หนี ตอนที่19



[---]นานสองนานมีแต่ความสงบเงียบ ในห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งด้วยบรรยากาศคละคลุ้งกับต้นไม้ปลอมๆ อย่างกับติดอยู่ในสวนทุ่งหญ้าหลากหลาย เพียงแต่มันเป็นของปลอม และก็ไม่ได้สร้างความสดชื่น



[---]เธอไม่ได้ตรงเข้าไปนั่งคุยกับหล่อน เช่นเดียวกับหล่อนที่ไม่สนใจหันมามอง จึงเกิดสงครามความเงียบขึ้น ใครจะเริ่มก่อนดีล่ะ เมื่อก่อนคนที่เอ่ยขึ้นคนแรกมักต้องแพ้พ่าย โดนหัวเราะใส่ มันเป็นเกมเล็กๆ ระหว่างพี่น้อง คนที่พูดคนแรกมักจะเป็นชานัท และคนสุดท้ายที่รอเวลาหลังจากผ่านไปเป็นชั่วโมงๆ นั่นก็คือคุณบี



[---]เธอไม่เคยจะชนะคุณบีได้เลย พี่สาวคนนี้นอกจากจะใจแข็งแล้ว หล่อนยังมีความอดทนเป็นเลิศ หลังสุดที่นั่งเล่นกัน กินเวลาล่วงเลยมาถึงวันรุ่งขึ้น มีเธอ คุณซี และคุณบี ส่วนชานัทก็เดินหายไปหยิบขนมมากินเล่น ชวนคนนั้นคนนี้คุยจะได้จบเกมเร็วๆ



[---]“พี่บี....” ไม่รู้จะเสียเวลาหลายนาทีทำไมถ้าสุดท้ายแล้วเธอต้องเป็นคนที่เริ่มก่อน สงครามจิทวิทยานี้ช่างร้ายกาจนัก



[---]“....” คนนั่งตรงข้ามหันมาตามเสียงเรียก ทว่ายังคงไว้ซึ่งความเงียบงัน



[---]อย่าหวังจะบังคับอะไรหล่อนได้ ไม่รู้ว่าคุณบีไปฝึกมาจากไหน อาการเงียบเฉยเมยแบบนั้น ถ้าหล่อนถูกจับไป ก็คงไม่ต้องกังวลว่าความลับบางอย่างจะเผยแพร่



[---]“ยัยนั่นความจำเสื่อม” เธอเปิดประเด็นไปตรงๆ อ้อมไปก็เท่านั้น คุณบีจะได้รู้ว่าสิ่งที่หล่อนทำ ไม่ทำให้ใครรู้สึกตัว



[---]“แล้ว” แล้ว.... นี่คงจะหมายถึงแล้วยังไงสินะ ไม่ว่าจะจำได้หรือไม่ได้ มันก็คือคนๆ เดียวกัน ในความคิดคุณบีใจดีด้วยให้เปล่าประโยชน์ไปทำไม



[---]“ที่ทรมานไป ก็ไม่มีประโยชน์อะไร” เธอพูด หวังว่าจะเข้าใจกันบ้าง รู้ว่าคุณบีเข้าใจ แต่ยังรับไม่ได้ข้อที่ว่าเธอจะให้นางอยู่สบายไปทำไม เสียเวลาเปล่าๆ



[---]“....” นิ่ง แต่รู้เลย ไม่พอใจ ซึ่งก็ทำให้เธอหงุดหงิด มันจะอะไรกันนักหนา ยัยนั่นเธอก็เป็นคนจับมา ก็เป็นสิทธ์ของเธอสิ ที่จะสั่งให้ใครทำอะไรหรือไม่ทำอะไรกับหล่อน อย่ามาก้าวก่ายหน่อยเลย



[---]“นั่นเหยื่อฉัน ฉันจัดการเอง” ชญานิลปล่อยรังสีความหงุดหงิด ความไม่พอใจออกมา



[---]เธอต้องการให้เป็นแบบนั้น มันก็ต้องเป็นแบบนั้น เธอรักและวางใจในตัวคุณบีเสมือนพี่สาวคนนึง แต่ไม่ได้หมายความว่าหล่อนจะสามารถใช้ความเป็นพี่สาวมาบงการเธอได้



[---]“ค่ะ” เป็นการรับปากแบบเสียไม่ได้ คงจะพอเห็นว่าเธอเริ่มโกรธขึ้นมาละ อย่าขัดใจจะดีกว่า



[---]“ฉันขอตัว” ชญานิลลุกออกจากเก้าอี้บุนวม



[---]ไปหาที่ผ่อนคลายอารมณ์บ้างจะดีกว่า อุตส่าห์สั่งชานัทให้รับงานไปแทนได้สำเร็จ นึกว่าจะได้มาพักผ่อนชิลๆ



[---]แต่กลับต้องมาเจออาการงัดข้อเล็กๆ ของคุณบี มันจะเป็นแบบนี้เสมอเวลาความคิดของเธอกับหล่อนสวนทางกัน



................................



[---] การพักผ่อนจะเป็นการพักผ่อนไม่ได้ หากขาดความสุข แล้วตอนนี้เธอก็กำลังคิดว่าจะหาความสุขได้ที่ไหน ห้องอ่านหนังสือรึก็น่าเบื่อเกินไป ไม่มีอารมณ์จะใส่แว่นตาแล้วเพ่งตัวอักษร



[---]ห้องดูหนัง หรือร้องเพลงก็ไม่สดชื่นสักเท่าไหร่ ยัยธนิตาอ้วกทิ้งเอาไว้ แม่บ้านยังไม่สามารถเอากลิ่นออกได้หมดสักที เธอเลยสั่งรื้อกระเบื้องเก่าทิ้งแล้วปูใหม่



[---]ชญานิลนั่งเอนตัวอยู่บนเตียง หยิบกระจกขึ้นมาส่องใบหน้าตัวเอง มองดูสิ่งต่างๆ รอบห้อง ไม่รู้จะไปห้องไหนของบ้าน และก็ไม่อยากจะเจอคุณบีตอนนี้



[---]เมื่อคิดได้ก็ลุกเดินออกจากเตียง บิดเอาความขี้เกียจออกเป็นเชิงว่าจะไม่นอนต่ออีกแล้ว เวลาล่วงเลยมาเที่ยงวัน ยากเต็มทนจะข่มตาให้ปิดต่อไปได้



[---]จะว่าไปที่นี่มันก็หนาวเหลือเกิน เธอสร้างบ้านได้เข้ากับบรรยากาศจริงๆ ออกจะสมทบบรรยากาศเข้าไปอีกด้วย ถ้าเดินไม่ใส่รองเท้าป่านนี้คงจะเท้าชาเพราะหินอ่อนแสนสวย



[---]“ขอนมสดกับไข่ดาว กาแฟแก้วเล็กๆ ด้วยนะ” บอกแม่บ้านริมทางเดิน แล้วมุ่งหน้าไปทางทิศตรงข้าม ผ่านประตูไปอีกสองบาน แล้วเปิดบานที่สามออก



[---]จะว่าไม่สนใจกับอีกคนที่อยู่ในห้องก็ใช่ เธอแค่ต้องการมาหลบมุมช่วงหนึ่งเท่านั้น ทานอาหารเช้ารวดกลางวันมื้อนี้เสร็จก็จะไป....



[---]ไปไหนดีนะ อ่อ เธอควรไปดูโรงเพาะชำ ถ้าจำไม่ผิดเธอสั่งปลูกดอกไม้ไปหลายชนิดเมื่อปลายปีที่แล้ว น่าจะออกดอกสวยงามให้ไปเดินดูได้บ้าง



[---]ชญานิลนั่งอยู่เงียบๆ มองออกไปนอกหน้าต่างเพลินๆ สดชื่นสบายกับวิวทิวทัศน์ ต้นหญ้าอ่อนๆ ต้นสนสูงพอประมาณ ถัดไปก็เป็นรั้วโปร่งทึบด้วยไม้ตัดแต่ง



[---]ส่วนข้างนอกนั้นหรือ เห็นต้นไม้สูงใหญ่ลางๆ ไม่มีควันไอเสียจากท้องถนนเลยสักนิด หรือเรื่องวุ่นวายให้ต้องได้เครียด



[---]แต่จะโทษเรื่องเครียดๆ พวกนั้นที่ทำให้เธอไม่สบายใจแล้วหนีมาใช้ความสบายที่นี่ไม่ได้ เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะเรื่องเครียดๆ พวกนั้น ทำให้เธอสร้างที่แห่งนี้ได้ยังไงล่ะ ธุรกิจปวดหัวพวกนั้นถ้าไม่มี เธอก็เหมือนไร้ค่า ไม่มีทางบันดาลทุกอย่างได้อย่างใจเช่นนี้



[---]“คุณไม่สบายใจ” เสียงใครบางคนถามขึ้น ลืมไปว่าหล่อนถูกล่ามติดกับเตียงอันใหม่ซึ่งเธอสั่งยกมาวางไม่กี่ชั่วโมงก่อน



[---]ที่จริงไม่ต้องถามก็ได้นะยะ แค่จะมาหลบสักพัก ห้องก็ออกจะกว้างขวาง มองๆ ไปที่อื่นก็ได้แล้ว และที่ต้องเลือกที่นี่ ก็เพราะคุณบีไม่มีทางเดินมาเร็วๆ นี้แน่



[---]“....” ก็ไม่สบายใจเพราะหล่อนมาถามนี่แหละ ฉันกำลังดูวิวเพลินๆ ดันมาขัดซะนี่



[---]“เพราะฉันรึเปล่า” หล่อนถามจากอีกฟากของมุมห้อง



[---]“ไม่ใช่เธอหรอก” ตอบไปซะหน่อย ไหนๆ ก็อุตส่าห์ถาม แต่ตอบแล้วก็เมินหน้าหนีเป็นเชิงว่าอย่ายุ่ง



[---]“เพราะฉันคุณเลยทะเลาะกับผู้หญิงคนเมื่อวาน” หล่อนก้มหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ เป็นอะไรที่ไม่อาจคาดเดา ตอนที่ปกติดียังพอเดาได้ว่าไม่มีทางที่หล่อนจะคิดบวก ยิ่งมานั่งคุยกับเธอแบบนี้คงไม่มีทางเป็นไปได้ใหญ่ แต่ตอนนี้นางไม่ปกติ หรือเพี้ยนชั่วคราว เธอเลยไม่อาจเดาทางได้แม่แต่น้อย



[---]“ใช่” เธอตอบไปแบบนั้น พร้อมกับลงมือจัดการอาหารที่แม่บ้านเอามาเสิร์ฟ เงยหน้ามองไปที่เตียงนั่นเป็นระยะๆ หล่อนต้องการจะสื่ออะไร หรือจำได้แล้ว



[---]“ถ้าฉันจำได้....คุณจะทำร้ายฉันมั้ย” อยู่ดีๆ ก็ถาม สงสัยจะกลัวเธอจับทรมานเหมือนคุณบีล่ะสิ



[---]หึหึ อยากตอบไปว่า แน่นอนย่ะ ดันตักไข่ดาวเข้าปากก่อน แต่รู้อะไรมั้ย หล่อนจะเจอยิ่งกว่าคุณบีซะอีก อย่าขอร้องซะให้ยาก เอาให้ความตายยังน้อยไปเลยคอยดู เธอค่อยๆ เคี้ยวไข่ดาวอย่างบรรจง หลีกเลี่ยงการตอบแล้วปล่อยให้ห้องไร้ซึ่งเสียงสนทนา



[---]“แล้วถ้าฉันไม่บอกคุณล่ะ” อ้อ คิดจะไม่บอกเมื่อจำความได้งั้นล่ะสิ เก่งถึงขนาดเล่นละครต่อได้เลยเหรอ



[---]ชญานิลดื่มน้ำ รวบช้อนส้อม ลุกขึ้นยืน แล้วตรงไปที่เตียง ผลก็คือคนปากดีผวาอย่างหวาดๆ เธอยืนกอดอกหรี่เปลือกตามองหล่อนด้วยแววตาพินิจพิจารณา คนถูกมองก้มหลบสายตา พึ่งจะรู้ตัวว่าไม่ควรพูดมากอย่างที่ทำอยู่



[---]“เงยหน้าขึ้นมา” ไม่ใช่ตวาด แต่พูดปกติธรรมดาทั่วไป



[---]ธนิตาค่อยๆ ยกใบหน้าขึ้นช้าๆ กลอกตามาหยุดที่หน้าเธอ มีอะไรซะอีกล่ะ ดวงตานั้นยังคงสั่นระเรื่อเจือความวิตกอยู่ตลอดเวลา มันไม่มีทางจะเป็นแบบนี้ถ้ายัยนี่จำอะไรได้



[---]เชื่อเหอะ ว่าท่าทางกับสีหน้าแววตาหล่อนจะเปลี่ยนไป จากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างเก่านั่นแหละ แล้วถ้าถึงเวลานั้นไม่ใช่แค่เธอจะสามารถรู้ได้ แต่เด็กอนุบาลที่ไหนก็เดาออก



[---]“ฉันจะรู้เมื่อนั้นแหละ” ชญานิลบอก แล้วพนักหน้าให้แม่บ้านมาปลดโซ่หล่อนออก



[---]“อย่าทำร้ายฉันเลย” รีบขอร้องพร้อมท่าทางเหมือนจะพนมมือกราบเธอ คงกลัวว่าเธอจะปล่อยแล้วเอาไปทรมานเหมือนคุณบี คิดแบบนั้นจริงรึนี่



[---]“อยู่นิ่งๆ” เธอสั่งพร้อมกับมัดโซ่เล็กๆ นั่นไว้ที่คอหล่อนแทน มันยาวพอจะเป็นสายจูงให้กับเธอได้เลยล่ะ ว่าแต่ทำไมเธอต้องมัดที่คอด้วยนะ มือก็ได้นี่นา ช่างเถอะ อย่างนี้ดีละ จะได้รู้สึกถึงความเป็นเหยื่อสักหน่อย



[---]“ตามมา” ออกคำสั่งคนที่ถูกจูงด้วยการกระตุกโซ่เล็กน้อย พร้อมกับเดินนำทาง



[---]“จะไปไหน” หล่อนเริ่มเบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้



[---]จะร้องตั้งแต่ถูกมัดแล้วล่ะ ทั้งยังทำท่ารนราน หวาดกลัวทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้เดินไปไหนเลย ท่าจะกลัวจนฝังจิต คุณบีร้ายกาจกับแม่นี่ไว้เยอะจริง



[---]“โอ๊ย เรื่องมากจริง” เธอยื่นโซ่ให้นางถือเอาไว้เองแล้วออกเดินนำเหมือนไม่ได้เป็นคนจูง แบบนี้คงไม่ฟูมฟายแล้วนะ วันนี้ไม่อยากฟังเสียงร้องไห้ด้วย รำคาญมาพอละ



[---]ชญานิลออกเดินมาเรื่อยๆ โดยมีคนตามซึ่งถูกมัดคอด้วยโซ่ที่หล่อนถือเอาไว้เอง แม่บ้านก็ตามอยู่ห่างๆ ห่างจากสายตาเธอพอประมาณ จะได้ทันท่วงทีถ้ายัยธนิตาวิ่งเข้ามาทำร้ายโดยไม่คาดคิด



[---]ไปคนเดียวก็น่าเบื่อ พกยัยนี่ไปด้วยเผื่อได้ใช้ทำนั่นทำนี่ สะใจเล็กๆ มีสุนัขรับใช้.... คิดว่านะ



[---]ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกใช้แม่บ้านหรือลูกน้องคนอื่นจะรวดเร็วกว่าให้หล่อนทำรึป่าว พาลอารมณ์เสียไปด้วย แล้วฉันจะพามาด้วยทำไมเนี่ย งงตัวเองจริงๆ



................................



[---]ช่างน่าแปลก.... กมลชนกแอบเห็นความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นที่คอนโดของเพื่อน ทุกครั้งที่มา จะมีแค่อรวีคนเดียว แล้วเธอก็มิได้ดูเป็นส่วนเกินเช่นวันนี้



[---]ทั้งๆ ที่ยังไม่มีใครเอ่ยปากไล่เธอกลับ แต่ก็ไม่มีใครคิดจะชวนเธอทำนู่นทำนี่ให้เหมือนว่ามีเธอสถิตอยู่ในห้องนี้ด้วย มันคืออะไรน่ะ ทำอาหารแล้วยื่นให้กันชิม วันก่อนยังเห็นทะเลาะกันจะเป็นจะตาย เง้อ แล้วแม่คนนี้เข้ามาจับจองพื้นที่ในห้องไปแล้วได้อย่างไร



[---]เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนงั้นรึ ที่เห็นก็หวานเลี่ยนเจียนจะขย้อน หรือเธอคิดไปเองเนี่ย แล้วตัวฉันมาอยู่ในห้องนี้ทำไม๊ อยากออกไปเหลือเกินแต่ตอนนี้ยังไม่สามารถ



[---]ถ้าไม่คิดว่าต้องหนีลูกน้องเบอร์หนึ่งของผู้ทรงอิทธิพลคนนั้น ฉันคงไม่ต้องมานั่งมองภาพสะกิดลูกตาที่นี่หรอก เพื่อนคนนี้ก็อีก ปากบอกว่าไม่มีอะไร แต่ใจก็แอบคิดนะยะ คู่หมั้นก็มีเป็นตัวเป็นตน ช่างน่าสงสารสุดหล่อแสนเพอร์เฟคนั่นเสียจริง



[---]เธอนอนเอนตัวลงโซฟาปิดตาแล้วนิ่งสงบ ข่าวของธนิตาก็ไม่คืบหน้าบ้างเลย รู้แต่เพียงว่าเกิดระเบิดรุนแรงแถวบริเวณนั้น



[---]จากนั้นทุกอย่างก็หายไปอย่างไร้ร่องลอย ทั้งคนทั้งรถ มันจะเป็นไปได้เหรอ เศษซากซักหน่อยก็ไม่มี



[---]จะว่าไป มันก็มีแหละ แต่ซากพวกนั้นบอกได้แค่ว่ามันระเบิด ไม่ได้สื่อสักนิดว่าธนิตาหายไปอยู่มุมใด หวังว่าคงไม่เป็นซากอย่างรถพวกนั้น



[---]แต่ทำไมนะ ถ้าเพื่อนเธอเป็นซากจริง ก็ควรจะหยุดหาได้แล้ว ทว่าเหมือนมีบางอย่างที่ทำให้ไม่อยากหยุด บางทีเธออาจไม่ยอมรับความจริงข้อนี้ก็ได้



[---]“ตัวเอง เอาไข่ทอดมั้ยจ๊ะ” เสียงสดใสของอรวีถามลอยมาจากห้องครัว



[---]“ไม่เอา อิ่มแล้ว” กมลชนกตอบเสียงธรรมดา ไม่ได้เจือความหมั่นไส้อะไร แต่ใจก็แอบคิด.... ไม่เอาหรอกย่ะ กินกันไปเองเถอะ ตามสบายนะยะ ฉันไม่ขัดจังหวะก็ได้



[---]ตี๊ดดดด.... แล้วก็ตามด้วยตัวเธอที่เด้งลุกขึ้นนั่ง ควานหาอะไรบางอย่างที่ส่งเสียงร้องนั่น เจ็บใจที่เปิดเสียงดังเกินไปจนไม่รู้ว่ามันก้องมาทางมุมไหน



[---]“นี่ค่ะคุณนก” เลขายัยอรยื่นมือถือเครื่องสำรองส่งให้เธอ เป็นไปได้ว่าลืมทิ้งไว้แถวครัว แหม่ๆ ก็จงใจจะรีบปลีกตัวมานอนเล่นคนเดียวนี่แหละ



[---]กมลชนกดูสายเรียกเข้าที่ไม่ได้รับ มันก็คุ้นๆ อยู่เหมือนเคยโทรออกไป และถ้าจำไม่ผิด เธอรีบกดโทรออกโดยทันที เฝ้ารอการตอบรับพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปยังห้องครัว



[---]“ว่าไง” สัญญาณโทรศัพท์ต่อติดแล้ว พอๆ กับที่เธอเปิดลำโพงให้ได้ยินกันทั้งห้อง



[---]“นก เรารู้ว่าตาอยู่ไหน” เสียงมาริสารัวบอกมาเหมือนรีบเร่ง



[---]พอจะเดาออกว่าหล่อนต้องตื่นเต้น ผสมกับตกใจ เพราะน้ำเสียงนั่น ฟังดูหวาดหวั่น มันต้องมีสิ่งที่มาริสากลัวอยู่แน่ๆ ซึ่งนั้นก็ไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่



[---]มาริสาผู้เงียบขรึม พึ่งจะเปิดปากพูดจากับคนได้ก็เพราะพวกเพื่อนๆ นี่แหละ แล้วถ้าหล่อนเกิดกลัวขึ้นแบบนี้ แสดงว่าเจออะไรไม่เป็นข่าวดีแน่ๆ มันคืออะไรล่ะ



[---]“ที่ไหน สา ที่ไหน” อรวีเร่งถาม



[---]“ปลอดภัย ปีศาจจับตัวไป....แต่ฉันจะได้ไปที่นั่นอีก....ฉันต้องวางก่อนนะ” แล้วสายก็เงียบไป เหมือนมาริสากำลังหลบใครบางคน เธอจงใจใช้รหัสลับที่มีแต่พวกเพื่อนๆ เท่านั้นที่รู้



[---]ธนิตามักจะเผลอเล่าถึงคู่แข่งและศัตรูตัวฉกาจบางคนอยู่เสมอ แต่มันก็มีมากมายเสียเหลือเกิน และเยอะจนเกินกว่าจะจำได้หมด ส่วนฉายาปีศาจนั่นก็คงเป็นมาริสาอีกแหละ หล่อนให้ชื่อพวกตระกูลนั้นว่าปีศาจ ก็อะไรน่ะเหรอ ถ้าไม่ใช่เรื่องเมื่อสิบกว่าปีก่อน....



................................



[---]วันนั้นเป็นวันของการเฉลิมฉลองอะไรสักอย่างที่บ้านธนิตา พวกเธอถูกเชิญอย่างลับๆ ให้ไปร่วมงาน ไม่เปิดเผยชื่อและตัวตนของเหล่าเพื่อนๆ ของธนิตา



[---]‘มาพร้อมกันแล้ว ไปกันเถอะ’ คุณหนูของบ้านเอ่ยแบบตื่นเต้น กับแผนการชวนหนีออกจากงานน่าเบื่อ น่าจะวางแผนการหนีมานาน แต่พึ่งเอามาบอกเพื่อนๆ



[---]‘ไปกันเลย’ เป็นเธอเองที่สนับสนุน แต่ก็ยังมีอีกเสียงซึ่งยังไม่แน่ใจว่าควรจะปลีกตัวออกมาจากงานเลี้ยงรึป่าว



[---]‘ฉันว่าไม่ดีมั้ง พวกเราควรอยู่ในงานนะ’ อรวีแย้งขึ้นมา



[---]‘งั้นโหวต สาว่ายังไง ไปมั้ย’ เธอหันไปถามเด็กหญิงตัวน้อยสุด ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจาซึ่งอยู่ในกลุ่มสนทนาด้วย



[---]‘....’ มาริสาพยักหน้า ยื่นมือมาจับชายเสื้อธนิตา เป็นเชิงว่าไปกันได้ ขอเกาะไว้นะ จะได้ไม่หลง



[---]‘ไปก็ได้’ อรวีผู้เคร่งเครียดกับกฎและกรอบระเบียบที่หล่อนมักตั้งขึ้นมาว่าอะไรถูกต้อง อะไรผิด ไม่ค่อยมีหรอกที่อรวีจะทำผิดพลาด ไม่ว่าจะจงใจหรือไม่จงใจ



[---]‘ทางนี้ๆ’ ธนิตาแอบจ้างวานคนขับอย่างลับๆ ให้พาพวกเธอกับเพื่อนๆ วนรถออกไปเที่ยวตามที่ต่างๆ แล้วกลับมาก่อนงานจะเลิก ยังไงคนในบ้านนั้นก็มักจะมุ่งความสนใจไปที่งานอยู่แล้ว จนลืมว่ายังมีเด็กๆ จอมซ่าอยู่อีกกลุ่มนึง



[---]เด็กน้อยทั้งสี่ ต่างด้วยที่มาและสถานะ วิ่งลัดเลาะไปยังรถตู้คันดำสนิทที่จอดอยู่หลังบ้าน เป็นทางออกซึ่งไม่ค่อยมีใครใช้สักเท่าไหร่ แกนนำอย่างธนิตาดูร่าเริงเป็นพิเศษ นานๆ หล่อนจะได้พบเพื่อนๆ และได้ทำเรื่องตื่นเต้นสักที



[---]‘ทางนี้ครับ’ คนขับรถคนหนึ่งของบ้านเผยมือให้ทั้งสี่ขึ้นรถ



[---]ภายในนั้นมีขนม ของขบเคี้ยว และน้ำอัดลมอยู่เต็มไปหมด น่าจะเป็นสิ่งธนิตาสั่งเอาไว้ เหมือนเป็นรถสวรรค์ของพวกเด็กๆ เธอร่วมวงกินเลี้ยงเล็กๆ กับเพื่อนระหว่างที่รถแล่นออกไปยังถนนข้างทาง มีมาริสานั่งมองไม่ยอมกินอะไร จะหัวเราะบ้างบางประโยคที่คนอื่นคิดว่ามันไม่น่าขำเลย



[---]แล้วเวลาก็ล่วงเลยไป กมลชนกไม่รู้สึกตัวอีกเลยนับตั้งแต่เธอดื่มน้ำอัดลมเข้าไปคำสุดท้าย ใจความทั้งหมดของการสนทนาค่อยๆ ดับวูบช้าๆ แว่วเสียงมาริสาเรียกชื่อเพื่อนๆ พร้อมกับเขย่าตัวเธอ



[---]ตุ๊บ! อะไรบางอย่างถูกเหวี่ยงกระเด็นลงที่พื้น สะเทือนจนต้องลืมตาตื่นขึ้น พบกับสภาพที่ไม่น่าคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ เธอถูกมัดมือไพล่หลังเช่นเดียวกับอรวี และธนิตา



[---]‘แงๆ ๆ’ มาริสาลุกขึ้นนั่ง หล่อนร้องไห้ฟูมฟายเพราะโดนผลักลงกับพื้นหลายต่อหลายครั้ง พวกคนใจร้ายนั้นตรงเข้ามาหมายจะเล่นงานธนิตา แต่มาริสาที่ยังตื่นอยู่คนเดียววิ่งเข้ามาขวาง คนเลวพวกนั้นเลยเห็นเป็นเรื่องสนุก ผลักเด็กน้อยลงกลับพื้นทุกครั้งที่หล่อนจงใจจะมาขวางเพื่อนคนใดคนหนึ่ง



[---]‘ฮ่าๆ’ เสียงผู้หญิงชั่วร้ายหัวเราะขึ้นมา เหมือนกับหล่อนจะคุยอะไรบางอย่างที่เธอพยามจับใจความ แต่อาการง่วงก็รุนแรงเหลือเกิน พอจะเดาได้เพียงว่าเรียกค่าไถ่ หรือเอาไปให้คนของอีกตระกูลหนึ่งดี



[---]ซึ่งพวกนั้นเลือกอย่างหลัง จึงต้องรอคอยอีกฝั่งมารับ และระหว่างนั้นก็ปล่อยมาริสาเป็นอิสระ จะได้ผลักเล่นสนุกๆ ฆ่าเวลาหล่อนวิ่งเข้าไปห้าม



[---]‘เป็นลูกเต้าเหล่าใคร เค้าซื้อมาเป็นเพื่อนยัยนี่เหรอ’ ผู้หญิงคนเดิมถามมาริสา เธอเห็นเพื่อนส่ายหน้าช้าๆ



[---]‘ทำไมไม่พูด’ ตามมาด้วยเสียงตบที่ดังลั่น มาริสาล้มลงไปกองกับพื้น กมลชนกดิ้นตัว แต่ขยับได้ไม่มากเช่นเดียวกับธนิตา หล่อนคงตื่นแล้ว และไม่สามารถตะโกนได้ด้วยผ้าที่อุดในปาก ส่วนอรวีรึ หลับสนิทไม่ตื่นง่ายๆ ถ้าจำไม่ผิด อรวีกินขนมไปเยอะกว่าเพื่อนๆ



[---]‘เฮ้ยๆ เด็กนี่อย่าไปทำมัน หน้าตาน่าเอ็นดูแบบนี้ เอาไปขายเดี๋ยวราคาตกหมด’ ชายหลังโต๊ะกินข้าวพูด เขาคือคนขับรถนั่นเอง



[---]นี่ก็คงจะเป็นแผนของเขาที่คิดจะจับธนิตามาตั้งแต่แรก แล้วพวกเธอก็เป็นแค่คนติดตาม หรือเป็นเพื่อนที่เขาคิดว่าถูกซื้อมาให้เล่นกับธนิตา



[---]‘ก็ได้ๆ’ ยัยชั่วนั้นพูดยักไหล่เดินออกห้องไป เธอได้ยินเสียงจานกระทบกัน บางทีหล่อนอาจออกไปหาอะไรกินตามไปด้วยชายคนขับรถ เขาออกไปคุยว่าอยากกินอะไรแล้วให้ผู้หญิงนั่นทำให้



[---]แต่พวกนั้นคงลืมไปว่ามีมาริสานอนกองอยู่กับพื้น หล่อนไม่ได้ถูกมัด และก็พยามลุกขึ้นยืนด้วยหัวเข่าที่บวมเขียว แล้วเพื่อนเธอก็ถอดใจ เปลี่ยนเป็นพยามคลานไปยังโต๊ะกินข้าว เธอไม่แน่ใจว่ามาริสาจะทำอะไร แปลกใจว่าทำไมไม่แกะมัดให้พวกเธอก่อน เผื่อจะได้ร้องขอความช่วยเหลือ



[---]ธนิตาลืมตาขึ้นเต็มสองตา กลอกมองเธอสลับกับมาริสา เธอก็ส่ายหน้าไม่รู้ว่าเพื่อนตัวน้อยจะทำอะไร จนหล่อนหยิบมือถือของคนขับรถได้นั่นแหละ กมลชนกถึงบางอ้อเลย



[---]เห็นมาริสาเงียบแบบนี้ใช่ว่าหล่อนไม่คิดอะไร แอบฉลาดไม่เบา ทั้งยังเบอร์โทรบ้านธนิตาอีก หล่อนกดมันโทรออก กมลชนกเองก็เถอะ ยังจำไม่ได้เลย



[---]‘ทะเบียนรถ.... ช่วยด้วย....ได้ค่ะ’ มาริสาบอกทะเบียนรถไปก่อน ตามมาด้วยคำว่าช่วยด้วย ส่วนประโยคถัดมาเธอก็พึ่งมารู้ทีหลังว่าปลายสายสั่งให้หล่อนเปิดเครื่อง และถ่วงเวลาเอาไว้หน่อย เพื่อจะได้หาพิกัดว่าพวกเธอถูกจับอยู่ตรงไหน



[---]หล่อนวางมือถือลง แล้วตรงมาแก้มัดเธอกับคนอื่นๆ กว่าจะแก้มัดได้ก็กินเวลาไปเยอะ เชือกมัดแน่นเกินกว่าเด็กจะคลายปม เพื่อนตัวน้อยเลยฝืนสังขารไปเอามีดที่โต๊ะมาตัดมันออก



[---]‘นังเด็กบ้า’ ทันทีที่คลายปมของอรวีซึ่งหลับอยู่ได้เป็นที่สำเร็จ ผู้หญิงนิสัยไม่ดีคนนั้นก็เดินเข้ามาพอดี หล่อนกระชากหัวมาริสาจนตัวปลิว คว้ามีดปอกผลไม้ตรงดิ่งหมายเข้าแทงให้ได้ขาดใจตาย แต่ธนิตากับเธอกัดหล่อนเข้าที่ขาซะก่อน จึงถูกเตะกระเด็นพร้อมกับผิวหนังยัยชั่วที่ถลอกออกจนเลือดไหลเยิ้ม



[---]นางยังคงไม่ละความพยามที่จะมุ่งหน้าไปทางมาริสา กมลชนกคว้าขาเอาไว้ได้จึงถูกเตะกระเด็นอีกครั้งพร้อมกับความจุกที่ทำให้ขยับไม่ได้ ซี่โครงเธอร้าว แต่สายตาละห้อยนั้นยังคงมองไปที่เพื่อนตัวน้อยซึ่งกึ่งนั่งกึ่งนอนแล้วร้องไห้อยู่กับที่ คงจะขยับไม่ได้แบบเธอ จบกันชีวิตของเด็กน้อยทั้งสี่



[---]‘อย่านะ ไม่งั้นฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่’ ธนิตาตรงรี่ไปยืนขวาง คนชั่วที่ยืนถือมีดชี้ไปที่หน้าหล่อน ธนิตาไม่มีแววตาความกลัวอยู่เลย ผิดกับคนชั่วนั่น หล่อนแอบหวั่นวิตกกับคำพูดเด็กน้อย



[---]‘แกยังจะปากดีอยู่ นังพวกนี้ไม่มีทางรอด แกก็ด้วยได้ตายทรมานแน่’ นางปัดธนิตาที่พยามยื้อยุด เอื้อมมือถือมีดพุ่งเข้าหามาริสา แล้วก็เป็นนางเองที่ล้มฟุบลง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก



[---]เร็วมากจนเธอมองไม่ทัน มีคนพังประตูเข้ามาพร้อมกับเล็งกระบอกปืนเก็บเสียงไปที่ผู้ร้าย เพียงเท่านี้พวกเธอก็รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด ทุกคนยกความดีความชอบให้มาริสา แต่เหมือนหล่อนจะถูกด่าว่าจากทางพ่อแม่ ที่พยามจะเอาใจพ่อของธนิตา เพื่อนทุกคนโดนดุหมด เธอก็ด้วย



[---]ตอนนั้นเป็นอะไรที่แอบเสียใจกันไปพักใหญ่ แต่พอผ่านไป ก็ไม่มีใครติดใจ รู้ดีว่าความผิดมันก็อยู่ที่ทุกคนนั่นแหละ ไปด้วยกัน ก็ต้องลงเรือลำเดียวกันอยู่แล้ว



[---]เอ่อ คนที่มารู้เรื่องเอาทีหลังคงเป็นอรวี หล่อนไม่เจ็บตรงไหนสักที่ ไม่มีแม้แต่แผลฟกช้ำ ถลอกสักนิดก็ไม่เจอ จนเรื่องราวจบนั่นแหละ เพื่อนอรก็ค่อยๆ ลืมตาลุกขึ้นท่ามกลางบรรยากาศวุ่นวาย หันมาถามเธอว่าทำไมต้องนอนให้หมอทำแผล และก็ทำไมมาริสาถึงตัวเขียวช้ำแบบนั้น....



................................



[---]เรื่องอาจจะยาวไปหน่อย แต่นั่นก็เป็นที่มาว่าทำไมมาริสาถึงเรียกพวกนั้นว่าเป็นปีศาจ และก็เรียกชื่อลับมาโดยตลอดเวลาเอ่ยถึง คนชั่วสองคนนั้นที่จับธนิตาไปเรียกค่าไถ่ แต่มาเปลี่ยนใจส่งหล่อนให้พวกปีศาจแทน



[---]“ทำไงดีนก” อรวีหน้าตากลุ้มใจ พวกเธอสองคนคงไม่มีปัญญาไปทวงเอาชีวิตเพื่อนคืนได้แน่ๆ



[---]“หรือเราจะบอกที่บ้านตา” อรวีเสนอ ทางบ้านนั้นต้องมีทาง และมีกำลังมากพอจะไปสู้รบปรบมือกัน



[---]“ยังก่อน สาว่าปลอดภัยดี แล้วเค้าก็คิดว่าที่ตายังปลอดภัยก็เพราะบ้านยัยตาไม่รู้ ถ้ารู้พวกนั้นก็ไม่อยู่นิ่ง แล้วเพื่อนเราอาจถูกฆ่าก็ได้” คิดทบทวนดูแล้ว บ้านธนิตาต้องหาทางทำอะไรสักอย่างแน่นอน



[---]แล้วถ้าอย่างที่คิดว่าจะทำมันต้องเอิกเกริกสร้างความเคลื่อนไหวให้ศัตรูได้รับรู้ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง พวกนั้นอาจฆ่าเพื่อนเธอปิดปากแล้วส่งชิ้นส่วนไปเตือน จะเป็นการง่ายกว่า



[---]“แต่ว่า....” อรวีถอนหายใจ



[---]“สาบอกว่าจะได้ไปอีก เค้าจะตามสาไปด้วย” เธอพูด



[---]“งั้นเค้าไปด้วย” เพื่อนอรรีบเสนอ



[---]“ไม่ต้องอร ถ้าเกิดสากับเค้าไม่กลับมา อรต้องเป็นคนบอกกับทางบ้านตา” เธอวางแผน



[---]แอบขัดกับใจอรวีแน่ๆ เห็นอย่างนี้อรวีก็ไม่ชอบนิ่งเฉยเหมือนกัน และก็กลับกันถ้าอรวีเป็นคนที่ไม่หลับแทนมาริสาในวัยเด็ก ก็ไม่แน่ว่าผู้หญิงชั่วคนนั้นจะล้มก่อนหรือเปล่า หล่อนอาจจะมีโอกาสจู่โจมจุดอ่อนคนชั่วได้มากกว่ามาริสา



[---]แต่ก็นั่นและน๊า มันต้องค่อยๆ คิด ค่อยๆ สืบ เอาเพื่อนอรไปอาจใจร้อนได้ อีกอย่างช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม



[---]เอ่อ เธอไม่เอาพร้าดีกว่า เอาชีวิตเธอและเพื่อนให้รอดก่อน พร้าไว้ทีหลัง ถ้าเห็นว่าไม่มีทางรอดแล้ว



[---]เมื่อคุยแผนได้คร่าวๆ เสร็จ เธอก็ขอตัวกลับไปบ้านเก็บของและ เตรียมตัวออกเดินทางได้ทุกเมื่อ ทันทีที่มาริสาโทรมาบอก....





................................