ทิวาราตรี ตอนที่2

ตึง! บานประตูใหญ่ได้ถูกเหวี่ยงให้เปิดออก เสียงดังกึกก้องไม่ได้เป็นที่สนใจอันใดเลยแก่ทหารยามหน้าห้อง ด้วยอำนาจข้าได้ซ่อนเร้นการรับรู้ของเหล่ามนุษย์เหล่านั้น

จะมีก็แต่หญิงสาวผู้หนึ่งสะดุดขาตนเองล้มลงกับพื้น นางพยามไขว่คว้าหาขวดน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่ทันแล้ว

“เจ้าหาสิ่งนี้อยู่เหรอ....อาลีธา” รอยยิ้มชั่วร้ายของข้าแทบสะกดหญิงสาวให้จมลงสู่เบื้องล่างของขุมนรก

“ทะ ท่าน....” ปากสั่นงันงกของนางช่างน่าสมเพชเสียจริง ไม่คิดเลยว่าความกล้าบ้าบิ่นนั้นจะย้อนกลับมาเป็นภัยให้ตนเอง สมควรแล้วล่ะกับความพยามที่ไร้ค่าของนาง

“ไม่นึกเลยว่ารูปโฉมของเจ้าจะเป็นดังที่เลื่องลือ ยิ้มให้ข้าหน่อยสิสาวน้อย” คาเรนหยิบดอกกุกลาบที่ไร้หนามเกี่ยวแทงออกจากแจกัน สีแดงสดของมันแปรเปลี่ยนเป็นเป็นสีดำสนิท เธอบรรจงปักมันกลับไปที่เดิม

“ท่านเข้ามาได้อย่างไร ข้าไม่ได้อนุญาต” อาลีธากัดริมฝีปากแน่น นางกำลังเสียเปรียบ น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้อยู่กับตัวอีกแล้ว

“เสียมารยาทจังนะ ชายหนุ่มรูปงามคนนั้นคงเป็นพี่ชายเจ้า เค้าไม่เห็นจะต้อนรับข้าเช่นเจ้าเลย” เธอเดินเข้าไปใกล้ยังผู้หวาดกลัว หล่อนหลบจนมุมอย่างไม่มีทางหนี

“ได้โปรดกลับไปเถิด ข้าไม่มีสิ่งใดให้ท่าน” เมื่อรู้ตัวว่าภัยกำลังมาเยือนหล่อนจึงยอบกายลงต่ำกับพื้น แสดงแววตาแห่งความจำนน

“เจ้าไม่รู้รึไร ว่าข้ามาเอาสิ่งตอบแทน” คาเรนเชยคางนางผู้หวาดกลัวขึ้นมาพินิจ ช่างสวยงามอะไรเช่นนี้ มีความกล้าแต่ก็ขลาดเขลาด้วยความเยาว์วัย พลาดแล้วล่ะเจ้ากวางน้อยเอ๋ย จะไม่มีผู้ใดยื่นมือมาช่วยกับข้อตกลงของเจ้าเอง

“อย่าเอาชีวิตข้าไปเลย ข้ายังมีคนที่รัก....” นางตัวสั่นคลายกับลูกแกะดำที่ข้าได้รับตอบแทนเมื่อคำขอของพวกเขาเป็นจริง

“หึหึหึ ข้าจะเอาสิ่งนั้นไปเพื่อการอันใดเล่า” ในเมื่อลงทุนง้างคันศรเองถึงขนาดนี้ ไม่มีทางที่ข้าจะได้แค่นกตัวเดียว มันจะต้องมากกว่าหนึ่งเสมอ

“แล้วท่าน....อื้ออ” คาเรนประกบริมฝีปากแดงสด บดขยี้ด้วยความเสน่หา ดุดันและเร่าร้อนคล้ายพิศวาสปานจะกลืนกิน รูปโฉมอันน่าหลงใหลเป็นที่ถูกใจแก่ผู้พบเห็น ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็มิอาจเบื่อได้เลย

จิตใจที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวมันช่างหวานหอมยิ่งนัก หากได้ครอบครองแล้วหัวใจข้าจะได้พบกับความสนุกสักแค่ไหนกัน รอหน่อยเถิด เจ้าจะเป็นของข้าตลอดกาล อาลีธา

“ไม่นะ ได้โปรด อย่าพรากมันไป” อาลีธาร้องไห้ให้กับความสิ้นหวัง ตัวหล่อนไม่สามารถขัดขืนต่อข้อสัญญาที่เคยทำเอาไว้ได้

“ความรักงั้นรือ มันไม่มีประโยชน์หรอกอาลีธา เขาไม่รักหญิงมีตำหนิหรอก หรือเจ้าอยากจะลองเสี่ยง” คาเรนยิ้มเป็นประกายอย่างผู้ที่กำชัยชนะไว้ตั้งแต่เดินเข้ามาที่นี่แล้ว

“ข้าขอร้อง หากสิ่งใดที่ท่านปรารถนา ข้าจะนำไปให้ ได้โปรดอย่า....อื้ออ” ปากบางถูกประกบอีกครั้ง มือทั้งสองไร้ซึ่งพลังขัดขืน ตัวนางค่อยๆ เอนลงกับพื้นหินอ่อนเย็นยะเยือก อาภรณ์ปดปิดถูกรั้งออกด้วยสองมือหญิงงามผู้ทรงเสน่ห์คนนี้

“อย่าต่อรองกับข้า อาลีธา” ทั้งสองมือถูกรั้งเอาไว้ด้วยเชือกวิเศษล่องหน แต่มันไม่เจ็บปวดเท่ากับร่างกายที่กำลังถูกบดขยี้ หล่อนกอดเธอด้วยความกระหาย ความหวาดกลัวปกคลุมไปทั่วจิตใจ เธอไม่สามารถนำความสุขไปสู่ชายอันเป็นที่รักก่อนคืนวันที่ได้กำหนด

“อ๊าาา” เสียงร้องจากปากนางผู้นี้มันน่าหดหู่เสียจริง คราบน้ำตาหวานหอมนี้

ข้าอยากลิ้มลองมานานแล้ว คาเรนจุมพิตไปยังผิวแก้มใสที่เปราะเปื้อนความหอมหวาน ดูดดื่มความงามของหญิงสาวอยู่อย่างย่ามใจ แม้กระทั่งคราบเลือดไหลเปื้อนนั่นก็ยิ่งกระชากเอาความโศกของหล่อนให้เพิ่มพูน

ค่ำคืนอันหนาวเหน็บไม่มีสิ่งใดให้ความสนุกได้เท่านี้มาก่อน ข้าจะกอบโกยจนกว่าเวลานี้จะหมดลง ต่อให้ผู้วิเศษหน้าไหนคิดอยากยื่นมือมาช่วยเหลือ ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะข้อตกลงที่ทำไว้ มีเพียงสาวน้อยผู้นี้เท่านั้นที่ต้องรับชะตากรรม

รุ่งสางของความบ้าคลั่งใกล้เข้ามาแล้ว หมดแล้วจริงๆ หรือกับความสนุกในค่ำคืนโหดร้าย ไม่เพียงพอเลยสำหรับคาเรน จุมพิตร้อนระอุนี่เป็นเป็นสิ่งสุดท้ายแล้วหรือที่อาลีธาจะได้รับ ถ้าใช่คงเป็นเรื่องที่ไม่น่ายินดีเอาเสียเลย

“อาลีธา หมดเวลาของข้าแล้วหรือนี่ แม้ว่าข้ายังไม่อยากปล่อยเจ้าไป” คาเรนกระซิบเป็นประโยคชวนสยองข้างใบหูเด็กสาว หล่อนหลับตาปี๋อย่างหมดหวัง ความแปดเปื้อนถูกนำพามาพร้อมๆ กับความหวังที่เป็นจริง มันคงต้องแลกกันล่ะนะ

“ท่านทำให้ข้ามีตำหนิ ข้าขอสา..ป.... อื้ออ” แล้วคำพูดของอาลีธาก็ทำให้หล่อนเจ็บปวดอีกครั้งกับจุดสงวนต้องห้าม

“อย่านะเด็กน้อย ข้ายังไม่อยากโกรธเคืองอะไรเจ้า.... เจ้าคงคิดดีแล้วที่มาอ้อนวอนต่อคำขอของตน เจ้าเองก็สมหวังแล้วไง ข้าแค่มาทวงสิ่งตอบแทนเท่านั้น” เธอลูบไล้ผมเส้นบางที่ไหลปกใบหน้าซึ่งฉายแววเจ็บปวด ความทุกข์ทรมานนี้ช่างสนุกเสียจริง

“ฮือๆ ๆ” อาลีธาคร่ำครวญกับโชคชาตาอันโหดร้าย หญิงสาวผู้ซึ่งไม่อาจเลือกทางเดินของตัวเองได้

“อย่ากลัวไปเลย อ้อมกอดข้าต้อนรับเจ้าเสมอ” คาเรนลุกขึ้นยืนดึงผ้าพันกายผืนสีดำเงาขึ้นมาโอบไว้รอบตัว ถึงเวลาที่ต้องกลับหอคอยเสียที

“ข้าจะเผาวิหารรูปเคารพของท่าน” แววตาเกรี้ยวโกรธเป็นสิ่งเดียวที่สาวน้อยจะส่งไปถึงหญิงสาวสง่างามเบื้องหน้าเพื่อเป็นการบอกว่านางเจ็บช้ำใจเพียงใด แล้วนางก็คิดจะทำสิ่งที่เอ่ยออกไปเสียด้วย

“งั้นเหรออาลีธา เจ้าก็เป็นแค่มนุษย์โง่เขลา....หากเจ้าไม่อยากเจ็บปวดเช่นนี้ ก็อย่าริอาจมาอ้อนวอนกับธิดาเทพอย่างข้าสิ ข้าทำให้เจ้าไม่ต้องเข้าพิธีกับเจ้าแก่ผู้นั้น ข้าทำให้เจ้าได้รับความรักจากชายที่เจ้าฝันถึง ยังน้อยไปที่เจ้าตอบแทนข้านะ” ไม่มีทีท่ากึ่งเล่นกึ่งจริงอีกแล้วบนใบหน้าของธิดาแห่งความมืด คาเรนกำลังพิโรธ นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้สาวน้อยผู้เจ็บช้ำตรงหน้าหลับตานิ่ง หาเช่นนั้นคำสาปมากมายอาจหลุดออกมาจากตัวนาง มันคงมากพอที่จะทำให้เธอเจ็บปวดจนตายทั้งเป็น

“ข้าเกลียดน้ำมนต์ขวดนี้ จงอย่านำมาไว้ในห้องของเจ้าอีก แล้วข้าจะอภัยในสิ่งที่เจ้าพลั้งปากไป” คาเรนเดินออกมาจากห้องก่อนฟ้าสางจะหมดไป ก่อนที่ดวงตะวันจะได้ฉายแสงเร่าร้อน แน่นอนว่าไม่นานนักเธอได้ยินเสียงขวดแก้วตกกระทบพื้นแตก

หึหึหึ ถึงแม้จะไม่ได้มาจากความเต็มใจ อาลีธาผู้นั้นก็ปาขวดน้ำมนต์ทิ้งจนได้ นี่แหละชัยชนะที่เธอจะกำเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว



........................




ความมืดมิดนั้นเหรอ ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ไม่มีแม้แต่ผู้ใดได้สัมผัส แม้เป็นเช่นนั้น ทุกคนก็รู้ว่ามันมีอยู่จริง มันมีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง เป็นความว่างเปล่าที่จับต้องไม่ได้ เป็นสายลมร้อนระอุ เป็นภูเขาไฟที่เดือดดาน หรืออาจเป็นแค่ซอกมุมของหัวใจที่แสงสว่างส่องไปไม่ถึง

หอคอยล้ำค่าแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ของเธอแต่เพียงผู้เดียว มันถูกบดบังด้วยความหวังที่ดับสูญ เสียงร่ำไห้คร่ำครวญ ความเจ็บปวดทรมานไร้ที่สิ้นสุด

มันไม่ได้น่าชวนพิสมัยเท่าไหร่นัก เป็นเพียงสิ่งหนึ่งที่เธอรับรู้ได้ว่าการยอมแลกทุกอย่างเพื่อหนีความสิ้นหวังนั้นมีอานุภาพได้มากขนาดนี้ คำขอร้องให้ผลตอบแทนที่รวดเร็วและคุ้มมากพอที่จะเสี่ยง แม้จะเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ได้ทำให้เธอสงบนักหรอก

“ท่านคาเรน ท่านเกือบจะมาไม่ทันประตูหอคอยปิด ข้าเป็นกังวลยิ่ง” ทาสผู้ซื่อสัตย์รอคอยเจ้าหญิงคนสำคัญกลับมา นางไม่แม้แต่จะสามารถทำอันใดได้ นอกจากการรอคอยไร้ที่สิ้นสุด

“เจ้าห่วงข้าจริงหรือชาร์น่า” นางผู้สูงส่งนั่งยังเก้าอี้ตัวใหญ่กลางห้องโถง สายตาก็เหลือบแลทาสสาว

“ข้าห่วงท่านยิ่งกว่าสิ่งใด” นางทาสยอบตัวต่ำด้วยแววตาสลด

“มิใช่เจ้าหวงข้าหรอกรึ” คาเรนจงใจผลักนางลงกับพื้น

“ข้ามิอาจ....”

“อย่าฝันสูงไปหน่อยเลย เจ้าเป็นเพียงทาสชั้นต่ำ คิดจะเทียบเคียงข้านั้นไม่มีทางเสียหรอก” คาเรนกระชากผ้าคลุมกายของทาสผู้ต้อยต่ำออก หล่อนตอบสนองได้ดีเสียยิ่งกว่าอะไร และมันก็เติมเต็มความสนุกของเธอที่ยังไม่เต็มอิ่มจากอาลีธาได้เป็นอย่างดี

“อ๊า อ๊า ฮึก” เสียงร้องของทาสสาวช่างสร้างความสนุกได้ไม่รู้เบื่อ เธอกัดกินความเจ็บปวดของชาร์น่า แน่นอนว่าหล่อนเต็มใจ

“เจ็บปวดหรือชาร์น่า รือต้องการให้ข้าหยุด” เธอถามเสียงต่ำ สร้างความสับสนในใจทาสสาว

“ข้าไม่เป็นไร ได้โปรดกอดข้าเถิด” นางอ้อนวอนแม้ร่างนั้นจะเปื้อนอาบด้วยเลือดและรอยข่วน

“กายทิพย์นั้นไม่บุบสลายนี่นะ ข้าคงไม่ต้องออมมืออย่างมนุษย์ผู้นั้น” คาเรนข่วนหน้าท้องของทาสคู่กายเป็นทางยาวราวมีดกรีด หล่อนเบือนหน้าหนี

“อย่าหลบตาข้า ชาร์น่า”

“ท่านกับมนุษย์ผู้นั้น....” ดวงตานั้นรวดร้าวอย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้

“หึหึ ทรมานไปกับความเศร้าของเจ้าเถอะ” ข้าจงใจจุมพิตนางทาสให้ได้รับรู้ถึงรสชาติของมนุษย์คนก่อนที่กลืนกินไปในค่ำคืนที่ผ่านมา

“ไม่เป็นไร....ฮึก” แม้จะพูดเช่นนั้น แต่นางปวดร้าวจนหัวใจแตกเป็นเสี่ยงๆ ความตายหรือการสิ้นสุดมันยังน้อยไปกับความรู้สึกที่นางได้รับ

คาเรนสวมกอดทาสสาวจนเป็นที่พอใจแก่ความสนุก ดื่มด่ำกับความเศร้าโศก หมองมัว แล้วก็เขี่ยนางทิ้งให้พ้นทาง เป็นเช่นที่ระบายอารมณ์ชั้นยอด แต่ทุกครั้งที่ยิ่งได้สัมผัส ข้ากลับเห็นสิ่งที่ไม่อาจล้มล้างได้ในดวงจิตของนาง และข้าเกลียดกลัวสิ่งนั้นเป็นที่สุด

ความหวัง.... ความหวังแรงกล้าจากทาสของข้า แน่นอนมันไม่มีทางเป็นจริง ข้าจะฉีกกระชากความหวังลมๆ แล้งๆ นั่นพังลงทุกครั้ง และก็หนักหน่วงขึ้นทุกทีที่โมโห

“ฮะฮ่า เจ้ากำลังร้องไห้ ผิดหวังหรือที่ตัดสินใจแบบนั้น ย้อนไปได้เจ้าคงไม่คิดอะไรโง่ๆ เช่นนี้” คาเรนหัวเราะ เธอนั่งดูเรือนร่างที่พึ่งถูกขยี้ไปครั้งแล้วครั้งเล่า นางทาสต้อยต่ำนอนหมอบเปลือยกับพื้นห้อง บาดแผลเต็มเรือนร่างไม่เจ็บปวดเท่าดวงตาคู่นั้น

“ข้าไม่เคยผิดหวัง ต่อให้ข้าย้อนไปได้....ก็จะทำแบบเดิม” เสียงหล่อนสั่นทว่ามันมั่นคง ผิดกับท่าทางที่คลานลงมาหมอบแทบเท้าเธอ นางทาสผู้ซื่อสัตย์จูบพรมไปยังฝ่าเท้าผู้เป็นนาย

“ช่างโง่ยิ่งนัก เจ้ามันโง่” ข้าสะบัดขาออกพร้อมกับเดินเลี่ยงมาจากความหวังอันแรงกล้า คาเรนเกลียดมัน และจะเกลียดไปจนวันตาย

ความมืดเอ๋ยความมืด จงมาสถิตแก่ดวงจิตของนาง แม้ว่าจะเฝ้าขอไปเช่นนั้น แต่ก็ไม่มีความมืดมิดใดทำลายเสียงเรียกของหัวใจนางได้ ข้าไม่อยากจะแพ้ให้แก่ทาสโง่เขลานางนั้น

คาเรนปิดประตูห้องนอนลง ไม่มีสิ่งใดเป็นที่รบกวนแก่เธอได้อีก จะมีก็เพียงแค่ความดำสนิทของแสงสว่างเท่านั้น มันทำให้ข้ามองเห็นได้ชัดแจ้งเลยล่ะ



........................



“ท่าน....คาเรน”

นิทราราตรีนี้ยาวไกล จะปล่อยใจไขว้เขวกับสิ่งไหน ไม่ว่าคำตอบของท่านเป็นคำใด จงเปิดใจรับข้าสู่ราตรี....

ขอยอมตายแม้หัวใจนั้นมืดมิด ดับสนิทปิดทางขวางมากั้น ความหวังเดียวในจิตที่ดื้อรั้น ไม่ไหวหวั่นสั่นคลอนแม้ตรอมใจ....

ชาร์น่านั่งพิงประตูห้องของนายเหนือหัว กายทิพย์ของนางค่อยๆ ฟื้นตัวตามพลังและอำนาจที่มี แม้มันจะช้าและทำให้เจ็บปวด แต่ก็คุ้มค่าแล้วกับสิ่งที่ตัดสินใจ มันมีค่าและสำคัญเสมอ....




........................