Justice ตอนที่7



[---]การปรากฏตัวของผู้ถือหุ้นใหญ่ของเครือบริษัทอัญมณีเครื่องประดับ เป็นที่น่าแปลกใจของพนักงานและผู้บริหารระดับสูงหลายคน หล่อนจะโผล่มาตอนช่วงแบ่งผลกำไรเท่านั้น นอกนั้นเหรอ ถ้าแมวดำน้ำได้ล่ะก็ เจ้าหล่อนถึงยอมโผล่ตัวออกมา และวันนี้ก็เหมือนแมวจะตกถังน้ำเสียด้วยสิ คนในบริษัทเลยแตกตื่นกันใหญ่เพราะเธอเดินเข้ามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย



[---]“ช่วยเรียกพนักงานที่ชื่อ ฐิติพร ให้มาพบฉันที” บอกกับพนักงานแถวนั้นแล้วรีบเดินเข้าห้องทำงานซึ่งแทบจะทิ้งร้างไว้แรมปี มันมีไว้เพียงประดับบริษัทเท่านั้น ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้าบ่น เพราะอะไรน่ะเหรอ เธอเป็นผู้ถือหุ้นที่คุมอำนาจบริษัทไว้ในมือน่ะสิ



[---]พนักงานหลายคนลอบมองเธออยู่นาน มีคำถามสินะว่าทำไมถึงได้ดูเด็กกว่าอายุทุกทีที่เจอ จะตอบอย่างไรดีล่ะ เฮ้อ....สงสัยคงต้องได้เปลี่ยนธุรกิจอีกแล้วสิ และนั่นอาจหมายรวมถึงการเปลี่ยนตัวตนของเธอด้วย อยู่ไหนนานก็ไม่ได้ เหนื่อยจริงณิกานต์



[---]แต่ก่อนจะเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นี้ เธอต้องจัดการกับบางเรื่องให้หมดเสี้ยนหนามเสียก่อน และหนึ่งในเรื่องพวกนั้น ก็คือผู้กองจอมจุ้นนั่นแหละ



[---]ณิกานต์นั่งประจำเก้าอี้ตัวใหญ่ เธอมองดูรอบๆ ห้องอย่างเชื่องช้า ต้องมีคนมาทำความสะอาดทุกวันแน่ๆ ไม่งั้นฝุ่นคงจับ เธอมองรูปวิวทิวทัศน์ที่ตั้งบนโต๊ะทำงาน มันต่างกับของคนอื่นสักหน่อย เพราะหลายคนมักวางรูปตัวเองถ่ายร่วมกับคนในครอบครัว



[---]แล้วเธอล่ะ ไม่อาจบอกได้เต็มปากว่าไร้ใครเลย แต่รู้ว่าความเหงามันคลืบคลานมาช้านานแล้ว เธอชินกับการอยู่ตัวคนเดียวมาหลายปี ถึงแม้ว่าจะมีเพื่อนร่วมทางอย่างชนินทร หากลึกๆ ในหัวใจนี้กลับรกร้างว่างเปล่า เงียบเหงาจนฝุ่นเกาะ



[---]นั่งถอนหายใจเป็นจังหวะได้อึดใจหนึ่ง ประตูที่ผ่านการเคาะมาสองสามครั้งก็ค่อยๆ แง้มเปิดออก และจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนที่เธอต้องการจะพบตั้งแต่เมื่อวานที่ค้นประวัติเจอ



[---]แปลกใจนิดหน่อยกับบุคคลที่ตามหา เธอค้นไปทั่วว่าเจ้าหล่อนอยู่ที่ใด หายไปไหน จนเมื่อใกล้ถอดใจแล้ว การค้นหาครั้งสุดท้ายก็เจอะได้อย่างง่ายดาย



[---]แท้ที่จริงก็อยู่ใกล้กันนี่เอง สามปีกว่าที่ฐิติพรทำงานที่บริษัทแห่งนี้มา บางทีอาจเคยเดินผ่านกันนับครั้งได้ กลับไม่ทันสังเกต แต่ก็นะ ถ้าไม่เพราะพี่สาวหล่อนจงใจเข้ามาขุดคุ้ยเรื่องเธอแล้ว วันนี้ก็คงไม่ต้องเรียกน้องสาวคนที่เหลืออยู่ของฐิติภัทรเข้ามาพบหรอก



[---]“สวัสดีค่ะ” หน้าเจี๋ยมเจี้ยมเดินเข้ามาในห้อง คงไม่รู้ว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่ต้องการอะไรจากหล่อนรึเปล่า เพราะตัวหล่อนเป็นพนักงานเงินเดือนธรรมดาทั่วไป ไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นมากนัก ทั้งยังไม่มีความเกี่ยวเนื่องอันใดจนต้องเข้ามาพบกับณิกานต์อย่างในวันนี้



[---]อืม.... โครงเดียวกับพี่สาวจริงๆ ทั้งจมูก ปาก และดวงตาคู่สวย หล่อนแอบน่ารักกว่าฐิติภัทรด้วย เพราะรายนี้ไม่ได้เครียดและเอาจริงเอาจังแบบอีกคน



[---]“ฉันณิกานต์นะ เรียกกานต์ก็ได้” แนะนำตัวแบบสบายๆ การมาครั้งนี้เธอไม่ได้เป็นทางการเท่าไหร่นัก ไม่เคยสนว่าตัวเองเป็นผู้ถือหุ้น และไม่ต้องการจะยกระดับตัวเองเหนือใคร หล่อนคงสงสัยว่าเธอต้องการอะไร เรียกมาพบเพราะทำอะไรผิดหรือเปล่า ตั้งแต่เรียนจบก็มาสมัครงานที่นี่ไม่คิดว่าจะได้เจอผู้บริหารระดับสูงสุดในเร็ววันเช่นนี้



[---]“ฉันเรียกเธอว่ามิว แล้วกันนะ”



[---]“อ่ะ.... ค่ะ”



[---]“ไม่ต้องถามหรอกว่ารู้จักมิวได้ยังไง เพราะฉันรู้จักพี่สาวของเธอ” ณิกานต์พิจารณาฐิติพรอยู่ชั่วครู่ พบความไม่พอใจแฝงอยู่ภายใต้ใบหน้านิ่งๆ หล่อนเกลียดพี่สาวตัวเองทำไม รายนั้นออกจะรักและหวงน้องสาวอย่างกับอะไรดี



....................................



[---]“ฉันมีข้อเสนอให้ หวังว่ามิวคงจะรับ”



[---]“อะไรเหรอคะ”



[---]“ย้ายไปทำงานที่บ้านฉัน....สำหรับเงินเดือน อยากได้เท่าไหร่ขอให้บอก”



[---]“แต่ฉันมีงานที่นี่อยู่แล้วค่ะ” บริษัทจ้างเธอในฐานะพนักงานประสานงานกับสาขาใหญ่ที่ต่างประเทศด้วยดีกรีปริญญานอกของเธอ เงินก็สูงใช่เล่น ไม่จำเป็นต้องทำตามข้อเสนอนี้เลยก็ได้ หรือถ้าหล่อนไล่เธอออก งานใหม่ก็พร้อมเปิดรับเธออย่างง่ายดาย



[---]“เรื่องนั้น ไม่เป็นปัญหา จะกลับมาทำที่เดิมนี่เมื่อไหร่ก็ได้ ตกลงมั๊ย” ณิกานต์เสนอไป แต่ก็ลืมลงรายละเอียดในเรื่องที่กำลังชวน เธอแค่คิดว่าหากสามารถชักชวนฐิติพรให้มาอยู่ด้วยได้ พี่สาวของหล่อนก็คงจะรามือไปเอง หรือไม่ก็หยุดขุดเรื่องราวของเธอชั่วขณะหนึ่ง และด้วยตัวฐิติพรเอง ก็น่าจะเป็นประเด็นสำคัญของฐิติภัทร สองคนนี้อาจชักนำเธอให้ได้พบกับบุคคลอันตรายที่เธอต้องกำจัด



[---]“ฉันขอไม่รับดีกว่าค่ะ เพราะไม่รู้ว่างานอะไร แล้วคุณกานต์ก็รู้จักกับพี่สาวฉัน” ฐิติพรตอบปฏิเสธอย่างสุภาพ นึกไม่ออกเลยว่าคนพี่จะเคยพูดจาไพเราะแบบคนน้องบ้างมั้ย และถึงแม้จะพูดมันก็แฝงไปด้วยความแข็งกร้าว ดุดัน และเอาจริงเอาจังจนแอบคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นปิดตายตัวเองให้จมดิ่งอยู่กับงานแสนเครียดอย่างเดียวรึยังไง



[---]ด้วยสีหน้าแววตาท่าทางนั้น เธอจับได้ว่าหล่อนกำลังกังวลเรื่องพี่สาว ไม่อยากเจอ ไม่อยากยุ่งเกี่ยว พร้อมจะต่อต้านทุกคนที่อยู่ข้างพี่หล่อน ส่วนเรื่องจะเปลี่ยนงานนั้นไม่ได้อยู่ในความคิดเลย หล่อนรู้ว่าเธอเป็นใคร มีอำนาจกับบริษัทนี้ยังไง จะโยกย้ายงานหล่อนยังไงก็ย่อมได้ หากไม่พอก็แค่ไปหางานที่อื่นทำแค่นั้น



[---]“ผู้กองภัทรมาหาฉันที่บ้าน เพราะคิดว่าฉันไปเกี่ยวพันกับคดีที่คนร้ายหายตัว” เธอเริ่มเล่าขึ้นอย่างใจเย็น ค่อยๆ สังเกตความเป็นไปของอีกคน



[---]“....” แล้วมันเกี่ยวอะไรกับมิวด้วยล่ะค่ะ



[---]“พี่เธอตามมารังควาญฉันเพราะคิดว่าฉันสั่งเก็บพวกคนร้ายในคดีร้ายแรง ซึ่งมันก็คงเป็นแบบนั้น ถ้าฉันมีอำนาจมากพอ ฉันคงอยากเก็บพวกนั้นให้หมด....ส่วนมิวเป็นน้องสาวของคนที่ฉันไม่อยากจะยุ่งด้วย ฉันหวังว่าเธอจะเป็นประโยชน์ให้ฉันได้บ้าง” ณิกานต์แทรกความคิดที่ว่าต้องการกำจัดผู้ร้าย ซ้ำยังแอบต่อต้านกับคติประจำใจของฐิติภัทรอยู่ในที



[---]“ให้เป็นไม้กันหมาเหรอคะ” หล่อนค่อนข้างฉลาดไม่ต่างจากคนพี่ เธอแค่เล่ามานิดเดียว อีกคนก็ประติดประต่อเรื่องแล้วก็ชั่งใจเอาว่าเธอเป็นคนดีจริงรึเปล่า แต่ด้วยความที่ขัดแย้งกับฐิติภัทรมาเนิ่นนานก็ทำให้อีกคนมีอคติในการตัดสินใจ



[---]“ไม่ขนาดนั้นหรอก เพียงแต่ถ้ามิวทำงานกับฉัน พี่เธอคง....” ไม่ทันจบประโยคก็ถูกขัดด้วยเสียงของเจ้าหล่อน



[---]“ตกลงค่ะ”



[---]ห๊า ง่ายขนาดนี้เลยรึ เมื่อกี้ยังคิดไม่ตกอยู่เลย ความคิดคนเราจับไม่ได้ ไล่ไม่ทันจริงๆ หล่อนแค่อยากสร้างความลำบากใจให้พี่สาวงั้นรึ โอ้ว ความเคียดแค้นมีอานุภาพแรงกล้าเสียจริง



[---]“งั้นเริ่มงานพรุ่งนี้ ส่วนคอนโดที่มิวเช่า ย้ายออกมาอยู่กับฉันชั่วคราว ตกลงมั๊ย” ณิกานต์เอ่ย



[---]“ต้องย้ายที่อยู่ด้วยเหรอคะ”



[---]“ถ้าได้ก็ดี ฉันไม่รู้ว่าพี่เธอจะมาที่บ้านอีกเมื่อไหร่” เป็นคำชักชวนที่เธอก็ออกจะเกรงใจฐิติพรอยู่บ้าง หล่อนอาจไม่สะดวกใจก็ได้



[---]“อืม ได้ค่ะ แล้ว....”



[---]“ไม่ต้องห่วงหรอก บ้านฉันไม่แคบขนาดนั้น ฉันอยู่กับเพื่อนสองคนเอง” ณิกานต์รีบตอบไปหน่อย อันที่จริงเธอควรรอให้อีกฝ่ายถามจบ แต่ก็นะ การเดาใจใครในสถานการณ์ง่ายๆ เช่นนี้ มันได้ยินชัดแจ่มเลยล่ะ



[---]เหมือนกับเดาความคิดได้เลยนะฐิติพรนึก ชักจะเริ่มระแวงเธออยู่บ้าง เพราะยังไม่ทันถามก็ตอบมาเสียก่อน



....................................



[---]ณิกานต์นั่งพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตาลง น้องสาวผู้กองออกไปแล้ว หล่อนเป็นครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของผู้กองฐิติภัทร เป็นคนเดียวที่มีอิทธิพลต่อจิตใจของฐิติภัทร และเป็นคนเดียวที่เธอต้องดึงเข้ามาร่วมด้วยไม่ว่ายังไง เพราะนั่นเป็นทางเดียวที่จะทำให้อีกคนเลิกรังควาญเธอได้สักที



[---]แล้วตัวเธอนั่นน่ะรึ ที่จริงก็ไม่ได้กังวลกับการถูกรบกวนมากนัก เพราะตัวเธอนั้นไม่มีใครเหลือ ไม่เหลือใครให้ต้องนั่งห่วง ชนินทรก็ดูแลตัวเองได้ไม่ต่างกับเธอ จะมีใครที่ต้องกังวลก็คงเป็นคนที่เลือกเดินข้างเธอที่มีอยู่เพียงไม่กี่คน ก็ไม่ยากที่จะแยกย้ายพวกเขาให้พ้นจากการถูกจับตามอง



[---]แต่การไม่มีใครรั้นก็ไม่ค่อยน่ากลุ้มมั้ง เพราะไม่รู้ว่าที่นั่งถอนหายใจอยู่นี่เธอกำลังวิตกเรื่องอันใด ให้ทำยังไงได้ล่ะ คนไม่มีใครก็ต้องมานั่งคิดอะไรไปเรื่อยแบบนี้แหละ



[---]ทุกวันของเธอจึงผ่านไปอย่างว่างเปล่า เงินทองก็มี เวลาก็มี อยากทำอะไรก็ได้ทำ อยากไปไหนก็ได้ไป แต่ทุกอย่างที่กำลังทำนั้น ไม่มีจุดหมายอะไรเลย เพียงแค่ทำไปเรื่อยๆ ตามความต้องการที่อยากให้โลกน่าอยู่ขึ้นมาบ้าง ถึงอย่างนั้น แม้โลกจะไม่น่าอยู่ เธอก็ไม่ได้มีความทุกข์ร้อนอันใดเลยสักนิด นี่แหละนะ ความว่างเปล่า



[---]เธอนึกย้อนไปถึงเรื่องราวของครอบครัวเมื่อนานมาแล้ว เคยมีความสุขกันพร้อมหน้า มันเป็นแค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้นที่เกิดขึ้นกับชีวิต เมื่อเทียบกับวันเวลาเนิ่นนานซึ่งเกือบดูดกลืนเอาความทรงจำที่มีค่าให้สาบสูญ หากแต่รอยหยักในสมองที่สมบูรณ์ของเธอนั้นพยามนึกถึงไม่ให้มันเลือนลางได้ทุกครั้งไป



[---]วันเวลาของเธอได้มาเพราะการแย่งมาจากคนอื่น แต่เธอก็ช่วยเหลือคนที่คิดว่าดีทุกคนให้พ้นจากความเจ็บปวด หรือความตายที่ต้องแลกมาด้วยการกำจัดความชั่วร้ายทิ้ง มันอาจไม่ถูกต้องสำหรับหลายคน แต่สำหรับเธอนั้นนั้นมันก็คุ้มค่าต่อการทำให้โลกสวยใบนี้ให้น่าอยู่ขึ้น



[---]ทุกคน หรือเกือบทุกคนที่จะช่วยได้ หากแม้นสิ่งเดียวที่เธอไม่อาจทำได้ก็คือการรักษาชีวิตของครอบครัว ซึ่งแม้ว่าจะพยามเท่าไร การรักษาพวกเขาก็ไม่เป็นผล เหมือนเป็นสิ่งต้องห้ามที่เธอจะต้องเสียสละ



[---]มันไม่มีความหมายหรอกที่ต้องอยู่คนเดียว อายุขัยที่ได้มามากมายนั้นไร้ประโยชน์ ถ้าไม่มีแม้แต่คนให้คิดถึง ไม่มีแม้แต่คนให้ห่วงใย และการขจัดคนชั่วนั้นก็เพื่อการณ์นี้เอง คนพวกนั้นจะไปยับยั้งชีวิตของคนดีๆ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มันสร้างความสูญเสียให้กับครอบครัวของเหยื่อผู้ที่ต้องนอนร้องไห้แทบทุกครั้งไป ตัวอย่างเช่นผู้กองฐิติภัทร



[---]ผู้กองที่ปากหนัก ใจแข็ง สร้างกำแพงใหญ่ตัวให้ตัวเองแข็งแกร่ง แท้จริงแล้ว หล่อนก็แค่คนธรรมดาที่สูญเสีย



[---]การมีเรื่องวุ่นวายมาให้เธอได้ตามแก้ก็สนุกดี มันเป็นความตื่นเต้นใหม่ที่น่าค้นพบ อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าผู้กองภัทรทราบเรื่องราวของเธอ หล่อนจะหวาดกลัวหรือพยามจะเพิ่มข้อหาให้เธอกันแน่ แต่ถ้าถูกจับได้จนไม่มีทางหนีจริง ก็คงต้องหายตัวไปสักพัก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักนิด



[---]อีกอย่างเธอก็ไม่คิดทำร้ายคนดีๆ อย่างฐิติภัทร คนแบบนี้หาได้ยากเหลือเกินในสังคม คนที่พร้อมจะทุ่มเทเพื่อคนอื่น น่าภูมิใจกับหล่อนเหมือนกัน เพราะชีวิตของผู้กองนั้นมีค่า กับหลายๆ คดีที่เธอเข้าถึงความคิดของหล่อน สัมผัสได้ว่ามันน่าปิติ เต็มไปด้วยความสำเร็จซึ่งเป็นผลพวงของความตั้งใจ



[---]อ่า อยากแลกชีวิตของเธอกับหล่อนบ้าง อยากทำในหลายสิ่งที่หล่อนทำได้แต่เธอทำไม่ได้ หล่อนสามารถลากตัวอริมนุษย์ไปจองจำ ไปรับโทษ โดยที่ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อย่างเธอ หรือว่าครั้งหน้าของการเปลี่ยนชื่อใหม่ เธอควรเป็นตำรวจดีนะ จะได้ทำในสิ่งที่ไม่ต้องเรียกว่า แอบ ลักลอบ หรือฆาตกรรม



[---]ไม่ดีกว่า จะเป็นอะไรก็ช่าง รู้เพียงแต่วันนี้ต้องจัดการกับบางคนในที่นี้เสียแล้ว ประสาทสัมผัสของเธอรับรู้ได้ว่ามีฆาตรกรต่อเนื่องเดินเข้ามาในบริษัทเมื่อครู่นี้เอง



[---]โรคจิตเข้าขั้นเลยคนนี้ เกิดจากปมด้อยหรืออะไรสักอย่างในใจเขา และคืนนี้เองพนักงานระดับล่างในบริษัทเธอคนหนึ่งจะต้องตาย เพราะแผนการล่อลวงของเขาในครั้งนี้



[---]พ่อแม่ และน้องชายของหล่อนจะทำได้เพียงแจ้งความทิ้งเอาไว้ ไม่มีทางที่ผลกรรมจะไล่ตามทันในเร็ววันหรอก เขายังคงไล่ฆ่าอีกเป็นร้อยกว่าจะถูกจับ เพราะเขาซ่อนทุกอย่างไว้ได้มิดชิด หน้ากากในสังคมของเขาช่างแสนดีแฝงไปด้วยกลิ่นไอความน่าทุเรศ เละเฟะแสนสาหัส ความเลวทรามถูกย้อมไว้ด้วยกลีบดอกไม้ ฉากหน้าของความดี ไม่มีอะไรเลยนอกจากความเลวที่ปกปิด



[---]ต้องไปจัดการเขาก่อนที่สิ่งเหล่านั้นจะลุกลาม ก่อนที่จะมีใครต้องเดือดร้อนกับความร้ายกาจ สมองที่ไร้จิตสำนึก ไร้ความถูกผิด มันไม่ได้รับรู้สักนิดว่ามนุษย์ผู้อื่นนั้นก็มีความเจ็บปวด หวาดกลัว การกระทำเพียงช่วงหนึ่งของวินาที มันสามารถฆ่าทุกสิ่งให้มลายได้ในพริบตา



[---]แต่ไม่หรอก เขาจะไม่ได้ทำอย่างที่ใจคิดอีกต่อไปแล้ว ไม่มีทางที่มันจะสำเร็จ เพราะเธอไงล่ะ เธอจะขวางความผิดบาปนั้นไว้ และทวงคืนเอาความยุติธรรมอันล้ำค่ากลับคืนมาเอง



....................................