ฉันก็แค่... ตอนที่3

แต๊กๆ ๆๆ ๆๆๆ ....

ไม่นะ ไม่ใช่ตอนนี้ มาริสาสบถไม่เป็นภาษาอยู่ในใจ เมื่อมาตรวัดน้ำมันมอเตอร์ไซค์ที่หยิบยืมคุณป้าเฝ้าหอมาเกิดลดลงฮวบฮาบ เป็นไปได้ว่าป้าแกไม่ค่อยออกไปไหน น้ำมันจึงแห้งคาถัง ซ้ำร้ายดันมาหมดเอากลางทางให้เธอได้หงุดหงิดใจเล่นๆ 

มาริสาจำต้องจอดรถลงข้างทาง มองไปรอบๆ ก็เห็นแต่ป่าไมยราบกับที่ดินว่างเปล่าประกาศขายหลักหลายร้อยล้าน มิน่าล่ะ ที่ดินเหล่านี้ก็ยังคงว่างอยู่อย่างนั้น

ฟ้ามืดโพล้เพล้ลงทุกขณะ ตลอดสองฝั่งถนนยังไม่มีวี่แววแม้แต่บ้านเรือนคน รู้อย่างนี้ยอมใช้เส้นทางรถติดในตัวเมือง ยังดีกว่าต้องมาน้ำมันหมดอยู่กลางทุ่งกว้าง 

มาริสาหยิบมือถือขึ้นมาเปิดสี่จีที่ดูคล้ายกับว่าจะเป็นสัญญาณเอจเสียมากกว่า แต่ก็ยังดี ดีกว่าไร้สัญญาณ เธอกดค้นหาหาสถานที่ใกล้ที่สุด 

โชคเข้าข้างอีกครั้ง เมื่อปั้มน้ำมันที่ใกล้ที่สุดห่างออกไปจากที่เธออยู่ราวๆ เกือบหนึ่งกิโล ถ้าเดินเร็วๆ พร้อมกับจูงรถไปด้วยอาจใช้เวลาไม่เกินสิบนาที นั่นหมายความว่าต้องรีบให้เร็วที่สุด เพื่อให้พ้นจากความเสี่ยงต่างๆ นาๆ ที่ยังคาดเดาไม่ได้

แพทย์หญิงตัวเปล่าไร้ซึ่งน้ำมันรถ ก้าวเท้าอย่างรวดเร็วกึ่งวิ่งกึ่งจูงมอเตอร์ไซด์ไปตามขอบทางถนน สองตาชะเง้อไปเห็นป้ายปั้มน้ำมันขนาดใหญ่อยู่เบื้องหน้า ใกล้แล้วๆ เธอมาได้ครึ่งทางแล้ว อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น ถ้าหากไม่มีรถเก๋งคันใหญ่จอดขวางหน้าเสียก่อน

ซวยแล้วสิ คงไม่มีการดักปล้นข้างทางเอาตอนนี้หรอกนะ เธอมีติดตัวมาแค่นี้....ไม่นะ อย่าเอาเงินฉันไป.... มาริสาสูดหายใจลึกๆ เข้าปอด กดเบอร์191 โทรออกในทันที แต่มีบางอย่างที่ทำให้เธอต้องรีบตัดสายทิ้ง เพราะไม่มีความจำเป็นต้องต่อสายถึงตำรวจ ในเมื่อคนที่ลดกระจกชะโงกตัวผ่านที่นั่งข้างคนขับโผล่ออกมาถามด้วยอาการเป็นห่วงเป็นใย

"คุณคะ ต้องการให้ช่วยอะไรมั้ย" หล่อนเอ่ยถาม พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเมื่อพบว่าผู้หญิงตัวเปียกเหงื่อใต้หมวกกันน็อคนั่นคือเธอ

"คุณแอร์" พูดได้แค่นั้นและยังคงอึ้งๆ เมื่อโชคชะตานำพาให้มาเจอะเจอคุณแอร์โฮสเตสคนสวยน้ำใจงามรอบสองในหนึ่งวัน

"อ้าว คุณผู้โดยสาร.... ไหงมารถเสียข้างทางล่ะคะ" หล่อนยอมเดินออกจากรถ เห็นว่าคงปลอดภัยที่รู้ว่าเธอมาคนเดียว และไม่น่าใช่แกงค์มิจฉาชีพ

"รถไม่ได้เสียหรอกค่ะ ฉันยืมรถคุณป้ามา แล้วน้ำมันคงหมดกลางทาง นี่ก็กำลังเข็นไปที่ปั้มอยู่พอดี" มาริสาอธิบาย และไม่ได้ต้องการความช่วยเหลืออะไรนักหรอก อีกเดี๋ยวก็ถึงปั้มแล้ว

"คุณคงไม่ใช่คนที่นี่ ปั้มปิดก่อสร้างเป็นเวลาสามเดือนค่ะ นี่ก็สร้างมาแล้วแค่เดือนเศษๆ เอง" สาวสวยบอกรายละเอียด 

"จริงเหรอคะ" เธอยิ้มแหยๆ ยืนเก้ออย่างไม่รู้จุดหมาย รู้อย่างงี้โทรเรียกแท็กซี่มารับซะก็ดี ป้าหนอป้า เอารถน้ำมันใกล้หมดมาให้ยืม

"คุณจะไปไหนเหรอคะ ติดรถฉันไปก็ได้....ส่วนมอเตอร์ไซด์ทิ้งไว้นี่แหละ เดี๋ยวให้พี่ชายฉันมาขนไปให้" แอร์โฮสเตสเสนอทางออกให้อย่างรวดเร็ว นับว่าหล่อนมีน้ำใจเกินพอดีจริงๆ อย่าลืมสิ เธอเป็นคนแปลกหน้านะคะ 

"แต่ว่า...." มาริสากำลังลังเล ไม่ใช่ว่าทางออกไม่ดี เพียงแต่เธอไม่ควรเชื่อใจคนแปลกหน้า ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นแอร์โฮสเตสของสายการบินราคาประหยัดชื่อดัง มีหน้าที่การงานที่ค่อนข้างรับประกัน แล้วพี่ชายที่จะมาขนรถเธอไปส่งให้ล่ะ ยังไงกัน

"ไม่ต้องกลัวฉันหรอกค่ะ ฉันไม่ใช่ผู้ร้ายที่ไหน พี่ฉันเปิดอู่ซ่อมรถอยู่แถวนี้ คุณติดรถฉันไปจะดีกว่านะ นี่ก็มืดแล้ว" แอร์สวยพูดจบก็กดโทรศัพท์ ต่อสายถึงใครสักคนบรรยายเส้นทาง ระบุทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ จากนั้นก็เปิดประตูรถให้เธอเข้าไปนั่ง

เอาวะ ตายเป็นตาย ลองเชื่อใจคนแปลกหน้าดูหน่อยจะเป็นไรไป มาริสายอมเข้ามานั่งในรถแต่โดยดี พร้อมกับทำจมูกฟุดฟิดๆ หอมจัง....น้ำหอมของเจ้าหล่อน ผิดกับเธอที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อทั้งตัว เธอชะโงกดูคนขับที่ตามมาติดๆ หล่อนเข้ามาเพิ่มระดับความหอมในรถให้ระอุขึ้นมากกว่าเดิม

"ขอบคุณนะคะ" มาริสากล่าวอย่างสุภาพ

"ไม่เป็นไรหรอก ตอนแรกฉันเห็นเป็นผู้หญิงรถเสียข้างทาง ก็ยังไม่กล้าลงไปช่วย กลัวจะเป็นแผนร้าย แต่พอเปิดกระจกลง เป็นคุณผู้โดยสารนั่นเอง ไม่นึกว่าจะรถน้ำมันหมด....ว่าแต่คุณจะไปไหนเหรอคะ" หล่อนพูดเป็นปกติ หากแต่ลักยิ้มที่แก้มกำลังขยับได้อย่างน่ามองนัก สวย ใจดี คนแบบนี้จะมีสักกี่คน

"ว่ายังไงคะ" อุ้ยตาย เผลอมองนานไปหน่อย มัวแต่ชื่นชมในความดีของคุณแอร์ฯ

"อ่อ..เอ่อ.. พอดีฉันจะไปซื้อของที่ห้างฯ แต่ถ้าคุณไม่สะดวก ตามทางที่คุณจะไป ส่งฉันลงตรงที่มีรถโดยสารก็พอค่ะ" ใครจะกล้าขอให้ไปส่งถึงที่ล่ะ แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่อยู่ละ 

"ฉันกำลังไปซื้อของกินอยู่พอดีเลย เดี๋ยวไปด้วยกันก็ได้ค่ะแล้วขากลับฉันแวะส่งคุณที่บ้านให้" หล่อนเอ่ยชวน 

ยังไม่ทันที่เธอจะได้ปฏิเสธ ก็มีรถกระบะใหญ่ๆ มาจอดเทียบข้างทาง ชายคนหนึ่งเดินลงมาเคาะกระจกข้างคนขับ มาริสาเห็นเค้าหน้าลางๆ พอบอกได้ว่าผู้ชายคนนี้ช่างหล่อสุดแสน นี่คงเป็นพี่ชายคุณแอร์ฯ เธอเดา

"ให้ยกไปที่ไหน" เป็นประโยคคำถามสั้นๆ ได้ใจความ

มาริสาจึงบอกสถานที่โดยให้ยกไปไว้ยังที่จอดรถของโรงพยาบาล เป็นรถของคุณป้าที่ทำงานอยู่ที่นั่น ส่วนเรื่องน้ำมันเดี๋ยวเธอจะจัดการเองทีหลัง เพราะเยื้องๆ โรงพยาบาล มีปั้มน้ำมันอยู่ไม่ไกล

ช่างเป็นการช่วยเหลือที่เรียกว่าการช่วยเหลือจริงๆ ไม่เคยคิดเลยว่าสองพี่น้องหน้าตาดีคู่นี้จะปฏิเสธการรับเงินเป็นสิ่งตอบแทนจากเธอ

"ขอบคุณค่ะ" ก็ได้แต่เอ่ยคำนี้ ไม่รู้ว่าจะได้ตอบแทนเมื่อไหร่ การเป็นผู้ให้ที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนมันดูดีอย่างนี้นี่เอง ดูดีจนแผ่กระจายออกมาที่หน้าตาได้ด้วย 

"ว่าแต่คุณผู้โดยสารชื่ออะไรคะ จะได้เรียกถูก" แอร์สาวหันมันถามขณะจอดรถยังห้างสรรพสินค้าซึ่งใช้เวลาจากจุดที่รถเธอเสียเพียงสามนาที 

"มาริสาค่ะ เรียกสาก็ได้ค่ะ แล้วคุณแอร์ล่ะคะ" เรียกคุณๆ มาตั้งนาน เธอก็ช่างลืมถามซะได้

"นภัสสรค่ะ" 

ช่างเป็นชื่อที่ไพเราะอะไรเช่นนี้ หล่อนคงเป็นแสงสว่างบนฟากฟ้าที่ฉายส่องให้หลายคนได้สบายใจ

เธอลอบมองท่วงท่าการเดินที่มั่นใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็หันไปบอกว่าจะแยกตัวออกไปซื้อของเสียหน่อย ขืนเดินคู่กันแบบนี้ รัศมีโดนกลบกันพอดี อิอิ  ยิ่งวันนี้เธอโครมยิ่งกว่าอะไรดี ขอเดินเยี่ยงคนปกติ ไม่ริอาจเดินเฉียดข้างนางฟ้าหรอก 

"ค่ะ งั้นเดี๋ยวเจอกันหน้าคลีนิคนี้นะคะ....ว่าแต่ขอเบอร์โทรคุณสาหน่อย เสร็จธุระจะได้โทรหา คุณรีบรึเปล่า ฉันจะได้ทำเวลา" 

คุณนางฟ้าเอ่ยถามเป็นมารยาท เธอรึจะกล้าเร่งรีบ อาศัยรถเค้ามาแท้ๆ 

"ไม่ค่ะ ตามสบายเลย คุณนางฟ้าเสร็จแล้วก็โทรมาก็ได้ค่ะ ฉันเดินเล่นรอ" 

เอิ่มมม เผลอเรียกคุณนางฟ้าเข้าให้แล้ว เห็นหล่อนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงตั้งคำถาม ส่วนเธอก็ทำหน้าเฉยนิ่งกลบเกลื่อนจนหล่อนยิ้มให้ แล้วแยกย้ายไปทางใครทางมัน

มะกี้ทำไมปากเร็วเช่นนี้นะ ดันเผลอไปเรียกเค้าคุณนางฟ้าซะได้ เดี๋ยวหล่อนก็ดีใจจนตัวลอยหรอก ไอ้ชื่นชมก็ชื่นชมอยู่ แต่เธอก็ไม่อยากให้หล่อนดีใจเกิน คงมีคนชมมากมายละ ไม่อยากชมเข้าไปอีก แอบหมั่นไส้เล็กๆ ....เอาน่า ไปซื้อตู้เย็นกับไมโครเวฟดีกว่า

อันนี้ราคาใช้ได้เลย สองพันทอนมาสิบ มาริสาฉีกยิ้มกว้าง ตกลงชี้นิ้วเลือกไมโครเวฟตัวจ้อย ส่วนตู้เย็น โชคเข้าข้างอีกที่มันลดเหลือ สามพันห้า รวมสองอย่างนี่ก็ประมาณห้าพันห้า ที่สำคัญ มันขนส่งให้ถึงที่พักฟรี 

ว่ะฮ่าๆ เธอหัวเราะดังๆ ในใจ.... 

นึกว่าจะซื้อได้อย่างเดียวซะแล้ว ยังเหลือเงินอีกสองพันกว่า นับว่าพอให้อยู่รอดไปจนสิ้นเดือนหน้า หากยอมกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปก่อนเป็นบางมื้อ

งานเธอจะเริ่มในอาทิตย์หน้าแล้วเงินเดือนก็จะออกในเดือนถัดไป คิดว่าเงินเหลือเท่านี้คงพออยู่ เพราะจากสวัสดิการ โรงพยาบาลนี้เลี้ยงอาหารเที่ยงให้ด้วย นั่นก็หมายความว่าทุกวันเธอจะประหยัดไปหนึ่งมื้อ 

เอาไว้สิ้นเดือนหน้าค่อยกินแบบคนมีกะตังค์ซักที ต้องขอบคุณเงินเดือนของคุณหมอ ที่จะทำให้เธอเปลี่ยนสภาพจากยาจกสูบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มากินอาหารเยี่ยงราชาสามัญได้ในชั่วข้ามเดือน



........................



แต่คิดไปคิดมา บางทีเธอน่าจะหยิบเงินติดตัวมาเยอะกว่านี้ ดีไม่ดีคงซื้อบ้านหลังเขื่องอยู่เยื้องโรงพยาบาลได้อย่างสบายๆ แต่แบบนี้ล่ะดีแล้ว มาริสาคิด แล้วก็เลือกอาหารสำเร็จรูปลดราคาลงตะกร้า ข้าวสาร ไข่ และน้ำปลา 

ก็ยังพอเหลือเจียดเงินเม็ดน้อยจ่ายเป็นค่าขนมให้คุณป้าที่เธอยืมรถน้ำมันหมดมา พลันนึกไปถึงคุณแอร์ แต่ก็ไม่รู้จะซื้ออะไร ขนมเหรอ จะกินรึเปล่าไม่รู้ หุ่นดีขนาดนั้น งั้นก็เอาน้ำผลไม้ไปให้ก็พอละ ให้เงินหล่อนคงไม่เอา ให้ของมากไปก็คงไม่เอาอีก ส่วนเธอก็งบจำกัด

มาริสาจ่ายเงินแล้วเดินออกมารอแถวคลีนิกเสริมความงาม คิดไปว่าอย่างคุณนางฟ้าสวยขนาดนี้ยังต้องมารักษา หรือเสริมอะไรอีกเหรอ แค่นี้ก็ออกจะเกินหน้าเกินตาคนปกติไปมากโขแล้วนะ 

สักพักก็เห็นว่าหล่อนถือถุงอาหารสำเร็จรูป ผักผลไม้ นิดหน่อยกับชุดเครื่องสำอาง แล้วเดินยิ้มออกมาจากคลีนิก ก็ไม่เห็นว่าจะต้องไปทำอะไรเพิ่มเติม คงไปซื้อเครื่องสำอางล่ะมั๊ง เธอมองตามในถุงที่หล่อนหยิบออกมาด้วย

"คุณสา มาพอดีเลย กำลังจะโทรหา" 

หล่อนเดินตรงมาทางเธอ มาริสาก้าวออกไปหา แต่แล้วก็เหมือนมีบางอย่างจงใจ หรือไม่มีก็ไม่รู้ แต่คิดว่ามีแน่ๆ เธอเซล้มเพราะห่อกระดาษที่มนุษย์ไร้ความรับผิดชอบโยนทิ้งไว้ แล้วก็....

ตุ๊บ! 

แว๊กกกกกกก เลือดไหลที่หัวเข่ายังไม่เท่าหัวใจหล่นวูบเพราะรูปปั้นของร้านข้างๆ นั้นหล่นลงแขนหักพอดิบพอดี 

ไม่นะ เธอยอมขาหักเองก็ได้ ไม่น่าเซไปโดนมันเลย แล้วจะเอาเงินที่ไหนจ่ายล่ะเนี่ย....แง๊

บัดนี้น้ำตาเธอที่เริ่มคลอเบ้า มันมีปริมาณมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว อย่าๆ อย่าพึ่งร้อง....แงๆ แล้วก็อดไม่ไหว เพราะคุณนางฟ้า ก้มลงมาดูอาการเธอ ถามอ่อนโยนด้วยความเป็นห่วงเป็นใย 

"คุณสา เป็นอะไรมากมั้ย" หล่อนยื่นมือมาให้เธอดึงขึ้น

ฉันไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไรเล้ยยยย แต่ไม่มีเงินจะจ่ายเค้าแล้ว ช่วยด้วยยย มาริสาปาดน้ำตามองรูปปั้นตาละห้อย อยากบอกเหลือเกินช่วยฉันที แต่ปากก็เงียบกริบ เพราะอายเกินกว่าจะพูด

"เท่าไหร่คะ" เธอเห็นนภัสสรมองหน้าเธอแล้วก็มองรูปปั้น สลับกับหันไปถามเจ้าของร้านที่ยืนมองรูปปั้นหน้าร้านและกำลังคำนวณราคาที่เหมาะสมพร้อมบวกกำไรเสร็จสรรพ 

"สี่หมื่นแปดค่ะ" 

อะไรน๊าาาา อิป้าหน้าเลือด รูปปั้นหน้าร้านหล่อนไม่น่าเกินสามหมื่นชัดๆ มาริสาทำท่าจะเถียง แต่ด้วยความไวของแม่ค้าหัวหมอก็รีบชิงพูดตัดหน้าขึ้นมาก่อน

"ไหนจะค่าจ้างสั่งทำพิเศษ ไหนจะค่าขนส่งอีกล่ะ คุณเล่นทำเสียหายแบบนี้ ฉันไม่คิดค่าเสียเวลาก็ดีเท่าไหร่แล้ว" ป้าขี้งกดักทางได้ทันท่วงที

เป็นอันว่าคุณนางฟ้าก็จำต้องควักบัตรออกมารูดจ่ายช่วยเธออีกครั้ง หล่อนหันมามองเธออยู่นานตอนกลับขึ้นมานั่งในรถ ส่วนเธอก็ก้มหน้าก้มตาหลบ ไม่รู้จะพูดยังไงดี รอให้หล่อนเอ่ยก่อนดีกว่า ดูสีหน้าจะไม่ค่อยสบอารมณ์ สงสัยคงเพราะรูปปั้นสี่หมื่นแปดเมื่อครู่

ตลอดการเดินทางมาริสาทำตัวเงียบเรียบร้อยเป็นพิเศษ ส่วนเจ้าของรถก็มาดนิ่ง ขับช้าๆ สงบๆ มาที่โรงพยาบาลแห่งที่เธอให้เอารถมอเตอร์ไซด์มาส่งแต่แรกโดยไม่เอ่ยปากถามเธอสักนิด 

"เอ่อ เรื่องรูปปั้น...." มาริสาเริ่มพูดเมื่อรถจอดสนิท

"คุณสาตั้งใจเรียนให้จบก่อนนะ ไม่ต้องกังวล แล้วเดี๋ยวเรื่องรูปปั้นค่อยทยอยใช้คืนให้ก็ได้....ว่าแต่ป้าคุณทำงานที่นี่ใช่มั้ย พาฉันไปพบหน่อยสิ" นางฟ้าสำเนียงสงบพูดขึ้นช้าๆ

ห๊า ห๊า....อะไรนะ ใคร ใคร ใครเรียนให้จบ แล้วป้าไหน ป้าอะไร ญาติหลักๆ ฉันมีแต่ลุง ไม่ใช่ป้า อะไรเนี่ย งงไปหมดแล้ว

"ป้า ใคร เหรอคะ" เธอถามด้วยความงงงวย คุณนางฟ้าคะ หมดเกือบครึ่งแสนเบลอเลยเรอะ

"ป้าของคุณที่ยืมมอเตอร์ไซด์มาขับไงคะ พักอยู่ที่นี่ ก็น่าจะทำงานในนี้ เดี๋ยวฉันขอเข้าไปคุยกับท่านหน่อย ส่วนเรื่องรูปปั้นไม่ต้องห่วงนะ ฉันไม่รีบเอาคืน....ลงไปทำแผลกันก่อนดีมั้ยนั่น" หล่อนพูดจบก็เปิดประตูรถเดินลงมาทางด้านเธอ ไม่ทันให้เธอได้พูดบอกอะไรต่อ มาริสาจำยอมเดินออกรถอย่างงงๆ มือก็ควานสิ่งของที่ซื้อติดตัวออกมาด้วย บรรยากาศรอบข้างเริ่มแปลกๆ เมื่อหล่อนเดินไม่พูดไม่จาพาเธอไปยังห้องปฐมพยาบาลเบื้องต้น 

มาริสาเดินตาม พยามจะหาจังหวะพูดคุย ไว้รอทำแผลก่อนก็ได้ เธอนั่งลงยื่นเข่าออกไปวางพาดบนเก้าอี้ รอคนมาทำแผลให้ รู้สึกแปลกนิดๆ เมื่อต้องมาถูกรักษาเสียเอง ไม่นานนักก็มีพยาบาลเปิดม่านออกมาจากการปฐมพยาบาลในเตียงคนป่วยอีกคน....


........................