ฉันก็แค่... ตอนที่6

"ไม่เป็นไรนะคะ ค่อยๆ ทาน" 

นภัสสรบรรจงตักข้าวต้มป้อนให้คุณย่าแก่ๆ ที่ค่อนข้างจะขี้หลงขี้ลืม และเอาแต่ใจเป็นที่สุด ด้วยความที่แกมักจะอาละวาดบ่อยครั้งเพราะคนใช้ไม่ได้ดั่งใจ อีกทั้งคนในบ้านก็ไม่มีใครเอาใจเก่งเท่าเธอ กระทั่งพ่อของเธอที่เป็นลูกแท้ๆ ท่านยังไม่สบอารมณ์เท่าไหร่เลย แม่กับพี่ชายด้วยแล้วไม่ต้องพูดถึง สองคนนั้นนับประโยคที่เอ่ยออกมาต่อวันช่างน้อยนิดนัก

ลำพังตัวเธอเอง มีงานที่เรียกได้ว่าไม่ค่อยจะติดบ้าน กลับบ้านไม่ค่อยเป็นเวลา ไปไหนไกลหรือนานหน่อยก็ต้องรีบกลับมาดูคุณย่า กลัวอดข้าวอดน้ำประท้วง เป็นผลให้เธอต้องเลือกสายการบินที่ให้ชั่วโมงการลาพักมากหน่อย ยอมเงินน้อยนิดก็ไม่เป็นไร 

เพราะอนาคตเธอก็คงต้องมารับช่วงกิจการทางร้านขนมต่อจากแม่ ไม่ต่างจากพี่ชายซึ่งออกแสวงหาประสบการณ์ได้ระยะหนึ่งก็หยุด แล้วกลับมาช่วยอู่รถของพ่อ 

อันที่จริงเธอก็อยากลาออกแล้วกลับมาอยู่บ้านอย่างเต็มตัว แต่คนที่บ้านกลับมองว่างานทางนี้ยังไหวและไม่ต้องการคนช่วย ให้เธอหาประสบการณ์และวุฒิภาวะไปก่อน อีกทั้งยังมองว่าเธอใจดีเกินไป คุมลูกน้องอาจไม่อยู่

"เก่งมากค่ะ วันนี้ไข้ลดลงเยอะเลย...." 

นภัสสรพูดคุยกับคุณย่าอยู่นานสองนาน เห็นแกนั่งยิ้ม ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง เธอเองก็เล่าเรื่องราวของสิ่งต่างๆ ที่ได้ประสบพบเจอมา คุณย่าของเธอก็เป็นนักเดินทางเช่นกัน สมัยสาวๆ พ่อเคยเล่าว่าท่านเดินทางไปติดต่อธุรกิจเพื่อนำขนมส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ด้วยตัวคนเดียวระหว่างที่คุณปู่กำลังป่วยหนักไม่มีคนไปแทน การดิ้นรนฝ่าฟันของคุณปู่และคุณย่าทำให้ลูกๆ หลานๆ อย่างเธอกับคุณพ่อได้รับผลพวงความสบายตกทอดมาด้วย ชีวิตเธอไม่ได้ลำบากแบบพวกท่าน เกิดมาไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้าก็จริง แต่เรียกได้ว่ามีกินมีใช้อย่างล้นเหลือ เจือจานเป็นสิบๆ ปีก็ยังไม่หมด ถ้ารู้จักใช่อ่ะนะ

นภัสสรเล่าความเป็นอยู่ต่างแดนที่เธอเคยไปเหยียบให้คุณย่าฟังคร่าวๆ เห็นรอยยิ้มอย่างมีความสุขเธอเองก็ดีใจ ท่านมักร่าเริงที่ได้ยินว่าเธอไปไหนมาบ้าง มีความก้าวหน้าอย่างไรในที่ๆ ไป ก็คงจะคล้ายๆ กับชีวิตท่านสมัยก่อน เรื่องราวของเธอทำให้คุณย่าคิดถึงสมัยยังมีเรี่ยวแรง

หลังจากส่งคุณย่าเข้านอนเป็นที่เรียบร้อย นภัสก็พึ่งได้มีเวลากินข้าวกินปลา อาหารมื้อแรกของวันตกถึงท้องได้สามคำ นภัสก็แทบจะหลับคาโต๊ะอาหาร เธอโดนพ่อโทรเรียกให้มาดูแลคุณย่าทันทีที่รู้ว่าลูกกลับมาถึง นภัสก็ไม่ได้อิดออดอันใด และลึกๆ เธอก็อยากกลับมาบ้าน เพราะความเป็นห่วง

เฮ้อ เธอยอมตักข้าวต้มเข้าปากจนหมด อันที่จริงมันก็เหลือน้อยแล้วล่ะ  ถ้าไม่เพราะข้าวต้มของคุณย่าที่เหลือในหม้อ เธอคงไม่มีอะไรกินนอกจากอาหารสำเร็จรูปที่ซื้อมา จะไปปลุกคนทำงานบ้านให้ลุกมาจัดแจงอาหารให้ก็เกรงใจ ถ้าให้ทำเองก็คงสลบคาครัว วันนี้เธอเหนื่อยมากจริงๆ แล้วก็คิดว่าทุกคนในบ้านคงเหนื่อยไม่ต่างกัน ทั้งแม่ พ่อ พี่ชายก็แยกย้ายกันไปนอนเป็นที่เรียบร้อย ทิ้งให้เธอนั่งจ๋อยอยู่ที่ห้องทานข้าวเพียงคนเดียว 

ก็นะ ทุกคนมีภาระ นภัสวางจานที่ล้างเสร็จแล้วคว่ำไว้ข้างๆ อ่าง มองดูรอบๆ ตัวบ้านที่วังเวงยามทุกคนหลับ เธอยิ้มออกมาคนเดียวเงียบๆ หาใช่ด้วยเหตุผลอะไรหรอก มันเป็นความวังเวงที่อบอุ่น รู้ว่าเรายังมีกัน เธอมีครอบครัวที่รักเธอมาก แต่แสดงออกน้อยไปหน่อย มีบ้านที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่วิ่งเล่นของเธอกับพี่ชาย มีความอบอุ่นซึ่งอบอวลละมุนละไมจนถึงวันนี้

ได้เวลาพักสักที เธอทิ้งตัวลงนอนกอดความอุ่นของผ้าห่มเอาไว้ วันนี้ช่างเหนื่อยสุดแสน นานๆ ทีจะได้นอนพักที่บ้าน ชีวิตที่ตะลอนๆ ไปไหนบ่อยๆ บางคนว่าสนุก ช่วงแรกเธอก็คิดแบบนั้นแหละ แต่หลังๆ มานี่ชักอยากหยุดอยู่กับที่

วื๊ดๆ ๆๆ .... โป๊ะ 

โทรศัพท์มือถือตกพื้นปลุกนภัสสรขึ้นมาจากการสลึมสลือหลับไปโดยลืมปิดทีวี แต่ถึงลืมเธอก็ตั้งปิดไว้ในครึ่งชั่วโมง ใครกันโทรมาตอนนี้เธอพึ่งหลับตาลงได้ไม่ถึงสิบนาที ถ้าให้เดาคงจะเป็น

"ว่ายังไงครับ นางฟ้าของผม สะดวกมาหาผมมั้ยเอ่ย" เสียงหล่อเข้มส่งมาอ้อนเธอตั้งแต่ยังไม่ทันได้หลับดี

"พี่นัท ภัสพึ่งจะปิดตาไปเอง" เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงง่วงสุดๆ 

"งั้นพี่ไปหา หรือจะมาหาพี่" เขาถามกลับ ด้วยรู้ว่าคำตอบของเธอคือต้องมาหาเขาแน่ๆ 

"ค่ะ เดี๋ยวภัสไปหา" นภัสวางสายโทรศัพท์แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ใครจะปล่อยให้ผู้ชายมาหาถึงบ้านดึกๆ ดื่นๆ แม้ทางผู้ใหญ่จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวในเรื่องรักๆใคร่ๆ ของเธอเท่าไหร่ แต่เธอก็เกรงใจเหมือนกัน อีกทั้งครอบครัวของคนที่คบหาก็ยังมีอิทธิพลเบื้องหลังบางอย่าง แรกเธอไม่คิดสนใจนักหรอก รู้แต่เขารักเธอ เสมอต้นเสมอปลายกับความเอาแต่ใจ ส่วนครอบครัวเขาก็แฟร์พอจะญาติดีกับทางบ้านเธอ ซึ่งแค่นี้ทุกอย่างก็น่าจะไปได้สวย รึเปล่า เธอไม่แน่ใจนัก 

พี่สาวของเขาเคยเล่าให้ฟังว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนทนเขาได้ และเขาก็ไม่เคยเลือกใครอีกเช่นกัน แต่เขาเลือกเธอ คงจะมีเธอที่ใจเย็นที่สุด คบกันยืดเยื้อมาจะเข้าปีที่สองแล้ว 

นภัสเห็นความเอาแต่ใจเล็กน้อยนี้เป็นความน่ารักน่าเอ็นดูในช่วงแรก หากแต่ยิ่งวันเวลาผันเปลี่ยน มันก็มีบางอย่างขัดใจเธออยู่เหมือนกัน พักหลังมานี่ ชานัทคอยบินตามเธอไปเกือบทุกจังหวัด ทุกประเทศ ตามต้อยๆ อย่างกับหมาหวงก้าง สร้างความไม่เป็นอิสระเล็กๆ น้อยๆ หากบางส่วนลึกๆ ก็ดีใจ 

คนแบบเขาหาผู้หญิงสักกี่คนก็ได้ ด้วยอำนาจเงิน อิทธิพล และหน้าตา แต่ก็เลือกที่จะตามตื้อเธออยู่แค่คนเดียว แต่อย่างไรก็ดี เมื่อไม่กี่เดือนก่อน นภัสแอบจับได้ว่าเขาควงอยู่กับเด็กสาวรุ่นน้อง มารู้ทีหลังว่าเด็กสาวรุ่นน้องของเธอพยามไล่จับเขา 

ตอนนั้นเธอถึงกับมึนตึ๊บ และขอเลิกในทันที ในเมื่อใจเค้าไม่อยู่ที่เรา ก็ไม่มีความหมายต้องทน ใช่ว่าสวยเลือกได้ แต่สวยค่อยๆ เลือกไปจะดีกว่า ไม่มีใครดีพร้อมที่สุด เช่นเดียวกับเธอ เธอก็ไม่ได้มีดีอะไร แค่สวย หุ่นดี ใจดี ฉลาด ใจเย็น น่ารัก คริคริ....นภัสสรยิ้มเขินๆ กับตัวเอง หารู้ไม่ว่า ข้อเสียของเธอมันคือความใจอ่อนนั่นแหละ

ว่าแล้ว เก๋งโก้หรูหราจอดเทียบอยู่หน้าบ้านเธอทันทีที่เปิดรั้วบ้านออก คนขับรถเปิดประตูให้อย่างกับเธอเป็นเจ้าหญิง ขึ้นไปนั่งคู่กับเจ้าชายรูปงาม ผู้ซึ่งส่งมอบรอยยิ้มกรุ้มกริ่มได้น่ารักน่าชัง เธอยกมุมปากให้ดูเหมือนว่ายิ้ม แท้จริงง่วงตาจะปิด ขอบคุณความมืดยามวิกาลที่กลบแววตาเธอไปได้บ้าง 

"ภัสอยากทานอะไรมั้ย" เจ้าชายเอ่ยถาม

"ไม่ค่ะ" เธอเอนซบอกเขาตามแรงฉุดน้อยๆ 

"นางฟ้าของผม" ชายผู้หล่อเหลาก้มลงมาจุมพิตแสนเบา ลูบไล้ใบหน้านวลเชื่องช้า กระซิบข้างแก้มบอกความเป็นเจ้าของ

"ของผมคนเดียว"

นภัสสรหลับตาพริ้ม ใช่จะมีความสุข เพราะเธอกึ่งหลับกึ่งตื่นต่างหาก จะดีมากกว่านี้ถ้าเขาอนุญาตให้เธอได้พักผ่อนบ้าง.... 

รถจอดหน้าโรงแรมระดับห้าสิบล้านดาวสำหรับคนรวยถึงรวยมาก ห้องพักพิเศษสุดหรู ถูกเปิดจองไว้เมื่อครู่โดยชายผู้มากเงิน เขาบันดาลได้ทุกสิ่งยกเว้นบังคับใจเธอ นางฟ้าของเขานั่นเอง

นี่เป็นอีกครั้งที่เขาอุ้มนางฟ้าวางลงบนเตียงขนาดคิงไซด์ โอบกอดอย่างนุ่มนวล หากรัดแน่นไปด้วยความหื่นกระหาย นภัสสรปรือตามองผ่านแสงรำไรภายในห้อง เธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่ได้อยากให้ทุกอย่างออกมาเป็นแบบนี้นักหรอก

ชายที่รักฟอดเฟ้นเรือนกายด้วยความลุ่มหลง เล่าร้อนและดุเดือดอยู่เพียงลำพัง เพราะเธอหลับ แม้ว่าเธอจะครางบางเบาทำเป็นว่าสุขสม เพื่อเอาใจเขาสักหน่อย แต่ด้วยความเบลอแล้ว เธอก็ฝืนได้ไม่นาน จนหลับไปในที่สุด

รุ่งสายของวันที่อากาศร้อน ตรงข้ามกับความหนาวเหน็บทำให้เธอต้องซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม ภายใต้อ้อมกอดของเจ้าชายรูปงาม นภัสอยากจะขอปิดตาต่ออีกหน่อย หากแต่ภาพรีเพลของเรื่องเมื่อคืนวนฉายซ้ำขึ้นอีกครั้ง ร่างกายเบาบางของเธอกระเทือนขึ้นถี่อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาเนิ่นนาน 

ความรุนแรงของความรักไม่ได้ลดลงตามระยะเวลาเลย จนในที่สุดชายผู้ที่เธอรักก็ล่าถอยด้วยความเหนื่อยอ่อน เสียงครางแหบเบาของเขาให้ความหมายที่พอใจถึงขีดสุด ส่วนเธอก็พยามทำเป็นร้องให้ดูดี เรียกได้ว่าปั้นเสียงมากกว่า เขาดึงตัวเธอมาซุกไซร้ ทำแววตาอ้อนวอนให้เธอนึกสงสาร จูบเปลือกตาคู่นั้นอย่างบรรจง

คนรักของเธอทำหน้าที่ได้ดีเช่นกัน เขากว้านซื้อของกินขึ้นชื่อที่อร่อยที่สุด มาฝากพ่อ แม่ พี่ชาย และย่าของเธอ ทุกคนเอ็นดูเขาไม่ต่างจากเธอ ผิดก็แต่ความเอาแต่ใจ ทำให้บางทีนภัสก็เกิดความรำคาญ

เธอเดินเชื่องช้าขึ้นมาทิ้งตัวบนห้อง ช่างเหนื่อยล้าอย่างหาที่สุดไม่ได้ ป่านนี้ชานัทคงจะขอตัวกลับไปแล้ว ทิ้งไว้ก็แต่รอยช้ำเป็นจ้ำๆ บนตัวเธอ เมื่อยทั้งตัวและหัวใจ เขาดีเกินพอเลยแหละ แต่รู้สึกว่ายังไม่พอดีสักที

นภัสหลับตานิ่งๆ เป็นเวลาเนิ่นนานก็ลุกขึ้นเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้สายน้ำไหลเอื่อยๆ ชโลมไล้ไปยังผิวบอบบาง เธอนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดเป็นบางทีเพราะสัมผัสรุนแรงเมื่อคืนทำเธอบอบช้ำ 

ช่วงแรกที่คบหา เขาช่างเป็นสุภาพบุรุษเหลือเกิน แต่พอเดือนที่แล้วเกิดการทะเลาะด้วยความหึงหวงที่เธอคุยกับชายแปลกหน้า ซึ่งเป็นผู้โดยสารที่ตามจีบเธอมานาน ความเป็นซาตานของเขาก็บังเกิด เมื่อเธอกับเขาอยู่กันเพียงสองต่อสองในห้อง 

เดิมทีเธอก็ได้อ้อนวอนอย่างเต็มกำลัง ทำทุกอย่างที่จะทำได้ แต่ก็แพ้เพราะไร้แรงจะขัดขืน.... นภัสหลับตาลงพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นเพิ่มขึ้น เธอไม่ได้เต็มใจเลย

แล้วต่อมาเจ้าชายก็เหมือนจะหาโอกาสจู่โจมเธอ เขาทั้งร้องไห้บีบน้ำตา อ้อนวอนให้เธอกอดเขาบ้าง รักเขาบ้าง บางทีก็ส่งแววตาน้อยใจตัดพ้อที่เธอไม่มีอารมณ์ร่วมอันใด ถึงกับขนาดไม่ยอมกินข้าวกินปลา นั่งอยู่กับที่ไม่ลุกไปไหน เธอก็ไปไหนไม่ได้ เพราะลูกน้องเขายืนเฝ้าห้ามใครเข้าออกจนกว่าจะได้รับคำสั่ง 

ช่วงแรกเธอใจแข็ง แต่ก็แพ้ให้กับการดื้อด้านของเขา เจ้าชายยอมอดข้าวอดน้ำจนเลยหนึ่งวัน และก็ดูอ่อนเพลียไปถนัดตา นภัสจำยอมต้องเดินไปโอบกอดเขาให้ลุกมากินอาหารบ้าง พร้อมกับมอบจุมพิตเล็กๆ เป็นรางวัลเมื่อเขายอมทำตาม

สายน้ำเย็นหยุดลงแล้ว นางฟ้าคนสวยแต่งตัวพร้อมจะออกเดินทางอีกครั้ง เธอเก็บกระเป๋าเตรียมพร้อมอย่างใจเย็น มีเวลาหยุดพักอีกนาน แต่เตรียมกระเป๋าไว้ล่วงหน้าดีกว่า เผื่อเพื่อนร่วมงานบางคนชอบลากะทันหัน ทำให้เธอต้องไปแทน ซึ่งคนที่ถูกเรียกตัวด่วนๆ ก็มักจะเป็นเธอ เพราะไม่ค่อยปฏิเสธใคร

"มาค่ะ วันนี้เราไปโรงพยาบาลกันนะคะ เดี๋ยวภัสจะพาคุณย่าไปเอง" เธอพยุงหญิงแก่ขึ้นรถโดยมีคนใช้คอยตามมาด้วย ทั้งบ้านไม่มีใครว่างสักคน หน้าที่นี้เลยตกเป็นของเธอ 

ระหว่างทางคุณย่าก็ถามถึงเจ้าชายของเธอต่างๆ นาๆ รู้สึกจะยินดีปรีดาเป็นพิเศษ อยากได้มาเป็นหลานเขย เอ่ยขึ้นทีไร ชานัทเป็นดีใจอยากรีบแต่งงานซะทุกทีไป นี่ก็ผ่านมาหลายวันละ คุณย่ายังไม่ลืม ปกติจะจำอะไรได้ไม่นาน นภัสก็ได้แต่ถอนหายใจ รอยจ้ำๆ ที่อกเธอยังไม่ทันหายเลย....เฮ้อ


........................