หนี ตอนที่17
[---]ชญานิลลืมตาขึ้นด้วยแสงอาทิตย์ที่สาดส่องช่วงสายของวัน นานมาแล้วสำหรับความรู้สึกแบบนี้ เธอไม่ได้ตื่นสายอย่างวันนี้เมื่อกี่ปีที่แล้วกันนะ
[---]แต่จะว่าตื่นสายก็พูดได้ไม่เต็มปาก ในเมื่อเธอแอบลืมตาขึ้นมาตอนเช้าตรู่ แล้วก็ปิดตานอนต่อ พยามข่มตาให้หลับ เพราะอยากรู้สึกว่าตัวเองตื่นสายอีกครั้ง
[---]‘ไม่นอนแล้วก็ได้’ เธอบ่นกับตัวเอง
[---]หลังจากพยามจะหลับต่ออีกสักหน่อย ทว่าร่างกายกลับตื่น ทำยังไง๊ยังไงมันก็หลับไม่ลง มีเรื่องกังวลรึก็เปล่า น่าจะเป็นระบบที่ถูกฝึกมาให้คงที่แล้วมากกว่า
[---]‘จะมากี่โมงกันแน่’ แม้ว่าเฝ้ารอรับประทานอาหารพร้อมเพรียงกับครอบครัวมาเป็นเวลาช่วงหนึ่งแล้ว แต่ไม่เห็นวี่แววของใครสักคนที่เข้ามาบ้าน หรืออาจจะเป็นเย็นนี้ก็ได้มั้ง บางทีเธอก็ไม่ควรจะรอ เพราะเสียงกระเพาะเรียกร้องแล้วด้วย
[---]“สลัดปลากับน้ำทับทิม” บอกกับแม่บ้านแล้วทิ้งตัวลงนั่งรอแถวซุ้มไม้ริมสระน้ำ
[---]สระน้ำแห่งนี้จะมีใครว่างได้มาว่ายเล่นบ้างมั้ยเนี่ย ชญานิลจุ่มเท้าลงไปแกว่งน้ำเล่น ก็อยากกระโดดลงไปลอยคออยู่หรอก หากไม่ติดว่าเธอขี้เกียจขึ้นมาอาบน้ำอีกรอบ
[---]“คุณหนูคะ....” ได้ยินเสียงแม่บ้านเรียกแว่วๆ สงสัยจะมากันแล้ว สลัดผักของเธอคงต้องเอาไปนั่งกินร่วมโต๊ะด้วยละ
[---]คุณชาญเป็นผู้ที่นั่งอยู่บนหัวโต๊ะ ถัดมาก็เธอ และชานัทที่ยิ้มแย้มอย่างไม่รู้ว่านภัสสรได้กลับไปแล้ว ตรงข้ามเป็นพ่อของคุณบี....เขาไปเปลี่ยนชื่อมาอีกแล้ว บางทีเธอน่าจะเรียกเขาว่าคุณเอฟเลย แต่เขาเป็นมือขวาของพ่อ เขาไม่ได้ช่วยคิดด้านบริหารมากนัก ก็ถนัดลงมือทำมากกว่า
[---]ฝีมือการยิงปืนของเขาช่างแม่นยำยิ่งกว่าอะไร เธอก็มีครูฝึกเป็นคุณเอฟนี่แหละ ลำดับที่นั่งต่อไปก็น่าจะเป็นของคุณบี แต่หล่อนอยู่อีกที่ ดังนั้นคุณซี น้องชายของหล่อนก็เลยมานั่งแทน
[---]เธอไม่ค่อยสนิทกับเขาสักเท่าไหร่ ยกเว้นชานัท สองคนนี่ต่างกันราวกับฟ้าและเหว แต่คุณซีก็ตามชานัทและช่วยเหลือกันมาตลอด คงไม่ต่างกันกับเธอและคุณบี ยังไงพวกเราก็เหมือนพี่น้องท้องเดียวกันล่ะนะ
[---]อาหารมากมายถูกยกมากองบนโต๊ะแกะสลักฝังพลอยแท้เม็ดยักษ์ ทุกคนเริ่มเล่าเรื่องที่ไปสะสางมาทีละคน บ้างก็ขอคำปรึกษา บางทีก็โดนคุณชาญดุ
[---]อย่างเธอที่ไม่ยอมรายงานทันทีที่กลับมาถึงบ้าน ไหนยังจะแอบไปเที่ยวบ้านหินผาอย่างสบายใจอีก อ่านะ เธอยังไม่ได้เล่าเรื่องยัยธนิตา ไม่รู้จะโดนดุอีกรึป่าว
[---]ถ้าให้เดา พวกนี้คงไม่ปล่อยหล่อนเอาไว้นานนัก เธอก็เช่นกัน ถ้าแม่นั่นไม่ดันความจำเสื่อม ป่านนี้หล่อนได้ตามไปหาเจ้าบ่าวที่อีกโลกนึงละ
[---]นี่เป็นแค่ครอบครัวเล็กๆ เท่านั้น ส่วนหนึ่งซึ่งสนิทกันมากที่สุดเท่าที่จะคุยกันได้ก็มีอยู่เท่านี้ บรรดาญาติที่เหลืออาจพึ่งพากันได้บางกรณีเท่านั้น
[---]แต่ส่วนใหญ่แล้วญาติพวกนั้นจะพึ่งบ้านใหญ่ซึ่งก็คือบ้านเธอเสียมากกว่า แล้วก็มักจะนัดรวมญาติสนิทมิตรสหายกันปีละครั้ง เป็นอะไรที่ชญานิลเบื่อมาก
[---]ไม่ใช่อะไรหรอก พวกนั้นอยากให้ชานัทขึ้นแทนต่อจากพ่อ ซึ่งมันก็ดีไม่น้อยที่เธอจะได้อยู่สบาย แต่ดันทำราวกับว่าเธอไม่สำคัญ ทั้งๆ ที่เธอเองแหละเป็นคนอยู่เบื้องหลังเกือบทุกอย่าง พ่อวางใจเธอมากกว่าชานัทเสียอีก
[---]แล้วชานัทอ่ะเหรอ ไม่สนอะไรเท่าไหร่หรอก รายนี้ขอแค่เวลาให้ได้ไปเจอกับนภัสสร เขาก็พอใจแล้ว ไม่มีสักนิดที่ชานัทจะอยากเป็นคนสำคัญของพวกนั้น ถ้าให้น้องชายเธอเลือก เขาคงอยากเป็นคนธรรมดา ไม่ต้องเหนื่อย อยากทำอะไรก็ได้ทำ อยากใช้ชีวิตยังไงก็ได้ ทุกอย่างที่เขาคิด ก็ไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่ แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ทำไม่ได้
[---]อีกอย่าง ชานัทเป็นคนที่ไว้ใจใครง่ายเอามากๆ เลือกคบคนที่เขาถูกใจก่อนเสมอ ไม่ว่าคนนั้นจะดูเลวร้ายแค่ไหน ทุกวันนี้ที่เขายังไม่ถูกคนพวกนั้นกลับคำด้วยก็เพราะเขาเป็นคนของบ้านใหญ่ หลายคนก็เกรงๆ ซ้ำเขายังเป็นหลานรักของปู่ ผู้ซึ่งอยากให้ชานัทรับบทเป็นหัวเรือต่อแทนคุณชาญ
[---]ผิดกับเธอ ไม่ว่าจะเก่งสักแค่ไหน ก็ไม่มีใครสนใจ จะมีใครรู้มั้ยเนี่ย ว่าชานัทบอกกลับเธอว่าเขาจะไม่ขอรับตำแหน่งบ้าบออะไรนี่ ไม่ว่าใครจะค้านยังไงก็ประท้วงหัวชนฝา
[---]‘พี่นิล ช่วยรับไปแทนด้วย ผมไม่อยากติดแหงกอยู่แบบนี้’ อยู่ดีๆ ชานัทก็พูดเรื่องนี้กับเธอ
[---]‘อะไรกัน พวกเค้าอยากให้นัทขึ้นแทน พี่จะทำอะไรได้’ เล่นมาโยนขี้ให้เธอซะงั้น ณ ตอนนั้นเธอยิ่งเป็นที่ครหา เพราะมีแนวคิดเปลี่ยนธุรกิจมืดเป็นสว่างเหมือนกับพ่อเธอ
[---]‘ถือว่าช่วยผมเถอะ เราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอ นะพี่นิล’ แม้ว่าจะเกิดก่อนเพียงเสี้ยวนาที แต่ดูเหมือนเธอจะมีความคิดที่ไปไวกว่าเขาอยู่มาก
[---]‘ไว้พี่จะไปคิดดูนะ’ เธอรับปากไปแบบนั้น แค่นี้ชานัทก็ดีใจแล้ว แต่จะทำได้มั้ยต้องดูอีกที ยิ่งถ้าเปลี่ยนวงการของครอบครัวที่มีมายาวนานได้สำเร็จ จะไม่มีใครทุกข์ยากเพราะครอบครัวเธอไปเบียดเบียน จะไม่มีใครทรมาน และผลพลอยได้อยู่ห่างๆ ก็คือไม่ต้องมีคนเป็นหัวเรือใหญ่ แต่แยกสายไปทางใครทางมัน
[---]จนปัจจุบันนี้มันเกือบจะเป็นดังที่คุณชาญและเธอวางรากฐานเอาไว้แล้ว อีกแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น
[---]มื้ออาหารผ่านไปง่ายดาย ทุกคนแยกย้ายไปตามที่ต่างๆ ในบ้าน ยกเว้นคุณชาญที่เย็นนี้มีไฟท์บินไปต่างประเทศ
[---]“จะไปหาใครเหรอ” ชญานิลถามน้องชายที่เดินไปยังห้องรับรองแขกพิเศษของบ้าน ทำไม๊จะไม่รู้ ก็ในเมื่อเธอส่งแขกของชานัทกลับไปกับมือเมื่อวานนี้เอง
[---]“นภัสไงพี่ เมื่อวานน่าจะมาถึงแล้ว” เขาหยิบมือถือขึ้นมาจะกดหา ชญานิลก็บอกขึ้นมาก่อน
[---]“พี่ให้นภัสกลับไปแล้ว” เธอพูด เหมือนเป็นประโยคที่ขัดใจชานัท เขาทำหน้าบ่งบอกความเซ็งอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่กล้าจะถามเธอว่าทำไม
[---]“คนเค้าไม่อยากมา นัทจะไปบังคับเค้าทำไม” ก็จริง นภัสสรไม่ได้อยากมาหาชานัทเลยสักนิด และหล่อนไม่ได้อยากโกหกด้วย บางทีที่หล่อนทำดีกับชานัทก็เพราะกลัวอิทธิพล เธอก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าพ้นสายตาเธอไปแล้ว ชานัทจะทำร้ายนภัสสรหรือป่าวถ้าหล่อนขัดใจ
[---]“พี่รู้ได้ยังไง” เขาไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน ใจชานัทยังคงฝักใฝ่แต่นางฟ้าคนนั้น แล้วหัวใจนางฟ้าเล่า มันไม่ได้ให้เขาหรอก สักวันเขาอาจต้องเจ็บปวดมากกว่านี้ถ้ายังไม่ยอมรับความจริงข้อนี้
[---]“ผมจะไปหานภัส” ยังดื้อรั้นไม่ฟังกันเลย
[---]“ไม่ได้ เพราะพี่มีงานให้นัทช่วย” อันที่จริงไม่ได้ให้ช่วยแต่สั่งเลยมากกว่า แค่ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมสักนิด ชานัทคงตามไม่ทันมารยาฉบับเร่งรัดนี้หรอก คริคริ
[---]“อะไรเหรอ เมื่อกี้ไม่เห็นพูด” บนโต๊ะทานข้าวเธอก็ใช้มารยาไม่ได้น่ะสิ คนอื่นคงตามทัน
[---]“พอดีคุณบีไปที่บ้านหินผา แล้วเกิดไม่สบายหน้ามืดนิดหน่อย พี่เลยกังวลอยากตามไปดู แต่ว่างานติดต่อนายทุน จะต้องเดินทางคืนนี้ ก็พวกคนเดิมๆ นั่นแหละ แค่ไปตกลงไม่กี่วันเอง นัทไปให้หน่อยสิ” เธอทำหน้ากังวลเหมือนว่าเป็นห่วงคุณบี
[---]“พี่บีเป็นยังไงบ้าง” เขาพาซื่อห่วงคุณบีตามไปด้วย
[---]“ก็ดีขึ้น แต่พี่ก็สั่งแล้วว่าไม่ต้องตามไป แล้วก็เดินทางไกลด้วย บอกก็ไม่เชื่อ คงหน้ามืดเป็นลมไปแน่ๆ ตอนไปถึง” เธอส่ายหน้าเหมือนว่าคุณบีตามเธอไปที่บ้านหินผา ก็นะ ไม่ได้โกหกสักหน่อย คุณบีตามไปจริงๆ
[---]“งั้นเดี๋ยวนัทไปให้ พี่นิลไปหาพี่บีเถอะ” ชานัทรับปากพลางตัดใจจากนภัสสรชั่วคราว แต่ยังไม่วายกดโทรศัพท์ไปคุยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เฮ้อ เป็นเอามากนะเนี่ย
................................
[---]คราวนี้เป็นชญานิลที่ได้นอนสบายบนเตียงอยู่เพียงลำพัง แต่แล้วก็มีบางอย่างวิบวับขึ้นมาให้ได้คิดไม่ตก หรือเธอจำต้องเปลี่ยนกำหนดการตัวเองสักเล็กน้อย แอบกังวลอยู่เหมือนกัน
[---]ไม่ใช่กังวลเรื่องคุณบีซึ่งยังไม่หายหรอก เพราะคุณบีนั้นหายดีแล้วต่างหาก ไม่งั้นคงไม่เดินทางออกไปไหนได้ตามใจชอบแบบนี้ แล้วยิ่งหล่อนหายดี ก็หมายความว่าอีกคนที่อยู่ที่บ้านหินผาเป็นอันโชคร้ายแน่ๆ ไม่ช้าก็เร็ว.... หรืออาจตายไปแล้วใครจะรู้
[---]เธอก็อดห่วงไม่ได้เสียด้วย เธออยากให้หล่อนรับรู้เรื่องราวความเป็นไปก่อนจะสิ้นลม ไม่ใช่ว่าปิดตาไปตลอดกาลพร้อมกับสภาพจิตใจใหม่ ไม่ทุกข์ร้อน ไม่สำนึก และไม่สาสมเลย
[---]“เตรียมรถให้ฉันด้วย....ไปบ้านหินผา” เธอบอกกับแม่บ้านคนใหม่ซึ่งเปลี่ยนเวรมาเฝ้าทางเดินไปห้องเธอพอดิบพอดี
................................
[---]เอี๊ยดดด ล้อรถเบรกเป็นเชิงหยุดรถได้ทันก่อนจะพุ่งเข้ากับที่จอดด้านหน้า สงสัยคนขับจะล้าไปหน่อย ก็ขับมานานนี่เนอะ เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่รีบลงรถโดยไว
[---]สวนทางกับคุณนิลตรงไหนก็ไม่รู้ รีบมาแทบแย่ นึกว่าจะได้เจอ จะบอกว่าเธอหายดีแล้ว พร้อมจะกลับมาช่วยงานที่หล่อนสั่ง แล้วก็ขนเสบียงอาหารใส่รถมาด้วย เผื่อชญานิลอยากพักผ่อนอยู่ที่บ้านหินผาสักวันสองวัน
[---]ส่วนที่วางสายไปเมื่อกี้ ชญานิลได้เอ่ยถึงใครอีกคน คนที่เธอยังไม่สามารถฆ่าให้ตายได้ แอบแปลกใจที่คุณหนูไม่บอกเธอก่อน เป็นไปได้ว่าไม่อยากให้เธอคิดอะไรมากตอนป่วย ว่าแต่จะเป็นใครอย่าเสียเวลาเลย เธอต้องเข้าไปดูให้เห็นกับตา
[---]คุณบีเคลื่อนขบวนคนติดตามพร้อมนำหน้าไปยังห้องๆ หนึ่ง ห้องซึ่งแม่บ้านรายงานว่าคุณชญานิลสั่งให้เฝ้า ดูท่าจะสะดวกสบายมากไปหน่อยกับคำว่าตัวประกันของชญานิล ให้อยู่ห้องกว้างขวาง ห้องน้ำสะดวกสบาย ห่างไกลมากกับคำว่าเหยื่อ
[---]หรืออาจเป็นที่ชญานิลต้องการให้กบดาน แต่จะเป็นใคร คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ช่วงนี้ทุกอย่างดูสงบสุขมากแล้ว จะมีใครต้องมาหลบซ่อนตัว คุณบียืนรอให้คนติดตามสองคนเปิดประตูออก....
[---]แล้วภาพที่เห็น....
[---]ภาพที่เห็นทำให้เธอกำมือแน่น หล่อนสบายมากเกินไปแล้ว เตียงนอนนุ่มกับผ้าปูอย่างดี ไหนจะแม่บ้านคอยเฝ้าอยู่มุมห้อง ทำไมชญานิลทำแบบนี้ คุณหนูใจดีกับคนๆ นี้มากไปรึป่าว
[---]เธอหงุดหงิดขึ้นมาทันใด ไม่รู้เพลิงโกรธพุ่งทะยานมาจากไหนมากมาย ตรงรี่เข้าไปกระชากผ้าห่มซึ่งหล่อนใช้คลุมตัวอยู่ออก เขกกะโหลกแรงๆ ไปหนึ่งทีเป็นการปลุกให้ตื่น
[---]“โอ๊ย” หล่อนร้องด้วยความตกใจ พอลืมตาขึ้นเห็นเธอกลับไม่ตกใจอย่างที่คิด แต่ถึงยังไงนางก็ไม่รู้จักเธออยู่แล้ว ก็เธออยู่เบื้องหลังนี่ คนที่หล่อนให้คนมายิงจนนอนเจ็บไปหลายวันไงล่ะ
[---]คุณหนูจับศัตรูอันดับหนึ่งได้ ทำไมไม่ปริปากบอกใครสักคน ทั้งยังให้อยู่ในที่สบาย แม้ว่าชญานิลจะใจดี ก็น่าจะมีข้อยกเว้นบ้างล่ะ โดยเฉพาะกับผู้หญิงคนนี้
[---]“ไปเอาเครื่องมือลับที่ห้องเก็บของมา” เธอสั่งกับลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง หันมาจ้องคนที่ขดไปอยู่อีกด้านของเตียง
[---]“สบายมากไปแล้วนะ ธนิตา” ยังดูสมบูรณ์แข็งแรงดี นึกว่าเป็นผีเผ้าปรโลกไปแล้ว เตรียมตัวซวยได้เลย ไม่ปล่อยให้มีความสุขหรอก แล้วก็ไม่ให้ตายอย่างที่คุณนิลสั่งด้วย ไม่รู้นิลคิดอะไรอยู่ แต่ขอเถอะ เห็นแล้วไม่ถูกใจเลย
[---]“จับมันมัด” เธอยืนกอดอกออกคำสั่งกับสองสามคนซึ่งตรงเข้ามาล็อคแขนขาคนที่อยู่บนเตียง
[---]“อย่า อย่าทำฉัน ไม่นะ....” ทั้งมือ ทั้งเท้าถูกตรึงไว้กับที่นอน ซึ่งแสนนุ่มสบาย ตอนนี้กลับกลายเป็นเตียงทรมานนักโทษไปเสียแล้ว คนนี้ๆ เป็นใคร เธอเคยมีเรื่องกับหล่อนเหรอ
[---]“ฉันไปทำอะไรให้เธอ ปล่อยฉัน....” ไม่ทันไรหน้าก็หันไปตามแรงเหวี่ยง ไม่มีความปราณีหลงเหลืออยู่แล้ว ธนิตาบิดหน้าหลบแต่ขยับไม่ได้จึงโดนเข้าไปเต็มๆ รอบที่สอง
[---]“โอ๊ย....” กำปั้นเล็กๆ ลอยมากระทบตัวธนิตา
[---]และนั่นจะเป็นเสียงที่คนโชคร้ายจะได้พูดครั้งสุดท้ายเพราะแรงกระแทกของมือนั้นกระทบเข้ากับท้องอย่างจัง ถ้าเป็นอิสระป่านนี้คงตัวขดงออย่างน่าสมเพช แต่ถูกมัดแบบนี้ก็คงจะทำได้แค่หลับตารอความเจ็บปวดครั้งต่อไป
[---]“รู้มั้ย ฉันไม่ได้ใจดีแบบนิลหรอก นิลอาจสงสารเธอบ้าง แต่ฉันไม่ ฉันอยากเห็นเธอทรมาน ตายได้ยิ่งดี” คุณบีกำหมัดต่อยไปยังหน้าขาหล่อน แล้วก็หัวเราะที่เห็นนางไม่สามารถดิ้นหนีได้
[---]“เจ็บเหรอ นี่คือเจ็บใช่มั้ย ดีเลย ยังมีอีก....” เธอเลือกของที่อยู่ในกล่องลังไม้ คีม แส้ ไม้หน้าสาม เหล็ก หรือจะเป็นมีดคมๆ อย่างไหนจะให้เสียงร้องที่ทรมานมากกว่ากันนะ เธอคิด
[---]“อย่าทำฉันเลย ฉันขอโทษ” รู้ว่ายังไงก็ไม่รอด แต่ทำไมคำว่าขอโทษต้องเอ่ยออกไปด้วย มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผู้หญิงคนนั้นหยิบเหล็กแท่งมัดกับเชือกขึ้นมากำลังคิดว่าจะทำยังไงต่อ
[---]“ไม่ต้องห่วง ไม่ตายหรอก” เธอวางเหล็กลงเปลี่ยนเป็นหยิบมีดขึ้นมาแทน ดูหน้าสวยๆ นั่นสิ ถ้าตัดจมูกหรือควักลูกตาออกจะเป็นยังไง แถมถอนฟันซี่หน้าด้วย....คงน่าดูใช่เล่น
[---]แล้วคุณบีก็ก้มลงค้นคีมเหล็กขึ้นมาด้วย ชญานิลสั่งไม่ให้หล่อนตาย ไม่ได้หมายความว่าเธอจะทรมานหล่อนเล่นไม่ได้สักหน่อย แค่ให้เกือบตายแล้วค่อยปล่อย ธนิตาเป็นเหมือนตัวแทนศัตรูฝั่งนั้น หล่อนเป็นแกนนำที่ถ้าใครได้ตัวไปเป็นต้องทำร้ายให้ปางตาย หรือตายไปเลย
[---]มันก็ไม่แปลกที่จะทำ แต่แปลกที่ให้อยู่สบายนี่แหละ คุณหนูนะคุณหนู ถ้าเจอตัวจะถามสักหน่อยว่าคิดอะไรอยู่....
[---]อ่อ อีกเรื่องที่แปลก ไม่มีใครเค้าเอ่ยคำขอโทษง่ายๆ กันหรอก เข้าตาจนมาอยู่ในมือศัตรูแบบนี้แล้ว ร้องขอความเมตตาไปก็เท่านั้น หรือหล่อนก็เพี้ยนไปด้วยแล้วอีกคน ที่ควรจะทำคือปิดความลับให้แน่น และพูดให้น้อย ไม่อย่างนั้นพรรคพวกของหล่อนเองจะซวย
[---]“อยากให้ฉันเอาหูหรือตาออกก่อนล่ะ” คุณบีมองแล้วถามสบายๆ เหมือนว่าเป็นเรื่องง่ายๆ เธอก็ไม่ค่อยจะทำแบบนี้สักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่แค่จับมัด เหยื่อก็พูดทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องถึงขั้นลงมือ จากนั้นก็ปล่อยเป็นอิสระ แล้วให้พรรคพวกเดียวกันตามเก็บคนที่ดันปูดเรื่องขึ้น
[---]“ไม่นะ อย่าทำแบบนี้” น้ำตาอาบแก้มไปทั่ว เลือดกำเดาเปรอะเปื้อนโดยที่ไม่เหลือมือว่างไว้ใช้เช็ด
[---]คุณบีค่อยๆ ไล้มีดด้ามเล็กๆ ไปที่ส่วนต่างๆ บนใบหน้า เธอยังไม่กรีดซะทีเดียวหรอก ให้หล่อนได้หวาดกลัวก่อน ดูดวงตาใสๆ หวาดผวากับใบหน้าซีดเผือดนั่น สะใจจริงๆ
................................
[---]ความเย็นของสันมีดกระทบผิว จนธนิตาต้องบิดหน้าหนีทุกครั้งไป ทำไมกัน ฆ่าเลยไม่ง่ายกว่ารึ.... เสียงร้องไห้ดิ้นรนดังกึกก้องไปทั่วทั้งสี่ห้องหัวใจ แต่มันหลุดรอดมาเพียงอาการสะอื้นเท่านั้น ธนิตาหลับตานิ่ง รอคอยว่าผู้หญิงคนนั้นจะเลือกกรีดส่วนไหนก่อน
[---]“เอ่อ คุณบีคะ” แล้วเสียงเรียกของใครสักคนก็เข้ามาช่วยเธอได้ทัน ใบมีดผละออกจากหน้าเธอไป หล่อนทำเสียงจิ๊ในลำคอเหมือนถูกขัดจังหวะ
[---]“มีอะไรรึเปล่า” อย่างน้อยก็ยืดเวลาความโหดร้ายไปได้บ้าง ขอให้มีเรื่องสำคัญพอเถอะ ถ้าผู้หญิงคนนี้ยังอยู่ เธอต้องไม่ได้ตายดีแน่
[---]“คุณหนูสั่งให้ดูแลให้หายดี” แม่บ้านพูดกระอ้อมกระแอ้ม เหมือนกลัวคุณบี หล่อนชื่อคุณบีสินะ เป็นคนที่โหดร้ายกับเธออย่างไม่ปราณี ต้องมีเรื่องบางอย่าง บางอย่างที่ยังไม่รู้
[---]“แล้วฉันจะเล่นสนุกหน่อยไม่ได้รึไง” คุณบีหันกลับไปถาม
[---]“คุณหมอบอกมาว่าอาการยังไม่หายดีเท่าที่ควร ถ้าคุณบีจะ....” แม่บ้านพยามจะอธิบายแต่ก็เงียบลง ด้วยรังสีความเหี้ยมโหดของหล่อน ไม่ใช่แค่เธอที่กลัว แม่บ้านก็คงจะกลัวด้วย
[---]“เข้าใจแล้ว” หล่อนตัดบทแม่บ้านพร้อมกับโยนมีดและคีมลงลังดังโครม ธนิตาแอบผวา เธอรอดแล้ว....เย่
[---]“งั้นฉันจะไม่ให้ช้ำมากก็แล้วกัน” หล่อนหยิบเหล็กที่ร้อยด้วยเชือกขึ้นมา บอกแม่บ้านให้เอาที่เหลือไปเก็บ
[---]ธนิตาอยากจะคิดว่านั่นเป็นทางเลือกที่ดี อย่างน้อยก็ดีมากกว่าตัดหูกับคว้านตาเธอออกแล้วล่ะ....กรี๊ดดดดดดดด
[---]“แบบนั้นแหละ อย่าสลบไปก่อนแล้วกัน” คุณบีออกแรงบีบเหล็กที่คั่นอยู่ระหว่างนิ้วมือเธอ หล่อนจงใจหยุดก่อนเธอจะหมดสติ ซ้ำแล้วซ้ำอีกกับความปวดร้าว เธอแทบจะจำไม่ได้แล้วว่าเธอเคยมีนิ้วมืออยู่ด้วย อาการชากับปวดหนึบสร้างบาดแผลไม่ยิ่งใหญ่ แต่ร้ายกาจนัก
[---]“....” ไม่ไหวแล้ว ตัดมือเธอได้เลย ไม่เอาอีกแล้ว.... ธนิตาสั่นสะท้านอย่างรวดร้าว เธอกำลังจะหมดสติในไม่ช้า
[---]“เอ้า ตื่นสิตื่น” หล่อนกระชากผมแรงๆ เรียกให้ลืมตา แต่อะไรก็ช่าง ให้เธอตายเลยก็ได้....
[---]ธนิตาหลับตาลงอย่างเชื่องช้า แขนกับขาเธอไม่มีแรงเหลืออีกแล้ว แม้แต่จะขยับ มือเธอไร้ซึ่งความรู้สึก เพียงรอยแดงๆ เป็นจ้ำตามข้อนิ้ว เพียงแค่นั้นก็แทบจะฆ่าเธอได้ทั้งเป็น....
[---]ที่แห่งนี้ร้ายกาจกับเธอยิ่งนัก คนพวกนี้ก็ด้วย เขาเป็นอะไรถึงได้เคียดแค้นเธอนักหนา เธอไปทำอะไรร้ายแรงให้พวกเค้าเหรอ ทำไมเรื่องแค่นี้จะให้อภัยกันไม่ได้หรืออย่างไร
[---]เป็นความตายก็ได้ เธอพร้อมอ้าแขนรับมันทุกเมื่อ เพียงแค่พวกนี้เสนอมาเท่านั้น ธนิตาก็ไม่รีรอจะกระโดดรับ ไขว่คว้ามาอย่างรอคอย เพราะมันไม่เจ็บปวดเท่ากับตายทั้งเป็น ไม่มีอะไรทำร้ายกันได้มากกว่านี้อีกแล้ว
[---]คนที่โหดร้ายกับเพื่อนมนุษย์ได้ขนาดนี้ ไม่เสียสติไปแล้ว ก็น่าจะชิงชังจนไม่ลืมหูลืมตา เธอพร่ำขอโทษเท่าไหร่ มันก็ไม่มีผลต่อจิตใจคนเหล่านี้เลยสักนิด ทำไมล่ะ ทำไมถึงเป็นแบบนั้น....
[---]หรือฉันควรต้องหนี หนีออกจากที่นี่ให้ได้ ทางไหนล่ะ คนเฝ้าล้อมรอบขนาดนั้น จะเอาปัญญากับเรี่ยวแรงที่ไหนวิ่งผ่านความโหดร้ายนี้ไปได้ มีบ้างสักทางมั้ย....
................................