ฉันก็แค่... ตอนที่7

ก๊อกๆ ๆ 

คุณหมอผู้ใจเย็นยืนรอหน้าห้องเพื่อนใหม่ที่พึ่งรู้จักได้ไม่นาน เธอต้องการใครสักคนเพื่อนำทางไปยังห้องผู้อำนวยการโรงพยาบาล แต่การยืนรอนี่ช่างแสนนานเสียเหลือเกิน 

ไม่รู้ว่าคุณธาดาจะหลับอยู่หรือเปล่า เมื่อวานมัวแต่พาเธอไปกินนั่นกินนี่ น่าจะไม่มีเวลาพักผ่อน อีกสามชั่วโมงก็เป็นเวลางานของหล่อน เธอควรรบกวนหรือเปล่านะ

มาริสาคิดได้ดังนั้นจึงไม่รบกวนดีกว่า เธอเดินหันหลังให้ห้องที่สองชั้นสาม เพื่อไปยังจุดหมายเพียงลำพัง แล้วพอเดินออกมาไม่กี่ก้าว ประตูก็เปิดออก พร้อมกับเสียงอู้อี้เรียกเธอให้หันกลับไป

"สา เข้ามาก่อนสิ" ธาดาในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นยืนกวักมือเรียก

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปเองได้ หลับต่อเถอะ" ใครจะกล้ารบกวนเล่า เธอก็เกรงใจเป็นเหมือนกันนะ ถึงแม้จะนัดกันไว้ดิบดีแล้วก็เถอะ 

"มาๆ " คนง่วงเปิดห้องทิ้งไว้ แล้วเดินหายกลับเข้าไป ทำให้เธอต้องตามเข้าไปจนได้ นี่ดีนะ ยังไม่ถึงเวลานัดพบ ไม่อย่างนั้นเธอจะร้อนรนยิ่งกว่านี้

ว้าว นี่ห้องหรือสวรรค์กันแน่ ทุกอย่างจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบในพื้นที่ประหยัดขนาด เตียงนอนของธาดาดูท่าจะนุ่มสบายเวลาหลับ ไหนจะเก้าอี้รับแขกเข้าชุด ราวกับจัดสรรและคัดเลือกมาเป็นอย่างดี เค้าเดิมของห้องพักแทบไม่มีหลงเหลืออยู่เลย เข้ามาคงนึกว่าพักโรงแรมไม่ต่ำกว่าสี่ดาวเป็นแน่แท้ 

ผิดกับเจ้าของห้อง เธอมอบคะแนนดาวให้หล่อนตอนนี้คือหนึ่งหรืออาจไม่ถึง เพราะเมื่อเข้ามาคุณพยาบาลก็ทิ้งตัวฟุบลงบนเตียงต่ออีก ช่างน่าหงุดหงิด เรียกเข้ามาดูหล่อนหลับรึไง ยังไม่ถึงเวลาก็จริง แต่ให้รอแบบนี้ก็กระไรอยู่นะ เธอเองก็ไม่อยากรบกวนนัก

"คือว่า...." มาริสากำลังจะหาคำพูดมาขอปลีกตัว

"หลับเดี๋ยวนึงนะคุณหมอ.... ครัวอยู่ตรงนั้น ตามสบาย ถ้ามีไอเดียอะไร ฝากทำเผื่อฉันสักจานนะ" 

แล้วมนุษย์สุดขี้เกียจก็ปิดตาลง ทิ้งให้เธอยืนงงกับสภาพชุดนอนกึ่งเปลือยบางเบา จนแทบจะเห็นหมดทุกส่วนสัด ไม่หนาวหรืออย่างไร มาริสาหยิบผ้าห่มมาคลุมปิดไว้ให้ เห็นอาการหลับหัวบี้หัวแบนก็รู้ว่าคงดิ่งลงลึกเกินจะเรียกขึ้นมาพูดคุยตอนนี้

"เง้ออ" เธออุทานเบาๆ พลางคิดในใจว่าแบบนี้ก็มีด้วย

หลังจากเปิดตู้เย็นที่เรียกได้ว่าอุดมสมบูรณ์ต่างจากห้องของเธอ ก็ทำให้ทราบได้ว่าเจ้าของห้องคงเป็นคนดูแลเอาใจใส่สุขภาพตัวเองพอสมควร มีทั้งเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ น้ำแร่ น้ำผลไม้ ผักผลไม้สด ไข่ไก่ และเนื้อสดแช่แข็ง พลันนึกถึงตู้ก่อนหน้านี้ที่เปิด มีแต่ไข่ อาหารสำเร็จรูปใกล้หมดอายุลดราคา และก็น้ำดื่มหยอดเหรียญ เห็นทีอาจต้องมาเยี่ยมห้องนี้บ่อยๆ ซะละ

ไข่ทรงเครื่อง เธอคิด น่าจะทำได้ทันเวลาที่คุณธาดาตื่น มาริสาจึงเริ่มด้วยการหุงข้าวซ้อมมือในหม้อหุงข้าวเล็กๆ ขนาดพอเหมาะ แล้วนำผักออกมาล้าง หั่น ในเวลาอันรวดเร็ว จากนั้นจึงตั้งไฟในกระทะไฟฟ้า ระหว่างที่คนส่วนผสมอย่างรวดเร็ว นำไข่คนใส่กระทะ พยามให้ให้เนื้อไข่เป็นแผ่นบางๆ ไม่สุกจนเกินไป เทส่วนผสมลงไปแล้วใช้ตะเกียบค่อยๆ คีบม้วนห่อเป็นไข่ม้วนทรงเครื่องได้อย่างลงตัว เธอตักมาวางรอข้าวสวยสุก และเริ่มทำอีกจานเผื่อตัวเอง


........................


หารู้ไม่กลิ่นหอมอ่อนๆ ของอาหารที่ไม่ได้ถูกดูดด้วยเครื่องดูดควันไปหมด แต่มันไปกระทบกับประสาทสัมผัสของธาดา เธอลุกขึ้นนั่ง ย่องช้าๆ มาแอบดูใครบางคนทำอาหาร แปลกใจเล็กน้อยที่เห็นว่ามันแตกต่างจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใส่ไข่ คนทำดูตั้งใจและมีสมาธิมากพอที่จะไม่ทันหันมาดูเธอ 

ทำให้ธาดาได้มีโอกาสสำรวจพฤติกรรมของอีกฝ่าย มาริสาดูคล่องแคล่วอย่างบอกไม่ถูก มีบางอย่างในตัวหล่อนที่สะกิดใจเธอ นับได้ตั้งแต่แรกเจอจนถึงตอนนี้ 

แต่หากมองผิวเผิน ก็ไม่ต่างจากคุณหมอส่วนใหญ่ทั่วไป ผิวขาวสว่างอมชมพู ปากแดงไร้ซึ่งการแต่งแต้ม แววตาซื่อแต่ไม่เซ่อ หล่อนมาพร้อมกับเครื่องราวบางอย่างที่เธอไม่รู้ ท่วงท่าตั้งใจนั่นทำให้เธอเกิดนึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา 

ธาดาปาดน้ำตาของความเสียใจออก พยามเพ่งเล็งไปที่อาหารในจาน มันดูน่ากินสุดๆ เหมือนไข่ลาวาทรงเครื่อง อันนี้เธอตั้งชื่อเองในใจ คนที่ไม่รู้ตัวว่ามีคนจ้องตักข้าวใส่ถ้วย คว่ำวางไว้ข้างๆ รอยยิ้มแสนน่ารักบ่งบอกได้ว่าหล่อนภูมิใจที่ทำออกมาได้น่ากินขนาดนี้ แต่ก็มีจังหวะนึง เห็นเอามือคีบเนื้อทำท่าจะเอาเข้าปาก

"อะแฮ่มๆ ฉันเอาอีกจานนะ จานนั้นเธอกินหมูไปเกือบหมดเลย" ธาดาเอ่ย

"คุณธาดาาา" คุณหมอกลืนสิ่งที่เคี้ยวแทบไม่ทัน หน้าตาหวาดๆ กับสองมือโบกไปมา เหมือนว่าไม่ได้กิ๊น ไม่ได้กินเลยนะ นี่แหละมั้ง เป็นสิ่งที่เธออยากสัมผัสตัวจริงให้มากกว่านี้ ธาดาคิด มันช่างสดใสเหลือเกิน เบื้องหลังมันน่าชวนลุ้นว่ามีสิ่งแอบแฝงหรือไม่

"ทำอาหารเก่งเหมือนกันนี่" ธาดากล่าวชม แล้วเดินมาหยิบคว้าจานอาหารมานั่งเตรียมรับประทาน

"ไม่หรอก ฉันเลียนแบบตามคลิปสอนทำอาหารที่เคยดูมา ไม่รู้อร่อยมั้ย" หล่อนทำหน้าอายๆ ได้น่ารักจริง เธอตั้งใจชมหรอกน่า 

"ก็คงดีกว่าบะหมี่ใส่ไข่ล่ะเนอะ" ธาดายิ้มแล้วตักคำแรกเข้าปาก อร่อยใช้ได้ พอเลยๆ ไม่ต้องเป็นหมอละ ไปเป็นกุ๊กดีกว่าแบบนี้

"ผ่านมั้ยคะ" มาริสามองด้วยท่าทางลุ้นๆ

"ก็พอใช้ กินได้นะ" เธอเห็นคุณหมอแอบโล่งใจ หยิบน้ำมารินใส่แก้วเอามาวางให้เธอ

"ฉันทำเสียงดังให้คุณตื่นรึป่าว" มาริสาถาม 

"ใช่" ธาดาแสร้งทำหน้าเครียด

"ขะ ขอโทษ" เธอรีบจ้องจานข้าวตัวเองทำเป็นว่ามันต้องเพิ่มซอสเล็กน้อย คุณธาดาคงคิดไปว่าเธอไม่มีความเกรงใจเอาเสียเลย 

รื้อของในตู้เย็นเค้ามากิน แล้วก็ส่งเสียงรบกวน แต่ก่อนนอนหล่อนบอกนี่ว่าตามสบาย ช่างคาดเดายากเสียจริง ไม่พอใจตรงไหนก็ไม่กล้าถามซะด้วย เงียบไว้ดีกว่า....

"ล้อเล่นน่ะ" พยาบาลหัวเราะลั่น กับสีหน้าผวาของเธอ

"...." นี่ล้อเล่นเหรอ น่ากลัวจังแฮะ 

"เอ๊า ล้อเล่นไง ยิ้มได้ละค่ะ" หล่อนไม่วายยิ้มหวานขัดกับคำพูดกึ่งสั่งกึ่งล้อ

"คะ ค่ะ" บุคลิกแบบนี้เธอก็แพ้ทางเสียด้วย อย่างกับคุณครูที่จ้องจะตีเมื่อเห็นเธอทำผิด หรือแม้จะไม่ได้ทำผิดเลยก็ตาม....


........................


หลังจากเดินผ่านซอกหลืบของตัวอาคารหลายชั้นหลายห้องมาได้พักหนึ่ง 

ธาดาก็เริ่มเล่าถึงประวัติของที่นี่ การก่อสร้างและสถาปัตยกรรมดูภายนอกเหมือนใหม่ ทว่ามันแอบร่วมสมัยอยู่บ้างตรงที่บางตึกมีอายุนานเป็นสิบๆ ปี 

มาริสาเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากนักหรอก แต่ทำไมรู้สึกขนลุกแปลกๆ ก็ไม่รู้

"ทางนี้ห้องผู้อำนวยการ....ดุหน่อยนะ" 

คุณพยาบาลสาวเอ่ยเท่านั้นแล้วก็ทิ้งตัวนั่งยังเก้าอี้นอกห้อง เธอเองก็อยากให้หล่อนเข้าไปด้วยก็ตรงคำว่าดุนี่แหละ.... ยังไม่ทันเจอะเจอเลย รังสีก็แผ่ออกมาข้างนอกนี่ซะละ

"ฉันเข้าไปก่อนนะ" หันไปบอกกับเพื่อนร่วมทาง

"ไปสิ เดี๋ยวรอข้างนอก" ใจชื้นขึ้นมาหน่อยเพราะมีคนรออยู่นอกห้องนี่ล่ะนะ

ก๊อกๆ มารยาทนำพาเธอเข้ามาสู่ห้องทำงานขนาดย่อมนี่ได้สำเร็จ มันเปิดต้อนรับอย่างเต็มใจ 

ผิดคลาดเล็กน้อยก็ตรงที่ผู้อำนวยการไม่ได้ดูแก่และน่ากลัวอย่างที่ธาดาขู่เอาไว้ตลอดทาง หล่อนยิ้มและรับไหว้อย่างเป็นมิตร คาดเดาได้ว่าคงเป็นรุ่นพี่ใหญ่ของเธอที่อายุห่างกันเกินหลักสิบปีไปสักนิด อายุเท่านี้สำหรับมาริสาคิดว่ามาก แต่คนทั่วไปคงมองว่ากำลังไฟแรง

"สวัสดีค่ะ ดิฉันมาริสา...." 

เธอแนะนำตัวเองคร่าวๆ แล้วก็นั่งด้วยคำเชิญตรงเก้าอี้อีกฝั่งกับโต๊ะเจ้าของห้อง ผู้อำนวยการพิจารณากริยาเธอสักครู่แล้วก็ยิ้มขึ้นมานิดหน่อยก่อนจะกล่าวช้าๆ ด้วยมาดนางพญา

"ยินดีต้อนรับนะคุณหมอ ฉันผกาวดี ฉันเป็นคนเลือกคุณเอง จากเรียงความของคุณ" ผู้อำนวยการหยุดแล้วมองไปยังแฟ้มเอกสารเล็กๆ ซึ่งมีรูปเธอและประวัติโดยย่อ

"ขอบคุณที่ให้โอกาสฉันนะคะ" มาริสาเอ่ยเสียงเบา

"ดูจากนามสกุลของคุณ คงไม่ทำให้ผิดหวังหรอก ต้องดีใจมากกว่าที่เลือกโรงพยาบาลนี้ มีหลายแห่งที่อยากได้ตัวคุณไปนะ ยังไม่ได้ลองสมัครดูเหรอคะ" 

มาริสาคิดว่าน่าจะเป็นคำถามหยั่งเชิง หรืออะไรสักอย่างที่หากตอบผิด หรือแสดงความคิดเห็นผิด อาจทำให้หล่อนจี๊ดตับแตก

"ฉันไม่ได้สมัครที่ไหนนอกจากที่นี่ค่ะ" แล้วเธอก็หยิกตัวเองก่อนจะมีคำพูดอื่นหลุดออกมา พลางเจ็บใจที่ไม่คิดคำตอบปั้นแต่งให้ดูดีอีกสักหน่อย

"ค่ะ ฉันเชื่อ" ผอ. ดูไม่ใส่ใจรายละเอียดเท่าไหร่ ถามนั่นนี่ได้ไม่นานก็บอกให้เธอไปได้

"ฉันเห็นแววในตัวคุณนะ อย่าทำให้ผิดหวังล่ะ เริ่มงานของคุณได้ค่ะคุณหมอมาริสา" มาริสาขอบคุณและขอตัวออกนอกห้อง ด้วยอาการไม่วิตกเท่าที่ควร

ทันทีที่ออกมาก็หันไปเห็นพยาบาลนั่งส่งยิ้มหวานมาให้ สงสัยจะหลอกให้เธอตกใจมากแน่ๆ ไว้ใจไม่ได้เล้ยย พยาบาลคนนี้

"ไม่น่ากลัวเลยนี่" เธอบอกระหว่างทางเดิน

"ฉันก็เฉยๆ นะ แต่คนที่นี่เหมือนจะเกรงๆ เห็นว่าแกเป็นหมอผ่าตัดมือต้นๆ ที่วางมือไปแล้วด้วย....เอ่อ ฉันจะบอกชื่อล้อเลียนที่เค้านินทาลับหลังให้เอามั้ย" พยาบาลยิ้มล่อหน้าเหมือนเป็นเรื่องที่เธออยากรู้ซะมากมาย

"ไม่อ่ะ ฉันไม่สนเท่าไร่" เธอทำหน้าเฉยเมย ความอยากรู้ก็มีน้อยนิด ทว่าไม่เกิดประโยชน์อันใดด้วย อีกอย่างหล่อนก็เป็นคนเลือกเธอเข้ามา เสมือนเป็นนายจ้างกรายๆ ด้วยจำนวนหุ้นใหญ่สุดในโรงพยาบาลที่ครอบครัวหล่อนถือไว้ ก็คงไม่มีใครขัดใจคุณผกาวดี ผู้ซึ่งเลือกเธอที่ประสบการณ์ยังน้อยเข้าทำงาน ฉะนั้นทางใครทางมัน เธอทำงานรับเงิน จบแค่นั้น ช่างชื่อเล่นนั่นเถอะ

"โถ่ ไอ้เราก็อุตส่าห์จะบอก" พยาบาลทำคอตกเพราะถูกขัดด้วยอาการไม่สนโลก

"จ้ะ รู้ไปก็เท่านั้น" เธอยักไหล่ เบะปาก แล้วเชิดใส่พยาบาลจนหล่อนเหวอๆ กับท่าทางนั้น

"จะบอก แล้วเธอต้องฟังด้วย" เหมือนแม่นางจะยังไม่ล้มเลิกง่ายๆ เธอเลยเอามืออุดหู ยักคิ้ว กึ่งท้าทายกึ่งแกล้งคืน

"อร๊าย....คนอะไร...." เหมือนคุณธาดาจะทำปากบ่นขมุบขมิบแต่เธอไม่เข้าใจนักหรอก

"ป่ะๆ ไปทำงานกัน" มาริสาตัดบทการบ่นยาวยืด ด้วยการเดินอ้อมไปข้างหลังแล้วดันไหล่ธาดาให้เจ้าตัวสะดุ้ง ยอมเดินตามไปยังห้องล็อกเกอร์เก็บของ ที่ซึ่งเอาไว้เปลี่ยนเครื่องแบบหรือคลุมตัวด้วยเสื้อกาวก่อนออกไปทำงาน จะได้เพิ่มความหน้าเชื่อถือขึ้นมาหลายเท่า


........................