ห่างตัว แม้นางจะหมดอาลัยแล้วกับความรัก แต่นางจะไม่มีวันทำสิ่งที่ธิดาเทพหวังไว้เป็นแน่....

คำขอของข้าจำต้องใช้สิ่งตอบแทนสูงค่าเช่นนี้เลยรึ ข้าไร้เรี่ยวแรงจะต่อกรกับสิ่งใดแล้ว ไร้เรี่ยวแรงจะยึดความหวังสุดท้ายเอาไว้ กระทั่งการอยากมีชีวิตอยู่ แต่หากเพื่อสิ่งที่ท่านปรารถนาแล้ว ก็จงรับรู้ไว้เถิดธิดาเทพ.... ท่านจะไม่ได้ครอบครองตัวข้าอีกเป็นครั้งที่สอง



........................




เพล้ง! แก้วใสใส่โลหิตแดงสดถูกเหวี่ยงทิ้งลงกลางพื้นห้อง


ลงเอยเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ทุกอย่างผิดแผกไปจากที่คาดไว้ นี่มันจะมากไปแล้วนะ

การยื่นมือเข้ามาช่วยโดยที่เหล่ามนุษย์เขลาขลาดมิได้อ้อนวอน ข้าล่ะเกลียดนัก พวกเจ้าเล่ห์เพทุบาย ความดีงามจะค้ำคอพวกมันไปได้สักเท่าไหร่กัน

“บางทีวิหารเทพแห่งนั้นอาจต้องการสมุนรับใช้” นางทาสเอ่ยท่าทางสุขใจอย่างเห็นได้ชัด

“สมุนหรือชาร์น่า เจ้าว่าเช่นนั้นรือ ดูท่าเจ้าคงพอใจมิน้อย” คาเรนกระชากเส้นผมนางให้เงยขึ้นเพื่อจ้องเข้าไปในดวงตาทอประกาย มันมีแสงแห่งความหวังเรืองรองอยู่เสมอ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้คาเรนไม่พอใจ

“หามิได้ท่านคาเรน ข้าเพียงแต่....” ลำคอนางถูกกัดด้วยความแหลมคมจากเขี้ยวที่จงใจสร้างขึ้น สิ่งนั้นหยุดคำพูดทั้งปวง สร้างความเจ็บให้นางทาสไม่น้อย

“ข้าไม่สนว่าทางนั้นต้องการอะไร แต่ข้าเกลียดความพอใจในดวงตาของเจ้าเหลือเกินชาร์น่า.... คงยังไม่รู้ นกน้อยปีกหักนางนั้น หวานหอมกว่าเจ้ายิ่งนัก” นายแห่งหอคอยกอดรัดนางทาสไว้ด้วยแรงโทสะ ร่างหล่อนแทบแหลกละเอียด ถ้ามิใช่ขาคู่สวยของผู้เป็นเจ้าของเสียดเบียดอยู่ช่วงกลางตัวนางทาสไว้แล้วนั้น มันคงทำให้หล่อนสิ้นหวังอย่างแท้จริง

“ท่า น คา เรน ข้า....ระ อื้อออ” แม้จะถูกทรมานปางตาย แต่กายทิพย์นี้ก็ไม่ดับสูญ ซ้ำห้วงสวาทแทบขาดใจจากธิดาแห่งความมืดยังบีบคั้นดวงจิตนี้ให้ซื่อสัตย์มิเสื่อมคลาย

ยามใดใจเหงาเฝ้าคิดถึง คราใดได้รักน่าสะพรึง โปรดอย่าหยุดเคล้าคลึงตัวข้าเลย

“จงอย่าเอ่ยสิ่งที่ข้าเกลียด” คาเรนมอบจุมพิตร้ายกาจแก่นางทาส ดุจดั่งเปลวเพลิงเผาไหม้ยามราตรี แล้วเมื่อพลันรุ่งสางก็จะเหลือไว้เพียงเถ้าธุลีสีดำ

บทรักพิสวาสแสนร้ายกาจดำเนินเรื่อยมาอย่างมิรู้เบื่อ นางทาสกับหัวใจใฝ่ฝัน ช่างเป็นของเล่นชิ้นสำคัญที่ข้าโปรดปราน ครั้นเมื่อนางทุกข์ระทม ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ธิดาทรงเสน่ห์ย่ามใจ.... จงหมดหวังและฝันสลายไปอย่างช้าๆ เสียเถิดชาร์น่า

“ไปนำเลือดแกะใส่แก้วชั้นดีมาให้ข้า” นายเหนือหัวสั่งขณะเอนตัวนั่งกอดอกเปล่าเปลือย นางเอื่อยเฉื่อยละเลียดดูความเป็นไปของอาลีธาในกระจกมนตราบานใหญ่

“ข้าไม่สามา รถ....” นางทาสตัวเปล่านอนฟุบอยู่ข้างกาย อารมณ์ร้ายของคาเรนดุเดือดจนทาสสาวนั้นต้องทนกับความระบมไปทั่วทุกความรู้สึก จะให้ขยับกายในตอนนี้คงเชื่องช้าไม่ทันใจผู้เป็นนาย

“หือ เจ้าเจ็บปวดขนาดนั้นฤ ก็จงคลานไป แล้วนำมันมาให้ข้า” คาเรนเหลือบแลชาร์น่าที่ทำทุกอย่างดังที่เธอกล่าว หล่อนดูท่าทางรวดร้าว มันทำให้เธอยิ้มเย้ยกับความทุกข์น่าเวทนานั้นเสียเหลือเกิน

คาเรนนั้นไม่ใคร่ใส่ใจนักกับความเป็นไปของนางทาส ด้วยสิ่งที่น่าเคืองใจอยู่ตอนนี้คงเป็นการปรากฏให้เห็นจากทางวิหารแห่งนั้นมากกว่า มีด้วยหรือทางแห่งแสงสว่างที่ต้องการทาสรับใช้มีตำหนิ

แม้ว่าเป็นเช่นนั้นจริง นั่นก็เป็นตำหนิสูงส่งจากข้า ผู้ซึ่งเป็นธิดาแห่งรัตติกาล เหล่าแสงมีความจำเป็นใดต้องมาขัดขวางข้าด้วย นั่นมิใช่การท้าทายของฝั่งนั้นหรอกรือ สายตาดุร้ายเฝ้ามองไปยังกระจกเบื้องหน้า นกน้อยปีกหักปากริดทิ้งไปได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่ความอบอุ่นของแสงสว่างยามเช้าส่องผ่านม่านหน้าต่างทำให้นางฉุกคิด

อีกแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น ข้าก็จะได้บริวารแล้วแท้ๆ คงสร้างความหรรษาให้ข้าได้มิน้อย ทาสผู้หนึ่งจงเกลียดข้าราวกับเหล็กร้อนมอดไหม้ผิวกาย กลับกันกับอีกนางที่ปรารถนาในข้าปานจะกลืนกิน ช่างน่าพิรมยิ่ง

“สิ่งที่ท่านปรารถนาท่านคาเรน” ชาร์น่าหมอบคลานเข้ามาใกล้ส่งแก้วสีนิลดำสนิทยื่นไปยังผู้เป็นนาย

“คงเจ็บมากสินะชาร์น่า” คาเรนเปรยตาเย้ยหยันไปยังสภาพกายทิพย์ที่บอบช้ำ เลือดไหลอาบทั่วบริเวณหว่างขาและลำตัว ทั้งคอและใบหูถูกกัดเป็นรอยทางยาว แทบไม่มีส่วนใดที่หล่อนไร้ความรวดร้าวเลย จะมีก็แต่หัวใจดวงนั้น

“หาได้ไม่ท่านคาเรน” แน่นอนว่าคำตอบนั้นต้องมาจากปากนางทาส แต่ด้วยเหตุอันใดเล่าที่ข้าจะปล่อยให้สิ่งที่คอยกัดกินจิตนั้นสูญเปล่า ไหนแล้วตามเลยข้าจะหลอกล่อหัวใจเจ้าด้วยแรงปรารถนาแห่งข้าก็แล้วกัน มันจะลวงตาเจ้าไปอีกนานแสนนานชาร์น่า

“มาใกล้ๆ ข้า แล้วร่วมดื่มด่ำในหยดเลือดนี่ด้วยกันสิ” เสน่ห์ของนางงูพิษสีดำช่างเหลือร้ายยิ่งนัก คาเรนบรรจงป้อนหยาดเลือดผ่านริมฝีปากบอบบาง สร้างความรู้สึกปิติยินดีรุนแรงใจห้วงจิตของทาสซื่อสัตย์

“จงอย่าน้อยใจไป ข้าจะเอ็นดูเจ้าบ้างในครานี้” อ้อมกอดกระชับทว่าแผ่วบางสรรสร้างความรัญจวนได้เป็นอย่างดี

ชาร์น่าผู้โง่เขลายิ่งเพิ่มเติมความหวังเป็นทบเท่าทวี หากแต่นางก็โดนผลักตกจากหน้าผาสูงให้ได้เจ็บปวดเช่นทุกครั้งเมื่อความหวังนั้นเต็มเปี่ยม

คาเรนรู้ดีว่าการกัดกร่อนจิตใจนั้นต้องทำอย่างไร มันแสดงออกว่าเธอจงใจปั้นแต่งทุกการกระทำได้ดีเยี่ยม เพราะนางทาสผู้นั้นคล้อยตามจนถอนตัวไม่ขึ้น ตั้งแต่ครั้งชาร์น่ายังเป็นมนุษย์ จนบัดนี้ ก็ไม่มีทีท่าอันใดว่าสิ่งที่เธอปฏิบัติกลับจะเป็นที่คัดค้าน....จงเจ็บปวดให้มากกว่านี้ เจ้าทาสผู้เบาปัญญา




........................