ทิวาราตรี ตอนที่1

หากแม้นโลกนี้มีเพียงแสงสว่าง ข้าคงไม่มีที่ยืน....

ความยาวนานของกาลเวลาทำให้หัวใจข้าสับสน เห็นตัวเองเดินวนเวียนอยู่ในห้วงเวลาที่ไม่มีสิ่งใดให้ยึดติด ผู้คนต่างพากันหวาดกลัวเสียงหัวเราะ เสียงพูดคุยหรือแม้กระทั่งเสียงร่ำไห้ของข้า พวกเค้าไม่ได้โศกเศร้า พวกเขาแค่หวาดกลัวในสิ่งที่ข้าเป็น ....ทรมานหรือเสียใจแค่ไหน ก็ไม่รู้ จำเรื่องเหล่านั้นไม่ได้แล้ว มันผ่านมานานเกินไป ยาวนานเกินไปที่จะเสียใจหรือร้องไห้ให้กับการกระทำของตัวเอง

“ท่านคาเรน วันนี้ท่านจะออกไปยังที่แห่งใด โปรดนำข้าติดตามไปด้วยเถิด” คำขอของทาสผู้รับใช้เอ่ยขัดจังหวะความคิด

“เจ้าเบื่อหรือที่ต้องอยู่ในหอคอยแห่งนี้” ข้าไม่ได้เผยความรู้สึกใดออกจากคำพูด หากสีหน้าและแววตามีแต่ความโกรธา

“หาใช่ไม่ เพียงแต่ข้า....” อ่า ใช่แล้วดวงตานางมันฟ้อง สถานที่แห่งนี้ช่างน่าเอือมระอาเสียเต็มประดา คิดจะหาข้อแก้ตัวตอนนี้มันไม่ทันเสียแล้วล่ะ

“ชาร์น่า มีสิ่งใดที่ข้าไม่รู้.... ใช่ว่าข้าโปรดปรานเจ้านักหรอก เจ้าถึงได้มายืนอยู่ตรงนี้”

คาเรนแสยะยิ้มรอดไรฟันด้วยความหมางเมินจนเกินกว่าใครจะเข้าถึง

“ได้โปรดท่านคาเรน ข้าผิดไปแล้ว อภัยให้ข้าด้วย” นางทาสยอบตัวต่ำ หวังเพียงสิ่งที่นางทำจะสามารถชดเชยความพลาดผิดที่คิดเบื่อหน่าย

“นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เจ้าอ้อนวอน แต่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าอภัย เมื่อใดปรากฏเป็นเช่นนี้อีก เจ้าจงไปสถิตอยู่กับบรรดาทาสตนอื่นเสียเถอะ”

แล้วผู้เจิดจรัสในดินแดนมืดมนแห่งนี้ก็ก้าวเดินอย่างสง่าผ่าเผยผ่านพ้นยามคุ้มกันหนาแน่น ก้าวผ่านเสียงโหยหวนชวนสะอิด ออกมาจากหอคอยมืดมิดแห่งนั้นเพียงลำพัง

ทิ้งไว้ก็แต่นางทาสผู้หนึ่ง ที่มิได้มีจิตใจคิดเอือมระอาแต่อย่างใด นางเพียงแค่ไม่อาจเอื้อมไปยังสิ่งที่นางหวัง แล้วสิ่งนั้นก็นำมาเพียงความทุกข์ระทม




........................




ยามวิกาลราตรีเงียบสงัด สายลมพัดเอื่อยเฉื่อยให้ว้าเหว่ จะมีสิ่งอันใดให้รวนเร โอ้ลมเพลมพัดสงัดใจ....

ค่ำคืนแห่งนี้แสนทนทุกข์ ขอเพียงสุขหนึ่งเดียวจะคลายเหงา ความมิดมืดจืดจางพรางเป็นเงา แสนโศกเศร้าโศกาและอาดูร....

ข้ามีเพียงความเสน่หามอบให้พวกท่าน จงอย่าย่ามใจว่าจะรับมันไปได้ง่ายๆ เพราะสิ่งนั้นมันจะมาพร้อมกับคำสาป แต่หากพวกท่านเต็มใจรับไว้ ก็อย่าได้ระทมไป ใคร่เพียงขอคลายความเหงาเศร้าใจนี้ให้ข้าบ้างเถิด

คาเรนในชุดดำเงางามนั่งทอดอารมณ์เรื่อยเอื่อยอยู่ในบาร์ไม้ริมสุด ณ ที่ๆ มีแสงสว่างเฉียดกรายเพียงน้อยนิด หล่อนมองเพียงเครื่องดื่มสีอำพันใสที่อยู่ตรงหน้า

อา.... มันช่างงดงามยิ่งนัก ความหอมนุ่มละมุนนี่ทำให้จิตใจลุ่มหลงได้ง่ายดาย แม้ข้าจะรู้ และอยากจะติเตือนพวกเจ้าสักแค่ไหน มันก็คงเป็นได้แค่ลมปาก จิตและกายพวกเจ้าเองที่เสพมันเข้าไป จงอย่าโทษสิ่งใดนอกจากตัวเองเลย

“กำลังรอใครอยู่รือ” ชายหนุ่มเสียงทุ้มลึกผู้ที่มีเสน่ห์ในแดนอำพันเอ่ยถาม

“เปล่าเลย ข้าแค่มานั่งคลายเหงา” ข้าตอบเรียบง่าย พรางโปรยยิ้มมารยาน่าดูชม

“หากเพียงท่านต้องการ ผู้ต้อยต่ำเยี่ยงข้าจะสามารถทำให้ความเหงานั้นหายไปได้รึไม่” ประกายตาเว้าวอนของเขาสดใสเสียเหลือเกิน มนุษย์ใดได้เหลือบมอง คงเห็นเป็นทองที่เจิดจรัส

“หัวใจข้าเป็นเพียงสิ่งว่างเปล่า เจ้าจะไขว่คว้าได้อย่างนั้นฤ” ดวงตาดำคลับจ้องเขากลับด้วยท่าทางกึ่งเล่นกึ่งหยอก

“มอบมันให้ข้าสิ ข้าจะเติมให้เต็มเอง” ใบหน้าชวนหลงใหลดกครึ้มไปด้วยหนวดเคราแห่งชายรูปงามยื่นเข้าไปจุมพิตหญิงสาวที่มาพร้อมความลึกลับ หล่อนน่าค้นหาเหลือเกิน

“ข้าใคร่ดื่มกินแต่ความบริสุทธิ์เท่านั้น แต่ท่านอย่าสนใจสิ่งใดไป จงเร่งพาข้าไปยังเรือนพักของท่านเถิด” แววตาที่ปกคลุมด้วยความมืดบดบังแสงสว่างของสีอำพันไปได้หมดเพียงเสี้ยวนาที

“ได้สิท่านหญิง” เขาน้อมรับคำสาปนั้นโดยหารู้ไม่ มันจะนำพามาซึ่งความเจ็บช้ำมาสู่ตน



........................




เสียงควบม้ากึ่งประสานถ้อยคำไพเราะถูกย้อนยอกพรั่งพรูเป็นสำเนียงขับกล่อม แม้ใจข้าเต้นได้มันคงทำให้รู้สึกดีไม่น้อย อ้อมกอดกำยำนำพานางทยานไปพร้อมอาชาคู่ใจ

อาชาชั้นดีดูแล้วคงเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในกลุ่มชนชั้นที่หายาก กล้ามเนื้อพวกมันมัดติดกันแน่น เป็นของบูชาเลื่องชื่อที่เธอมักได้รับจากผู้ที่เลือกนำความมืดมาสู่ตน

“ไม่นึกว่าเจ้าม้านั่นจะชอบท่าน ส่วนใหญ่มันไม่สุงสิงกับผู้ใดนอกจากนายมัน” เขากล่าวคำหวานเหมือนเธอเป็นสิ่งที่พิเศษสำหรับม้าคู่กายเขา

“ท่านคงไม่ได้อยู่ผู้เดียวในเรือนแห่งนี้” คาเรนปราดตาดูแวบแรกก็ประจักแก่ใจแล้วว่าเขามาจากชนชั้นที่เหนือกว่าผู้ใดในแดนอำพันนั่น

“แน่นอนท่านหญิง แต่เรือนของเรามีเพียงข้าและท่านเท่านั้น” ชายหนุ่มไม่รีรอตรงเข้าโอบกอดหญิงสาวที่เขาปรารถนา

“แล้วท่านจะอนุญาตหรือไม่ หากข้าหวังเพียงได้เชยชมทุกเรือนพักที่ท่านมีอยู่” เธอประกบจูบเขาอย่างร้อนรน สร้างประกายไฟให้ความปรารถนานั้นโชติช่วง

“ข้าให้ท่านได้ทุกประการท่านหญิง.... เป็นของข้าเถิด” มือหยาบกำยำพยามปลดเปลื้องผ้าผืนบางที่ปกคลุมตัวนางอยู่ หากแต่เมื่อมันได้ถูกกระชากออกจากลำตัวผู้สวมใส่ นางอันเป็นที่ปรารถนาก็เลือนลางหายไปพร้อมกับรอยยิ้มทรงเสน่ห์ ดวงตาเขาก็พลันปิดลงด้วยความมึนเมา



........................




นางผู้สูงศักดิ์แสยะยิ้มเดียดฉันท์ไปยังทางเข้าของตัวบ้านหลังหนึ่งในที่ดินผืนเดียวกันนี้ ทุ่งกว้างเว้นว่างสำหรับทางเดินประดับประดาด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ เป็นอันรู้กันว่าชนชั้นกลางผู้มีอันจะกินขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถสรรหาสิ่งเหล่านี้เข้ามาได้

แต่ไม่ว่าจะชั้นชนไหนต่างก็มีเรื่องให้เดือนร้อนใจกันทั้งนั้น หรือมันไม่จริงล่ะ คำสาปต้องห้ามไม่ใช่สิ่งที่นำมาใช้กันง่ายๆ หากมันผู้นั้นไม่วิงวอนขึ้นมาก่อน

นับว่าเป็นเกียรติที่ผู้ขอพรกลับหลบเร้นกายเป็นอย่างดี มิเช่นนั้นแล้วข้าคงไม่จำเป็นต้องลงมาขอสิ่งแลกเปลี่ยนคืนด้วยตนเอง

ก็ดีไม่น้อยที่ใจมืดดำดวงนี้ได้มีเรื่องน่าสนุกจนสั่นไหวได้บ้าง ถ้าไม่เพราะคำล่ำลือของชาวบ้านแถบนี้ถึงความงามอันเลอค่าของสาวน้อยวัยกระเตาะ มันคงไม่น่าตื่นเต้นอันใด ทว่าความบ้าบิ่นของนางนั้นกลับไม่เป็นที่ปรากฏแก่คำล่ำลือนั่นเลย




........................