Justice ตอนที่8
[---]หลายสิบปีก่อนเธอค้นพบว่ามีคนแบบเธออยู่บนโลกใบนี้ด้วย แม้จะมีไม่มากจากความรู้สึกที่สัมผัสได้ แต่ก็มีอยู่จริงให้เธอได้พบเจอ และนับแต่นั้นมาเธอก็ติดสอยห้อยตามณิกานต์มาโดยตลอด เพราะรู้ได้ว่าพวกเธอมีอุดมการณ์เดียวกัน นั่นก็คือการเป็นผู้ทวงคืน ศัพท์นี้ถูกคิดขึ้นมาโดยพวกเธอเอง เพราะไม่แน่ใจว่าพลังที่มีนั้นคืออะไร รู้เพียงใช้มันทำลายคนที่สมควรถูกกำจัด
[---]ตลอดเวลาที่เธอเที่ยวเร่ร่อนไปเรื่อยๆ อย่างบ้าคลั่ง ราวกับคนหาจุดหมายไม่เจอ ไม่มีที่ซุกหัวนอนเป็นหลักแหล่ง แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก ผู้หญิงไม่มีที่ไปอย่างเธอตะเวนไปตามที่ต่างๆ เพราะรู้ว่าจะต้องเจอกับสถานการณ์ที่หลายคนหวาดกลัว หากแต่เธออยากเดินเข้าไปหามันเองเท่านั้นแหละ เพื่ออะไรน่ะรึ ก็ทวงคืนความยุติธรรมที่หาได้น้อยนิดบนโลกใบนี้ไงล่ะ
[---]แล้วก็เจอกับผู้หญิงอีกคนที่เพียบพร้อมไปด้วยทรัพย์สมบัติกับรูปโฉม เธอสัมผัสกับความรู้สึกหล่อนไม่ได้ ซึ่งมันแปลกมากทีเดียว เพราะในเวลานั้นหล่อนกำลังจะเจอกับอันตรายอย่างมหันต์ แต่กลับยิ้มอย่างใจเย็นราวกับมันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ
[---]ชนินทรสะกดรอยตามหล่อนพร้อมกลุ่มอันธพาลมายังโกดังแห่งหนึ่ง พวกนั้นพยามจะปล้นทรัพย์สิน ลักพาตัวผู้หญิงร่ำรวยคนนี้ไปเรียกค่าไถ่ พวกมันกำลังสับสนระหว่างนำหล่อนไปขายหรือเรียกค่าไถ่จะได้เงินมากกว่ากัน ยัยคนนั้นจะยิ้มทำไมกัน จนเมื่อหนึ่งในนั้นทุบกำปั้นใส่หน้าท้องคนที่ยิ้มเริงร่า
[---]เพียงเท่านั้นแหละดวงตาของเธอก็เบิกกว้างอย่างโกรธแค้น เดินตรงเข้าไปหมายจะสังหารพวกมันให้หมด แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นไปตามที่คิด เมื่อคนที่ทำร้ายกลายเป็นผู้ถูกทำร้าย พวกมันนอนลงไปดิ้นทุรนทุรายไม่มีเสียงร้องใดๆ ออกจากปาก มีบางสิ่งในร่างกายพวกนั้นดังกรอบแกรบ ผู้หญิงที่ยืนยิ้มเมื่อสักครู่มีแววตาแดงฉานราวกับจะเผาผลาญคนบาปให้มลายสิ้น หล่อนกลบร่องรอยไว้ให้มิดชิด ฉลาดนี่นะเธอคิด
[---]แปะๆ ๆ ๆ เธอเผลอตบมือรัวให้เจ้าของใบหน้าสวยที่ตอนนี้ยืนมองอย่างชั่งใจ นั่นสินะ เธอรู้เห็นเรื่องราวของหล่อน ไม่แปลกที่หล่อนอาจจะอยากปิดปากเธอก็เป็นได้ คาดเดาไม่ถูกเลยจริงๆ
[---]“เธอเป็นใคร” ใบหน้าสวยนั้นถามเมื่อเห็นเธอเดินเข้าไปหา
[---]“ก็เป็นอย่างที่เธอเป็น” ชนินทรยักไหล่ สิ่งที่เห็นนั่นพิสูจน์ได้มากเกินแล้ว ว่าหล่อนเป็นเหมือนเธอแน่แท้
[---]“ไปจากที่นี่ซะ แล้วก็หุบปากไว้ด้วย” หล่อนสะบัดตัวเดินออกห่าง ไม่อยากยุ่งกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่นัก
[---]“พอดีว่าปากมีไว้พูดด้วยสิ” ใช่แล้ว เธออยากรู้แม่นี่จะเก่งแค่ไหนกัน พลังที่มีจะเทียบได้กับเธอ หรือมากกว่ากันแน่ ประลองกันดูสักครั้งคงไม่เสียหาย
[---]เท่านี้ล่ะกับการท้าทาย พื้นดินบริเวณที่เธอยืนก็เริ่มสั่นคลอน พร้อมกับหางตาเชือดเฉือนปรายมายังเธอ
[---]“จะฆ่าฉันเหรอ....รู้ไว้ด้วย ฉันไม่กลัวเธอหรอก” หนอยยัยนี่เล่นแรงหวังจะขู่เธอเรอะ
[---]ชนินทรปลดปล่อยพลังส่วนหนึ่งไปใส่คนตรงหน้าบ้าง เห็นหล่อนทำหน้าตกใจเหมือนพึ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองก็ถูกเล่นงานเข้าให้ และความลังเลบางอย่างก็พลันสงบนิ่ง หล่อนไม่ได้สกัดกั้นหรือหลบหลีก คงจะตกใจล่ะสิท่า เธอเองก็พึ่งรู้ว่ามีคนประหลาดแบบเธออยู่บนโลกนี้ด้วยเหมือนกัน
[---]“อย่ามายุ่งกับฉัน” หล่อนเอ่ยอย่างรำราญ พร้อมกับกุมมือประสานหน้าอกไว้อย่างทรมาน
[---]หายใจไม่ออกล่ะสิ ก็ในเมื่อบรรยากาศรอบตัวหล่อนถูกดึงออกให้บางเบา โดยฝีมือเธอเอง ดูเหมือนไม่อยากสู้ แต่เธอต้องการรู้นี่ว่าหล่อนจะแน่แค่ไหนเชียว
[---]มวลอากาศอัดกระแทกไปทั่วบริเวณ คนไม่อยากสู้ล้มลงกับพื้น บาดแผลตามร่างกายถูกปาดด้วยคลื่นบางอย่างที่มองไม่เห็น แต่แล้วก็มีเสียงของใครเข้ามาขัดจังหวะก่อนจะได้ลงมืออย่างจริงจัง ทำให้การยั่วยุอีกคนให้สู้จึงต้องหยุดลง
[---]“มาทำอะไรกันสองคนจ๊ะน้องๆ” เอาแล้วสิ กลิ่นไอความโสมมพัดผ่านจนรู้สึกถึงความคิดอันน่าขยะแขยง
[---]“ต๊ายดูสิคะเฮีย นังนั่นมองหน้าหาเรื่องด้วยแหละ ให้ลูกน้องจัดการมันเลยค่ะ เบื่อจริงพวกชั้นต่ำ”
[---]เธอถูกผู้หญิงอีกคนที่เกาะแข้งเกาะขาอาเสี่ย มองพิจารณาการแต่งตัวที่ไม่ต่างจากคนพเนจรของเธอด้วยอาการดูถูกอย่างโจ่งแจ้ง
[---]อ่าว! ก็คนมันเดินทางไปทั่ว จะให้มีความคิดสูงๆ เสื้อผ้าสวยๆ ไว้ปอกลอกอาเฮียแบบหล่อนได้ยังไง๊
[---]เฮ้อ เธอถอนหายใจ เดินตรงไปประคองผู้หญิงอีกคนที่ล้มลงด้วยฝีมือเธอก่อนหน้านี้ หล่อนหน้าเบ้ มองเธออย่างหัวเสีย ด้วยการถ่ายพลังรักษาผ่านทางผิวหนังที่ลูบแตะบริเวณหน้าอก เธอยิ้มเยาะมุมปากที่ได้แกล้งอีกคนเล่นในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน
[---]“จะไปไหน” อาเฮียคนเมื่อกี้นี่นา อุตส่าห์ปล่อยแล้วเชียว
[---]“กลับ” คนเร่ร่อนพูด
[---]“นี่โกดังกู เข้ามาแล้วจะออกไปง่ายๆ เหรอ” มืออ้วนตะหวัดให้ลูกน้องสี่คนมาขวาง
[---]“มัดพวกมันแล้วเอาไปขัง” ช่างเป็นคำสั่งที่ไม่อยากได้ยินสักนิด จะรอดอยู่แล้วนะคะอาเฮีย ดันมีความคิดชั่วๆ เอง ช่วยไม่ได้
[---]ผู้หญิงที่ไม่ยอมสู้เมื่อครู่ส่ายหน้าน้อยๆ สะกิดให้ชนินทรปล่อยตัวเธอลง อาการบาดเจ็บหายไปจนสิ้นในพริบตา หล่อนหันมามองหน้าเธออย่างครุ่นคิด กรอกดวงตากลมโตไปมาระหว่างคนชั่วกับเธอ
[---]นั่นไง หล่อนท้าเธอชัดๆ แววตาแบบนี้ไม่ต้องสัมผัสความคิดได้ ใครๆ ก็รู้
[---]“คอยดูละกัน” เธอเอ่ยเบาๆ
[---]พริบตา คนชั่วทั้งหมดถูกกำจัดไปอย่างง่ายดาย ด้วยหลุมอากาศดูดกลืนร่างเหล่านั้นให้แหลกละเอียด กลายเป็นผุยผงปลิวจมลงสู่พื้นพสุธาเป็นเนื้อเดียวกันจนไม่สามารถแยกแยะได้ แล้วเธอก็หันไปยิ้มเยาะให้กับใบหน้าสวยที่ยืนอึ้งๆ อยู่ที่เดิม
[---]“เธอเป็นใคร มาจากไหน” หล่อนถามอย่างสงสัย
[---]“ก็จำไม่ค่อยได้หรอก มันนานมากแล้ว ฉันไม่มีที่ไป เดินทางไปเรื่อยๆ” อันที่จริงเธอลืมไปต่างหาก ตื่นมาอีกทีก็รู้ว่าอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย การจลาจล เธอหนีจากความวุ่นวายนั้นจนเกิดวิกฤตขึ้นในชีวิต หวุดหวิดจะถูกฆ่าจนค้นพบว่าตัวเองใช้พลังประหลาดได้ จึงทำให้เธอเร่ร่อนมาเรื่อยๆ คอยจัดการกับขยะมนุษย์ที่นับวันจะมีมากขึ้น
[---]“แล้วเธอล่ะ” ย้อนถามอีกคนบ้าง
[---]“ฉันณิกานต์....เอ่อ เธอมากับฉันมั๊ย” หล่อนเอ่ยปากชวนโดยไม่ถามไถ่เธอสักนิด ไม่สนด้วยว่าเธอจะอันตรายแค่ไหน
[---]“ได้เหรอ แล้วไม่กลัวฉันจะทำร้ายเธอแบบพวกนั้นเหรอ”
[---]“ถ้าเธอคิดจะทำ คงไม่รักษาฉันหรอกว่ามั๊ย แล้วอีกอย่างเธอเก็บกวาดไม่หมดน่ะ” หล่อนว่าพลางยุบผืนดินบริเวณนั้นให้กลบร่องลอยสำคัญ
[---]“ทำไมไม่สู้” เธอเห็นความสามารถของอีกคนที่กั๊กไว้ทำไมก็ไม่รู้ การต่อสู้เมื่อครู่เลยหมดสนุกไปเลย
[---]“ฉันทำไม่ได้หรอก”
[---]ได้ยินแบบนั้นก็ทำให้เธอถึงกับเอียงคอไปถามด้วยความฉงน สู้ได้ แต่ไม่สู้ เพราะอะไรกันคะ
[---]“เพราะเธอเหมือนฉันน่ะสิ” ใบหน้าสวยส่งยิ้มแห่งมิตรภาพมาให้ มันยังคงตราตรึงในใจเรื่อยมา
[---]และคำตอบนั้นก็กินใจชนินทรไปจนหมด ณิกานต์ไม่มีวันทำร้ายเธอ หล่อนเป็นมนุษย์หนึ่งเดียวในขณะนั้นที่ไม่คิดจะหวังสิ่งใดตอบแทนจากเธอเลย
[---]ความรู้สึกตื้นตันที่ไม่เคยวางใจใครมาก่อน แต่เมื่อเจอณิกานต์ เธอกลับไว้ใจหล่อน เชื่อด้วยชีวิตของเธอที่มีอยู่
....................................
[---]ตั้งแต่นั่นมาชนินทรก็อยู่กับณิกานต์มาตลอด แล้วรู้ด้วยว่าหล่อนคอยเปลี่ยนหลักฐานเกี่ยวกับตัวเองบ่อยๆ เพื่อให้สามารถออกหน้าสู่สังคมได้อย่างไม่ต้องตอบคำถามมากนัก บางทีก็เปลี่ยนธุรกิจนู่นบ้างนี่บ้าง ไม่ให้เป็นที่จับได้จึงไม่ค่อยเปิดตัวสู่สังคมเท่าใด
[---]อายุหล่อนน้อยกว่าเธออยู่ยี่สิบกว่าปี แต่ก็ผ่านอะไรมาไม่น้อย เมื่อเทียบกับเธอเองที่ปีนี้ย่างสองร้อยหกสิบแปดเข้าไปละ แต่สภาพร่างกายนั่นเหมือนวัยรุ่นยี่สิบกว่า เพียงเพราะอายุไขมากมายที่เธอได้มาจากพวกขยะ มันก็ต่อเวลาให้เธออีกเป็นหลายร้อยปี
[---]ณิกานต์ก็เช่นกัน หล่อนมีอายุที่ยืนยาว แข็งแรง สมบูรณ์ อ่อนเยาว์ และสะสวย หากแต่เหมือนหล่อนจะไม่ต้องการ บางทีก็ใช้สิ่งเหล่านั้นช่วยเหลือมนุษย์บางคนที่สมควรได้โอกาสอย่างผู้กองฐิติภัทร แต่นั้นมันไม่ใช่สิ่งจำเป็นเลย เพราะการทำเช่นนั้นกับคนที่มีแต่ความสงสัย มันจะยิ่งทำให้ความลับของเราสองคนถูกเปิดเผย
....................................
[---]ชนินทรแหวกว่ายไปตามสระน้ำในบ้าน มันกว้างขวางจนเธอต้องปล่อยตัวเองให้ลอยไปตามสายน้ำเรื่อยๆ เอื่อยๆ นึกสับสนอยู่กับความคิดของณิกานต์ หรือความจริงที่ว่าเธอกลัว กลัวเหลือเกินว่าบางสิ่งจะทำให้คนๆ นี้เปลี่ยนไป ใช่เพราะจับความรู้สึกไม่ได้ แต่มันคือความหวั่นไหวเล็กๆ กับบางอย่างที่เธอไม่แน่ใจ
[---]“คุณนินคะ ผู้กองฐิติภัทรมาขอพบคุณกานต์ค่ะ” แม่บ้านเอ่ยกับเธอเป็นเชิงถามว่าจะให้ทำยังไงดี
[---]ยังหาเรื่องกับกานต์ไม่เลิกนะผู้กอง ครั้งนี้คงต้องขัดคำสั่งณิกานต์เสียหน่อยล่ะ ก็ดันมาเข้าถ้ำเสือเองนะ จะรอดออกไปง่ายๆ ไม่มีทางซะหรอก อย่างน้อยเธอเองก็ขอช่วยณิกานต์บ้างจะเป็นไรไป
[---]“ให้เข้ามาได้เลย ไม่ต้องบอกนะว่ากานต์ไม่อยู่”
....................................