หนี ตอนที่9
[---]ชญานิลแอบเซ็งเบาๆ เรื่องมากมายไร้สาระขยันเข้ามากวนได้ไม่เว้นแต่ละวัน คุณบีก็ไม่รีบฟื้นแล้วมาช่วยจัดการธุระต่างๆ สักที รับมือคนเดียวแบบนี้ปวดหัวซะจริง
[---]เธอเดินเข้ามาห้องข้างๆ คุณบี แล้วเปิดมันออกให้ผู้หญิงอีกคนที่เดินตามมาได้เข้าไปยืนอยู่กลางห้อง หล่อนดูหวาดกลัว สายตาเพ่งพิจารณาไปที่สิ่งของต่างๆ โดยรอบ หากมีสิ่งไหนลุกขึ้นมาทำร้ายหล่อนได้ ก็คงเพราะเธอหยิบมันมาฟาดนั่นแหละ บางทีเธอควรจะทำเผื่อว่าจะได้มีคนมองเธอในแง่ดีขึ้นมาบ้าง
[---]“....” นภัสสร นิ่งเงียบ ส่งสายตามาอย่างตั้งคำถาม
[---]“ก็ขังไว้ไง ก่อนจะเอาไปขาย” เธอตอบอย่างจริงจัง ทำเอาผู้ที่ได้ฟังสั่นผวาแล้วรีบเบือนหน้าหนีไปยังพื้นพรมเบื้องล่าง เก็บซ่อนความโศกเศร้าเอาไว้เพียงลำพัง
[---]“ฉันพูดเล่นน่ะ” คราวนี้เธอหัวเราะในความซื่อจนเซ่อของแม่นี่ ชญานิลไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครเชื่อที่เธอพูดอำแบบนี้ด้วย
[---]แต่ก็นะ คนรอบตัวมีแต่ผู้ที่อยู่กับเธอมานาน ต่างจากคนที่พึ่งรู้จักกัน ให้แยกคำลวงกับความจริงคงจะยากสักหน่อย
[---]“แล้ว....พาฉันมา....ฮะ อึ๊ก....” ชญานิลหัวเราะจากใจอีกครา ร้องไห้จนสะอึก เฮ้อ คนอะไรช่างมีมุมน่าเอ็นดูแท้
[---]ถ้าเป็นน้องสาวเธอคงจะดูแลอย่างดี ไม่อย่างนั้นคงโดนหลอกได้ง่ายๆ เอ๊ะ ถ้าเป็นน้องสาวจริงๆ หล่อนคงมีนิสัยไม่ต่างจากเธอแน่ๆ คงปวดหัวน่าดูที่มีคนนิสัยคล้ายตัวเอง อาจจะเอาแต่ใจมากกว่าด้วยเพราะเกิดเป็นน้อง
[---]“อยู่ที่นี่ก่อนวันนึง....ถ้าเธอออกจากบ้านในตอนนี้ ไม่แน่ว่าอาจมีคนดักฆ่าสมใจแน่....เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ฉันจะให้คนไปส่งแต่เช้า” เธอบอกด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย
[---]“ถ้าพี่นัทกลับมา ฉะ ฉัน....” เท่าที่ฟังดู คงไม่อยากอยู่ร่วมชายคากับชานัท อยากหลบหน้าขนาดนั้นเชียว น้องเธอก็ดีหมดทุกอย่าง หล่อรวยจนสาวตามติดเป็นขบวน ก็ยังเลือกยัยนี่ หรือบางทีชานัทอาจเป็นคนรุนแรง ก็ไม่อาจบอกได้ คิดว่าเรื่องนี้คงเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่เธอจะไม่ขอเข้าไปยุ่งจะดีกว่า
[---]“จะยอมเสี่ยงออกไปวันนี้เหรอ ถ้าตายจะว่าไง” ถามหยั่งเชิงดูสักหน่อย
[---]“ให้ฉันกลับเถอะค่ะ” นางตอบโดยแทบไม่ผ่านสมองคิด ความตายคงไม่น่ากลัวเท่าเจอน้องชายเธอล่ะมั้ง
[---]“งั้นก็ออกไปกับฉันละกัน เสร็จธุระฉันแล้วจะให้คนไปส่งที่บ้าน อ่อ....ไปด้วย ไม่รับประกันว่าจะรอดหรือตาย หายหรือเดี้ยง” เธอบอกเพราะกำลังคนที่เหลือถ้าจะให้แบ่งตามไปส่งคุณหล่อน คงได้ขาดกันพอดี ไหนจะเหลือคนเฝ้าที่บ้านไม่มากแล้ว ถ้าต้องเสี่ยงเพื่อใครก็ไม่รู้อีกก็ให้หล่อนเลือกทางเองเลยละกัน
[---]“ไปค่ะ พี่ชญานิล” แม่แอร์โฮสเตสสาวรับคำอย่างนอบน้อม ใจกล้าจริงน้อ ไม่ถามเธอสักคำว่าจะไปไหน ไปลุยน้ำ ลุยไฟ ก็จะไปงั้นสิ งั้นก็ตามมาละกัน เผื่อต้องตายจริง เธอจะได้มีคนตายเป็นเพื่อน
[---]ชญานิลเดินนำมายังห้องนอน สัดส่วนน้อยภายในบ้านที่จัดตกแต่งให้ดูน่ารัก ผิดกับความเป็นจริงที่แสดงออกทุกระเบียดนิ้ว แต่นั่นก็เป็นเพียงมุมๆ เดียวเท่านั้นในห้องสีเหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ห้องนี้ ผ้าปูเตียงสีสวยเข้ากับปอกหมอนลายคิขุ ประดับด้วยโต๊ะวางของลายตัวการ์ตูนแมวเหมียวดวงตาฟุ้งฟิ้ง
[---]มันไม่ใช่แค่นั้นเพราะนอกเหนือจากนั้นยังมีเครื่องประดับมากมาย ไม่วาจะเป็นตู้ โต๊ะเครื่องแป้ง ชุดนอนสีสวยซึ่งแขวนเรียงรายเอาไว้ครบตามจำนวนวัน
[---]นั่นทำเอาคนเดินตามเข้ามาถึงกลับอึ้งด้วยของใช้ทั้งหมดภายในมุมหวานแหววนั่น เธอสังเกตุเห็นนภัสสรเหลือบมองอยู่หลายครั้ง หล่อนแอบมองมาทางเธอสลับกับมุมห้องสุดน่ารัก
[---]“ห้องฉันเอง มานี่สิ” ชญานิลเดินนำเข้าไปที่ตู้เสื้อผ้า ทำท่าทางราวกับจะเล่นแต่งตัวกันธรรมดา แต่หาใช่ไม่ เธอเลือกชุดที่ดูเข้มแข็งขึ้นมาตัวหนึ่งในตู้ หยิบมันออกมาแล้วส่งให้นภัสสร
[---]“เปลี่ยนซะ” หล่อนทำตามโดยไม่เขินอาย อาจคิดว่าการหันหลังแล้วเปลี่ยนเสื้อก็จะไม่เห็นเธอว่ามองอยู่หรือไม่ ชญานิลก็ไม่ได้มองนักหรอก เพราะแอบอิจฉาเล็กๆ กับรูปทรงต่างๆ ที่มันดูโดดเด่นไปกว่าตัวเอง ทั้งความสูง ไขมันที่แทบไม่มี และไหนจะหน้าตาที่ชิงชัยไปกว่าครึ่ง....หึหึ เริ่มไม่อยากช่วยซะละ ปล่อยให้ชานัทเล่นต่อไปจนเบื่อดีมั้ย
[---]“เอาชุดเก่าทิ้งไปเลย” เห็นนางยืนถือเอาไว้ เหมือนไม่รู้จะเก็บหรือทำอะไรต่อ เธอจึงชี้ไปที่ถังขยะ ขณะที่ตัวเองก็กำลังเปิดตู้ชั้นที่สองออก หยิบเกราะบางเบามาสองอัน ส่งให้อีกคนซึ่งทำหน้าผวาเมื่อรับมาสวมใส่
[---]“เอานี่ไปด้วย ใช้เป็นมั้ย” เธอส่งกระบอกปืนสั้นเก็บเสียงให้หล่อน พอๆ กับที่ตัวเองนำเอามีดมัดไว้ที่ต้นขา แล้วเก็บปืนอีกกระบอกไว้ขางลำตัว
[---]“เอ่อ....คือ....” ยังลังเลอะไรอีก คิดจะเปลี่ยนใจไม่ไปงั้นรึ เอาเลยเปลี่ยนเลย เธอจะไม่ช่วยเรื่องชานัทแน่ เกลียดนักพวกโลเล
[---]“อะไรอีก” เธอตะคอก
[---]“ห้องของพี่สวยดี....แล้วฉันก็ใช้นี่ไม่เป็น” นภัสสรพูดออกมาตรงๆ ไหนๆ ก็จะต้องไปตายแล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวแล้วนี่ ปืนก็มีในมือแล้วด้วย
[---]“ยกนี่ขึ้นตอนจะยิง....จับให้มั่นคง” เธอแสดงให้หล่อนดู
[---]“ฉันไม่เหมาะกับห้องนี้เหรอ” เธอถามลอยๆ ระหว่างปิดตู้ บางทีก็เกิดถูกชะตาหล่อนขึ้นมานิดๆ และด้วยเหตุอันใดก็ไม่รู้ ถึงยอมพาเดินตามมาในห้อง
[---]“ก็....” แล้วหล่อนก็เงียบไป
[---]“เอาตรงๆ อย่าอ้อม ฉันชอบที่เธอพูดตรงๆ นี่ล่ะ” ใช่แล้ว หล่อนมีความกล้า ถึงแม้จะพึ่งเอาออกมาใช้ แต่หล่อนก็กล้าบอกเรื่องที่ว่าไม่ต้องการชานัท อีกทั้งยังบอกกับเธอซึ่งเป็นพี่สาวของแฟนตัวเอง ไหนยังจะชมห้องเธอด้วย แอบดีใจนิดๆ อิอิ
[---]“ถ้าจากหน้าตาแล้วก็เหมาะค่ะ ถ้าจากอื่นๆ แล้วฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” นภัสสรอ้อมแอ้ม
[---]“อะไร พูดให้เคลียร์” ชญานิลปิดตู้แล้วยืนกอดอก
[---]“พี่ชญานิลก็น่ารัก แต่ดูอันตราย” นภัสสรบอก
[---]เรื่องอยากห่างจากชานัท เลยยอมเสี่ยงตายเอามาให้พี่สาวเขาช่วย เพราะบุคคลิกชญานิลน่ามีลุ้นว่าหล่อนอาจมีความดีหลงเหลืออยู่บ้าง และพอได้มาเห็นห้องอันแสนน่าทะนุถนอม นภัสสรจึงเชื่อได้ว่าพี่สาวคนนี้ต้องช่วยเธอแน่ๆ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
[---]“พอเลยๆ ไม่คุยต่อละ” พูดจบเธอก็เดินนำออกห้องไปโดยเร็ว แหม่ เธอไม่เคยทำตัวให้อันตรายเล้ยยย แม้เพียงเสี้ยววินาทีก็ไม่เคย ไหงคนคิดไปเช่นนั้น
[---]ชญานิลก็แค่เล่นไปตามบทบาทของชีวิตที่เธอไม่ได้ลิขิตมาตั้งแต่เกิด ทำไงได้ อยากเป็นเหมือนคนทั่วไปก็ไม่ได้น้อ อันตรายก็อันตรายว้า....ว่าแต่น่ารักด้วยนี่ ยอมรับก็ได้ คริคริ แอบดีใจ ร้อยวันพันปีไม่มีใครเอ่ยชมทำนองนี้เลย ขอบคุณนะยะ
[---]ชญานิลตรงเข้าไปนั่งประจำที่คนขับอย่างคล่องแคล่ว สั่งลูกน้องผู้ติดตามย้ายไปรถอีกสองคัน โดยให้ตามเธอมาเพียงคนเดียว ส่วนตัวถ่วงนั้นก็นั่งด้านหลังเบาะรถด้วยหน้าตาหวั่นๆ ก็แน่ล่ะ หล่อนไม่รู้ว่าเธอจะไปไหน รู้แค่ว่าไม่รอดก็ตาย บางทีเธอก็อยากบอกให้ยัยนี่รู้จะได้เตรียมใจ แต่ก็เลือกไม่บอกไม่งั้นอาจจะวุ่นวายกว่านี้ก็ได้
[---]“ชื่อนภัสสรใช่มั้ย” ชญานิล ถอยรถออกไปทางประตูลับข้างตัวบ้าน ประตูนี้ไม่ทันสังเกตจะเห็นเป็นเพียงกำแพงที่มีไม้เลื้อยเท่านั้น แต่จะสั่งการเปิดประตูได้ก็ต้องสั่งด้วยเสียงของเธอ พ่อ และชานัทเท่านั้น นั่นก็รวมถึงการแสกนม่านตาด้วย
[---]“ค่ะ พี่ชญานิล” นภัสนั่งตัวเกร็งถือปืนไว้ในมือท่าเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา
[---]“เรียกพี่นิลก็ได้ แล้วก็ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้น ยังไปไม่ถึงไหนเลย” เธอบอก นั่นก็ทำให้คนนั่งหลังสงบลงได้บ้าง
[---]ชญานิลเร่งความเร็วตามปกติรถในท้องถนนเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต และเธอก็เลือกขับเสียเองเพื่อความมั่นใจ คงไม่มีอะไรน่าไว้ใจไปกว่าตัวเองอีกละ
[---]วันนี้เธอก็เลือกชุดเสื้อผ้าเหมือนคนธรรมดาเดินดิน ลูกน้องที่ติดตามก็ดูคล้ายเพื่อนที่ออกจะเกรงคนขับ รถสามคันเก่าๆ ถูกเหมาเช่ามาด้วยวงเงินปกติ อันที่จริงก็ใช้ชื่อยัยนภัสสรที่แหละ หล่อนแค่ไปเช่ารถให้ตามคำขอของชานัท ที่ถูกสั่งโดยชญานิลอีกที
[---]แบบนี้ก็ไม่มีใครตามรู้ว่ามาจากทางบ้านเธอ ก็เป็นอีกหนึ่งขั้นความปลอดภัย แต่ใจลึกๆ ก็ยังหวั่นๆ กระจกเหล่านี้ไม่ได้กันกระสุน ทะลุมาก็ตาย แต่ถึงกัน หากยิงเข้าที่จุดเดิม แล้วความแรงของกระสุนมีมากพอ ก็คงต้องเจ็บตัวไปแบบคุณบี
[---]“ฉันบอกเธอรึยังนภัส ว่าถ้าถูกอีกฝ่ายจับไปได้ต้องทำยังไง” ชญานิลพูดแทรกความเงียบเมื่อเวลาผ่านไปนานพอสมควร
[---]“พี่นิลไป.... ยังค่ะ” หล่อนไม่กล้าถาม แต่ก็เลือกรับคำว่ายังไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
[---]“ฉันไม่ได้ไปฆ่าฟันกับใครหรอก แค่เลือกไปในจังหวะเวลาที่เหมาะสม ตอนนี้ยังไม่ต้องกังวล” เธอรีบพูดก่อนที่แฟนของน้องชายจะช็อกตายเพราะความกลัวเริ่มเพิ่มทวีขึ้นเรื่อยๆ แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะต้องเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันอะไรบ้าง
[---]“แล้วถ้าคิดว่าไม่น่ารอด หรือจะโดนจับไป ก็ใช้สิ่งที่ฉันสอนเมื่อกี้....จ่อหัวแล้วลั่นไกซะ ถ้าเธอโดนจับไป คิดว่าคงตายทั้งเป็น”
[---]ชญานิลทำเสียงปกติ ไม่มีอาการล้อเล่นอันใด ตัวอย่างก็มีให้เห็นจากญาติห่างไกลซึ่งคุมเชิงอยู่ต่างประเทศ รายนั้นไม่สามารถพูดได้ตลอดชีวิตเพราะลิ้นโดนสอยไปอย่างน่ากลัว ซ้ำร้ายขาและแขนก็หายไปอย่างละข้าง เป็นเธอคงไม่อยากรอดกลับมาหรอก ไม่รู้จะอยากอยู่ต่อไปมั้ยในสภาพแบบนั้น
[---]แต่จะว่าไปแล้วถิ่นที่เธอคุมยังไม่ร้ายกาจเท่าพวกที่ห้ำหั่นกันอยู่อีกทวีปของโลก พวกนั้นไม่มีหรอกคำว่าขู่เฉยๆ แบบนี้ แล้วที่ทุกวันนี้ยังเป็นเพียงคำขู่เพราะไม่มีใครกล้าเริ่มเรื่องกันสักที และถ้าใครเริ่มก่อน นั่นก็หมายถึงการปะทะที่น่ากลัว มันจะต้องสูญเสียโดยใช่เหตุ ก็เลยเป็นที่มาของการลอบกัดทางอ้อมที่มีให้เห็นอยู่ร่ำไป ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งเธอหรือทางศัตรูเองก็ดี
[---]“....” เป็นไปตามคาด ยัยนภัสสรเงียบ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าหล่อนคิดอะไร
[---]“ฉันรอด เธอก็รอดแหละ....และฉันก็ต้องรอดด้วย วางปืนลงบ้าง เดี๋ยวก็ได้เปรี้ยงปร้างในรถหรอก” เธอหัวเราะเพราะนภัสรีบทำตามอย่างรวดเร็ว กลัวจริงอะไรจริงนะคะ
[---]คนอย่างนภัสสรคงโลกสวย หล่อนคงอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมดีดี ครอบครัวอบอุ่น มีเงินมีทองใช้ไม่ลำบาก เพราะบุคลิกที่แสดงออกมานั้น มันไม่ต่างจากที่เธอเดาหรอก
[---]หล่อนดูซื่อ และอาจเซ่อไม่ทันโลกไปบ้าง แต่ท่ามกลางความสมบูรณ์ของชีวิตที่หล่อนมีนั้น หล่อนดูจริงใจ และอาจถึงขั้นโกหกลำบาก ปั้นหน้าพูดความเท็จไม่เป็น
[---]ทุกอย่างหลอมรวมมาเป็นยัยนภัส มันดูสดใจ บริสุทธ์ นี่นับแค่บุคลิกและภายในจิตใจเท่านั้นนะ ถ้ารวมถึงภายนอกซึ่งนับว่าโชคดีที่ได้พันธุกรรมดูดีโดดเด่นแบบนี้เข้ามารวมกัน นภัสจะดูเป็นผู้หญิงที่น่าดึงดูดสำหรับชายทุกคนเลยก็ว่าได้ นั่นก็รวมน้องชานัทของเธอด้วย เขาตาดีเสียจริง และก็ไม่โง่พอจะปล่อยนภัสไปง่ายๆ อีกนั่นแหละ
[---]แล้วเธอจะพูดยังไงให้น้องชานัทยอมปล่อยมือจากผู้หญิงที่ดีขนาดนี้ไป ชานัทไม่ใช่คนตัดใจได้ง่ายๆ เสียด้วย ชญานิลเหลือบมองกระจกหลังเห็นหญิงสาวที่นั่งอย่างกลัวๆ กล้าๆ เธอก็พยามคิดถึงคำพูดต่างๆ นาๆ ที่จะสรรหามาใช้กับน้องเธอ เพราะดันรับปากไปแล้ว ไม่แน่ใจจะทำได้แค่ไหน ถ้ารายนั้นไม่ปล่อยมาจริงๆ เธอก็คงจะไม่ยอมตัดพี่ตัดน้องเพียงเพราะผู้หญิงที่ดีคนนี้หรอก เอาเป็นว่าเธอก็ขอโทษหล่อนในใจล่วงหน้าก็ละกัน หากชานัทไม่ยอมปล่อยหล่อนขึ้นมาจริงๆ
........................
[---]ผ่านมาอีกนานพอสมควร.... พวกนั้นเลือกทางไปฮันนีมูนกันได้รันทดขนาดนี้เชียวหรือ ยาวไกลจะไม่อยากจะขับตาม ถ้าตามกำหนดการของยัยดารินนั่นเป็นจริง ก็ต้องใช้เวลานานถึงนานมากกว่าจะไปถึงยังดินแดนน้ำผึ้งใต้แสงนีออนของคู่บ่าวสาว และไม่แน่ตามสองข้างทางอาจมีความเป็นไปได้ว่า.... ฮ่าๆ เธอหัวเราะในใจ
[---]ทางฟากเธอยังได้กำหนดการณ์ต่างๆ นั่นมาอย่างไม่ยากเย็นนัก แล้วอีกฟากที่ได้รับผลกระทบจากงานแต่งนี้ ก็คงได้การ์ดใบจริงมาด้วยอย่างแน่นอน
[---]เธอก็ไม่รู้ว่าเสี่ยใหญ่จะเริ่มเมื่อใด แล้วก็ไม่คิดจะถาม หรือร่วมมือกันเท่าไหร่ ที่ชญานิลทำก็เพียงแค่รอดูอยู่ห่างๆ อาศัยจังหวะเข้าไปซ้ำ ไม่ให้ศัตรูตัวฉกาจรอดพ้นไปจากการอาฆาตที่ยาวนาน
[---]ส่วนตอนนี้ชญานิลเลิกคิดเรื่องไร้สาระของน้องชายมาได้สักพักแล้ว ก็ยังดีที่ฆ่าเวลาสมองไปได้ระหว่างเดินทาง เพราะอีกไม่นานจะเป็นทางทอดยาวเข้าไปสู่บ้านพักตากอากาศบนภูเขา ซึ่งเจ้าของก็คงเป็นเจ้าบ่าวป้ายแดงที่พึ่งแต่งงานไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
[---]และหนึ่งในรถของพวกนั้น จะต้องมีคู่แต่งงานมือใหม่อยู่ด้วย แต่จะเป็นรถคันไหน ก็ต้องไปหาดูอีกที ก็ไม่น่ายาก คิดว่ารถคันที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวนั่งจะต้องมีจุดเด่นอะไรสักอย่าง
[---]เท่าที่สืบมา คงเป็นรถคันสีทองอร่าม ประดับประดาไปด้วย ความระยิบระยับของพลอยหลากสี หรือไม่ก็คันสีขาววาววับ เห็นแล้วก็น่าจะเป็นที่สังเกตได้ง่ายๆ
[---]เดี๋ยวก่อนนะ.... จะมีการสับเปลี่ยนคนในรถ ระหว่างทางรึป่าว ถ้าพวกนั้นรอบคอบพอ ก็ควรจะทำ แต่ถ้าความทะนงตนมีสูง คิดว่ากำลังฝ่ายตนมีมาก ก็ไม่น่าทำ และมันก็น่าจะเป็นอย่างหลัง ไม่งั้นคงไม่จัดงานแต่งถึงสามพิธี ใหญ่โตมากมาย เชิญชวนหาสมัครพรรคพวกใหม่มางาน เหอะ....หวังสร้างอิทธิพลชัดๆ
[---]แต่จะอย่างไงก็ตาม คาดการณ์ว่าสองคนนั้นจะต้องนำขบวนรถติดตามมาเยอะแน่ๆ แล้วจะเข้าถึงตัวพวกนั้นได้อย่างไรล่ะทีนี้ ก็คงต้องรอดูละกัน....
........................