ฉันก็แค่... ตอนที่10

แสงสลัวจากแสงไฟ แสงเทียน หรืออาจเป็นหิงห้อยตัวน้อยบินตัดหน้าไปมาอยู่ไม่ไกลจากระยะสายตา แมงพวกนี้มาจากไหนกันเยอะแยะล่ะนี่ แม้ว่าจะสะบัดหน้าหลายครั้งหลายหนก็ไม่เป็นผล หิงห้อยเหล่านั้นยังคงเกาะกลุ่มกันบินอยู่ไม่ห่าง รำคาญจริง

มาริสาปัดป้องแสงวูบวาบรอบๆ ตัว ควานหาแก้วน้ำขึ้นมายกดื่มแก้ดับกระหายจากความตาลายโดยแสงวิบวับ เธอมองดูคนรอบข้าง พวกนี้ไม่รำคาญแสงวิบๆ นี้เลยหรือยังไงกัน 

คุณนางฟ้าก็ไม่บ่นเลยสักนิด หล่อนมองมาทางเธอแบบแปลกๆ สายตาดูต่างไปจากทุกครั้ง.... นี่มันหาเรื่องกันเปล่าว้าาา เธอติดเงินอยู่ไม่กี่หมื่นเอง เดี๋ยวคืนให้ได้น่า หนอย! พูดไม่ขาดคำยังทำหน้าแบบนั้นอีก เดี๊ยะๆ มีตบ

“คุณสา กลับกันเถอะ พรุ่งนี้ต้องทำงานไม่ใช่เหรอ” แอร์สาวสวยมองนาฬิกาบ่งบอกเวลาเที่ยงคืน เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะแยกย้ายทางใครก็ทางมันได้เสียที

“อารายยะ พรุ่งนี้วันหยุดฉัน....มีคนแทนแล้ว....ไม่ต้องมาจ้องเลย” 

เอาม๊า ยัยนางฟ้าแย่งน้ำหวานในแก้วเธอไปอีก ไม่สั่งใหม่ล่ะเนี่ย สั่งเองก็ได้เฟ้ย เธอคว้าเมนูที่อยู่ข้างๆ โต๊ะมาเปิดอ่าน

เวรกรรมอะไรกัน ฉันลืมเอาแว่นตามาหรือไง ทุกทีทำไมมันมองเห็น ไหงวันนี้ตัวอักษรดันวิ่งเล่นแบบนี้ หรือแมลงหิงห้อยมันทำให้ตาลาย ออกไป๊ ว่าแล้วก็พยามปัดมือเป็นรอบที่ล้าน

“สาพอๆ กลับได้แล้วค่ะ” แย่งน้ำหวานไปดื่มไม่พอ ยังแย่งเมนูไปอีก เดี๋ยวมีเรื่องๆ 

“เฮ้ย ไรเนี่ย....เอาม๊าาน๊าา” เธอพยามยื้อแย่งเอาเมนูเครื่องดื่มจากนางฟ้าใจร้ายอยู่ หล่อนแรงเยอะชะมัด ยังไม่พอเคลื่อนไหวเร็วกว่าที่คาด 

ไม่ได้การละ....มาริสาตัดสินใจเข้ารวบตัวแอร์โฮสเตสสาว ไต่มือไปตามแขนหวังจะเอาสิ่งที่ต้องการมาให้ได้ หารู้ไม่การกระทำนั่นเรียกร้องสายตาจากคนโต๊ะข้างๆ จึงเดือดร้อนถึงเพื่อนใหม่ที่ต้องตามใจยื่นเมนูเครื่องดื่มให้

“เอาาา....อันนี้ๆ” เธอสั่งเสียงอู้อี้กับพนักงาน คิดว่าเขาคงเข้าใจ ก็ที่นี่เสียงดังเหลือเกิน

มาริสาลุกขึ้นยืน แล้วก็นั่งกลับลงที่เดิม ไม่คิดว่าพวกหิงห้อยจะทำให้เธอตาลายได้ขนาดนี้ มันน่าเอายาฆ่าแมลงมาพ่นจริง ในนี้ก็ช่างร้อนจนอยากเอาเสื้อตัวนี้ออกเหลือเกิน....

นภัสสรนั่งมองอาการของเพื่อนใหม่อย่างแปลกใจ หล่อนทำไมดูไม่เหมือนเดิม แค่สั่งเครื่องดื่มดีกรีไม่สูงมากเพียงไม่กี่แก้วก็ออกอาการน่าเป็นห่วง 

นั่นไง....ยังไม่ทันได้ห้ามปรามก็เข้ามาล็อคตัวเธอ แย่งเอาเมนูไปสั่งกับพนักงานจนได้

ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่แน่ลูกน้องของที่รักเธออาจยื่นมือเข้ามาจัดการแทนก็เป็นได้ เธอจึงตัดสินใจกระซิบกับพนักงานว่าให้คิดเงินโต๊ะนี้ได้เลย แล้วก็สั่งเครื่องดื่มเป็นขวดมาให้คุณหมอตัวแสบได้ยกซดแทน ไม่งั้นได้โวยวายแน่ๆ

“สาๆ ทางนี้ๆ” หลังจากพยามเรียกให้เพื่อนเดินตามจนเข้ามานั่งในรถได้เป็นที่เรียบร้อย นภัสก็จัดแจงล็อคเข็มขัดนิรภัยให้ จะเข้าไปประครองก็ไม่ได้ เพราะเจ้าตัวปัดมือออก แถมเชิดใส่ประมาณว่าตัวเองเดินถูกทาง

“นี่ค่ะ” 

เธอส่งขวดเครื่องดื่มให้มาริสา แอบผสมน้ำเปล่าไปก็เยอะ หล่อนจะได้ไม่มีสภาพแย่เกินรับมือนัก

เป็นความผิดของเธอแท้ๆ ที่สั่งแก้วนั้นแก้วนี้มาคะยั้นคะยอให้มาริสาลอง ไม่นึกว่าพอเมาแล้วจะย่ำแย่ได้ขนาดนี้ น่ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว 

คิดไปคิดมาก็ตลก ก่อนจะเข้าร้านพนักงานยังมาขอตรวจบัตรมาริสา หาว่าอายุไม่ถึง ดูเหมือนหล่อนจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลย นั่งยิ้มหวานอย่างมีความสุขพร้อมกับขวดน้ำผสมแอลกอฮอล์ ตรงข้ามกับเธอที่ใช้แผนหลอกล่อแทบตายว่าจะพามานั่งรถเล่น กว่าจะยอมตามออกมาก็กล่อมซะนาน

“ฉันไปส่งที่ห้องนะคะ....ชู่ว์” นภัสสรทำท่าจุ๊ปากเสมือนว่าการเดินไปส่งมาริสาที่ห้องเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น ต้องทำตัวลึกลับหลบซ่อนให้เจ้าของห้องตายใจเห็นว่าเป็นเรื่องน่าสนุก หล่อนจะได้ปิดปากเงียบไม่ส่งเสียงดัง

นภัสถือวิสาสะค้นเอากุญแจห้องออกมาตอนเผลอ กึ่งลากกึ่งจูงจนมาถึงห้องได้สำเร็จ ก็ต้องขอบคุณชะตากรรม เอ้ย โชคชะตานำพาเธอมาถึงหอพักของมาริสาได้ถูกที่ตั้งแต่ตอนที่มารับ

ครั้งหน้าถ้าไปเที่ยว สัญญากับตัวเองเลยว่าจะไม่พามาริสาไปที่แบบนั้นอีก ไม่ให้กินแม่แต่เหล้าที่ดีกรีต่ำที่สุดในโลก คงจะเป็นน้ำอัดลม น้ำส้ม น้ำผลไม้ แค่นั้นน่าจะดีกว่า

“นอนหลับได้แล้วสา” นภัสพาคนสติไม่มีไปนั่งที่เตียง คิดว่าฤทธิ์สุราคงทำให้เพื่อนเธอเกิดอาการง่วงขึ้นมาบ้าง ส่งหล่อนนอนแล้วเธอว่าจะเขียนโน๊ตทิ้งเอาไว้สักหน่อย จะล็อคประตูปิด ทิ้งความเป็นส่วนตัวคืนกลับให้เจ้าของห้อง แต่ที่ไหนได้

“น้ำหวานหนาย เอามาาา” เสียงงัวเงียพร้อมกับเปลือกตาที่เบิกลืมขึ้น หล่อนดุขึ้นมาฉับพลัน ราวกับว่าเธอไปขัดอารมณ์คนอยากดื่มซะงั้น

“ไม่มีแล้วค่ะ หลับก่อนนะ เดี๋ยวน้ำหวานมา” นภัสสรดันตัวคนเมาเบาๆ หวังให้หลับได้สักที เธอจะได้กลับบ้าน

“ไม่เชื่อแล้ว เอาม๊า” ตายละ ขึ้นเสียงสูงกับเธอไม่พอ หล่อนดันตรงรี่เข้ามาเขย่าตัวเธอ ซ้ำร้ายผลักเธอจนต้องมานอนกองกับเตียงซะเอง

“โอ๊ยสา....” แผลช้ำรักจากวันก่อนยังไม่ทันหาย ก็โดนเพื่อนมาบีบแขน ตบแก้มเบาๆ เหมือนจะหาเรื่อง

แปะ! ทำไมมาริสาจงใจตบหน้าเธอกันเล่า ถึงจะไม่แรงมากแต่ก็นะ....ปรี๊ดดด นภัสสรชักจะโมโหนิดๆ หล่อนคร่อมตัวเธออยู่ก็จริง หากแต่อาการของคนเมา ด้วยแรงแค่นี้ นภัสสามารถตอบโต้และเอาคืนได้สบายมาก ก็รู้ดีว่าต้องใจเย็นมากกว่านี้

“หยุดเลยนะ” คราวนี้นภัสกระชากมือที่หยิกแก้มเธออยู่ และอีกข้างที่กำลังฟาดหน้าเธอคล้ายข่มขู่ หนอย! อยากดื่มขนาดนั้น เดี๋ยวฉันจับกรอกปากให้ตายไปข้างเลยนี่

“เอาม๊า!....แง๊” 

คราวนี้หล่อนร้องไห้ พยามดิ้นรนให้หลุดออกจากการเกาะกุมหนาแน่นเพื่อไปหาเครื่องดื่มที่ต้องการ ก็ไม่มีทางปล่อยไปง่ายขนาดนั้นหรอกค่ะ นภัสซะอย่าง ไม่มีทางตามใจเด็กดื้อ 

ให้คำนิยามว่าเด็กดื้อนั่นแหละเหมาะที่สุดละ แวบหนึ่งเธอนึกถึงผู้ชายคนที่เธอคิดว่ารัก เขาก็ช่างเอาแต่ใจไม่ต่างจากนี้ แต่ว่าเธอไม่มีแรงมากพอจะสยบเขาได้ ดังเช่นที่ได้จับตัวคุณหมอกดล็อคไว้หนาแน่นไม่ให้ดิ้นรน 

นภัสสรมีวิธีจัดการกับอารมณ์คนได้ตลอด รับมือกับคนได้ทุกสถานการณ์ เรื่องแค่นี้เธอทำมันได้คล่องนัก เช่นเดียวกับตอนนี้ที่เธอควบคุมหล่อนได้อยู่หมัด เอาสิคะ แค่คุณหมอเมาคนเดียวไม่ทำให้ฉันอับจนหนทางหรอกค่ะ

“แง๊ๆ ๆ” ตัวร้ายไม่ได้ยอมหยุดดิ้นดังคาด หล่อนไม่เพียงแต่พยามหาทางออกจากน้ำหนักตัวเธอที่ทับอยู่ ยังแหกปากร้องไห้ 

ซึ่งนั่นมันไม่ดีนัก เพราะหากคนข้างห้องได้ยิน ก็หมายความว่ามาริสาอาจต้องรับหน้าตอนที่ฟื้นจากอาการเมา ดีไม่ดีคงจะโดนด่าเอาได้ว่าสร้างความเดือดร้อน เฮ้อ หล่อนก็พึ่งเข้ามาทำงานใหม่ด้วยนี่เนอะ

“โอ๋ๆ ไม่เอาๆ ไม่ดิ้นนะคะ เดี๋ยวหยิบขวดน้ำหวานให้ เงียบก่อนๆ” นภัสสรทำใจดียิ้มแย้ม เปลี่ยนการกดไว้ไม่ให้ดิ้นมาเป็นกอดรัดแล้วลูบหัว ผลตอบรับดีเกินคาดคนดื้อเปลี่ยนมาเป็นสะอื้นแล้วอยู่นิ่งๆ แทน ว่านอนสอนง่ายดีแท้ เธอคิด

“น้ำหวานหนาย” หล่อนถามเธอเบาๆ

“กำลังให้คนไปหยิบมาให้ค่ะ อยู่นิ่งๆ แบบนี้สักพัก เดี๋ยวก็ได้ดื่มแล้วนะคะ” เธออุตส่าห์พูดซะหวานเจี๊ยบขนาดนี้ คงไม่ต้องหาน้ำหวานแล้วมั้ง ดูตาที่ปรือของหล่อน ก็รู้ว่าคงจะเหนื่อยมาพอสมควรละ อีกเดี๋ยวก็หมดแรง

“เดี๋ยวก็มาแล้ว....หลับตาสิคะ....” มาริสาทำตามที่เธอบอก หล่อนหยุดเคลื่อนไหวแล้ว เธอจึงค่อยๆ คลายอ้อมแขนออกจากการรัดตัวแสบออกช้าๆ มองดูขนตาเป็นแพรยาวปิดพริ้มลงเรื่อยๆ แล้วก็กระพริบเจือจางบางเบามาที่เธอ หล่อนยังสงสัยว่าจะได้ของที่อยากได้อยู่รึเปล่า

“รอนิดนึงนะ หลับตาก่อน อย่างนั้นแหล่ะค่ะ เก่งมาก....” นภัสสรยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มเด็กน้อยจำเป็นของเธอฟอดนึ่ง อุ้ยได้ผลเหมือนเล่นกับเด็กเลย มาริสาปิดตาเอียงคออย่างอายๆ พวงแก้มขาวนั่นเจือด้วยสีแดงสดขึ้นมาเล็กน้อย 

“....นางฟ้า” 

หล่อนหรี่ตาขึ้นมองใบหน้าเธอที่จ่ออยู่ใกล้ๆ ขยับมือมาจิ้มแก้มเธอแล้วก็ค่อยๆ ปิดตาลง พร้อมกับมือของเธอที่ลูบหัวมาริสาเสมือนเป็นทารกน้อยแรกเกิด ถ้าเพียงแต่มาริสาเป็นทารกจริงบางสิ่งบางอย่างในหัวใจคงไม่เกิดคำถามว่าทำไมเธอจึงต้องห้ามไม่ให้ตัวเองหอมแก้มทารกน้อยคนนี้เป็นครั้งที่สอง

ป่านนี้เด็กดื้อคงจะหลับไปแล้ว มีอะไรอีกมั้ยที่ต้องเป็นกังวล เธอเองก็ง่วงเต็มที ขอหลับที่นี่ด้วยเลยได้มั้ย มาริสาคงไม่ว่าอะไรมั้ง กลับบ้านไปคงไปเจอะเจอกับคนรักที่ดักรอหน้าบ้านเช่นทุกครั้ง เขาคงไม่ปล่อยให้เธอเข้าบ้านได้โดยง่าย แต่มีคำถามมากมายเกี่ยวกับเพื่อนใหม่ของเธอทุกคน หรืออย่างดีหน่อย คงจะไปจบลงที่โรงแรม เหมือนทุกครั้งที่เขาต้องการเธอ....

น่าอิจฉามาริสาจัง หล่อนมีความสุขที่ได้ปิดตาลงโดยไม่ต้องกังวลอะไร หมั่นไส้ขนตาพริ้มนี่จริง ว่าแล้วนภัสสรก็แอบขโมยหอมแก้มเด็กดื้อไปอีกหลายฟอดซะเลย ได้ยินเพียงเสียงงึมงำตอบกลับมาเบาๆ 


........................