หนี ตอนที่15



[---]ปึ๊ก! บางสิ่งบางอย่างกระทบเข้าอย่างแรงตรงไหล่ด้านขวา แต่มันไม่รู้สึกอะไรนอกจากแรงสะเทือนไปทั่วตัว ดวงตาอ่อนล้าค่อยๆ เปิดขึ้น เพ่งมองแสงสว่างจากหลอดไฟนีออน ลมหายใจกระตุกขึ้นเหมือนกับร่างกายนี้ขาดอากาศมานาน



[---]ธนิตาลืมตาขึ้นช้าๆ กลอกลูกตามองไปยังขาของใครสักคน เธอไม่มีแรงต่อกรอีกต่อไปแล้ว แม้กระทั่งขยับตัวยังเจ็บไปหมด น่าเศร้ากับตัวเองเหลือเกิน เสียงหัวเราะระรัวก้องอยู่เต็มสองรูหู ไม่ดีเลยที่ประสาทสัมผัสเธอยังรับรู้ มันหมายความว่าเธอยังต้องทนรับสภาพนี้ต่อไปอีก



[---]“ลุกขึ้นมา” จากการหัวเราะเปลี่ยนเป็นคำสั่งที่ไม่อาจจะทำตามได้



[---]หวาดกลัวเหรอ เธอบอกไม่ได้ ที่จริงควรต้องกลัวจนรนรานมากกว่านี้ แต่ทำไมบางส่วนในหัวใจกลับไม่เป็นอย่างนั้น เธอไม่ได้รู้สึกด้อยไปกว่ายัยคนที่รังแกเธอนี่เลย



[---]อาจเป็นความเข้มแข็งล่ะมั้ง เธอพร้อมตายได้ทุกเมื่อ ความเจ็บปวดทั้งหมดเดี๋ยวมันก็ผ่านไป อยากทำอะไรก็เชิญ เธอไม่คิดจะปริปากขอร้องอะไรให้มากมาย



[---]ไหนยังจะเรื่องที่ผู้หญิงใจร้ายนี่ถาม มันคืออะไรกัน จะไปรู้ได้ยังไง วันคืนที่ผ่านเลยมันเหมือนถูกเอาออกไปจากสมอง มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอแน่ๆ



[---]“บอกให้ลุกไงเล่า” หล่อนตรงเข้ากระชากคอเสื้อแสนบางที่เหมือนจงใจใส่ไว้ให้ได้รับความหนาวเย็นของอากาศ



[---]“แ ค่ ก....ๆ” ใครมันจะไปลุกไหว เธอกำลังจะตายในไม่ช้าแล้ว เขย่าให้ลุกก็ไม่มีประโยชน์หรอก ธนิตาปิดเปลือกตาหนักอึ้งลง



[---]สักพักก็เหมือนได้ยินใครสักคนเดินมากระซิบที่ข้างหูหล่อน พลันมือที่กระชากอยู่ก็ปล่อยออก



[---]“น้ำสินะ อยากได้มั้ย” ผู้หญิงใจร้ายหยิบแก้วซึ่งหนึ่งในคนที่เดินเข้ามายื่นให้



[---]น้ำเหรอ เธออยากดื่มเหลือเกิน แต่จะได้อย่างที่ใจหวังรึป่าวนี่สิ ลมหายใจกับลำคอที่แห้งจนทนแทบไม่ไหว ฟ้องให้สายตาเพ่งไปที่แก้วน้ำในมือผู้หญิงคนนั้น มันมีค่ามหาศาลหากได้ดื่มสักอึก บางทีอาจช่วยให้ความตายนี้ไม่ทรมานมากนัก



[---]“ขะ ขอ นะน้ำ ให้ฉันเถอะ” ใช้แรงที่แทบจะไม่เหลือยื่นมือสั่นเทาไปรอรับแก้วน้ำ



[---]“กินสิ” นางมารพูดพร้อมกับกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายที่สุด



[---]หล่อนเทน้ำลงกับพื้นช้าๆ สายน้ำไหลลงทุกวินาทีเป็นภาพที่บาดใจเธออย่างร้ายแรง ธนิตากระเถิบตัวหมายจะอ้าปากรับน้ำสักหยดจากแก้วนั่น ทว่าคนถือแก้วกับคว่ำมันลงในทันที เธอเอื้อมตัวไปรับน้ำไม่ทัน....



[---]“นี่ไงน้ำ ดื่มซะ” หล่อนตรงเข้ามาจับหัวเธอกดลงกับพื้นซึ่งน้ำในแก้วได้ไหลเจิ่งนอง ใบหน้าบดบี้เข้ากับพื้นหินอ่อน เธอแทบไม่รู้สึกว่าได้ดื่มน้ำเพราะแรงกดนั่นจงใจจะให้หน้าเธอจ่ออยู่กับพื้นมากกว่า



[---]สำลักไม่ได้ช่วยอะไรให้ผู้หญิงคนนั้นหยุดการกระทำป่าเถื่อน หล่อนไม่มีอารยธรรมความเป็นคนดีอย่างที่เธอคิดเลยสักนิด หัวใจอีกดวงที่เต้นอยู่ข้างๆ เธอนั้น คงจะเป็นสีดำมืดมิด ความชั่วร้ายเหล่านี้ ขอให้มันได้ตกตามแก่ผู้ที่กระทำด้วยเถอะ ธนิตาสาปแช่งอยู่ในใจ



[---]“แล้วนี่อ้วกใส่พื้นบ้านฉันเหรอ” ไม่เพียงเท่านั้น เธอโดนผลักไสให้ลากไปกับพื้นซึ่งเปื้อนไปด้วยซากอาเจียน



[---]ไม่ไหวแล้ว เมื่อไหร่จะตายไปเสียที ธนิตาหลับตาตามลมหายใจซึ่งอ่อนลงทุกขณะ เธอไม่รับรู้ถึงอะไรอีกนอกจากแรงถีบซึ่งตกกระทบลงมาเรื่อยๆ อีกนิดเดียวเท่านั้นอีกนิดเดียว แค่เพียงนิดเดียวจริงๆ กระทืบเธอให้แรงอีกหน่อยสิ



[---]โครม! น้ำในถังถูกสาดเรียกสติเธอขึ้นมาอีก มันสร้างความหนาวเหน็บให้เกิดกับร่างกายอ่อนล้านี้เหลือเกิน ธนิตาตัวสั่นท่ามกลางความบ้าคลั่งของผู้หญิงคนนั้น



[---]“ตามหมอมาดู แล้วเอาขึ้นไปไว้ข้างบน....อ่อ จับอาบน้ำด้วย เปื้อนไปหมดแล้ว” ทันได้ยินคนใจร้ายสั่งกับหญิงสูงวัยในชุดแม่บ้านเก่าๆ จากนั้นร่างเธอก็ถูกเคลื่อนย้าย พลันสติที่แทบไม่เหลือก็ดับวูบลงอีกครั้ง



................................



[---]มันจะเป็นไปได้เหรอ เรื่องราวมันชักจะเหลือเชื่อเกินไปแล้ว นี่มันไม่ใช่นิยายนะ เธอส่ายหัวช้าๆ กำลังสับสนอยู่กับสมอง ครึ่งหนึ่งก็เชื่อ แต่อีกครึ่งไม่เลย



[---]“แน่เหรอ” ถามย้ำอีกครั้ง



[---]“ครับคุณหนู มีความเป็นไปได้มากที่ผลข้างเคียงจากอุบัติเหตุครั้งนั้นจะทำให้ความจำบางส่วนถูกลบเลือน” หมอประจำบ้านคาดการณ์ว่าเหยื่อที่จับมาสมองเสื่อม เอ้ยไม่ใช่ ความจำถูกลบไปบ้าง มิน่ายัยนั่นจำเธอไม่ได้ แม้กระทั่งตัวหล่อนเองก็เถอะ



[---]“แล้วจะจำได้เมื่อไหร่” ยังไงก็น่าจะต้องจำอะไรได้บ้างล่ะน่า อาจต้องใช้เวลาสักนิด



[---]“ยังยืนยันไม่ได้ว่าความทรงจำจะคืนมาเมื่อไหร่ แต่โอกาสมีน้อยที่จะสามารถจำได้ครับ จากเคสที่เคยพบ บางรายก็เป็นสิบปี บางรายก็จำไม่ได้ตลอดชีวิตเลยก็มี หล่อนรอดจากอาการเจ็บป่วยมาได้ก็เหนือความคาดหมายมากแล้ว” หมอพยามนึกถึงอุบัติเหตุร้ายแรงที่ตนเคยรักษามาก่อน



[---]“งั้นเหรอ” ชญานิลทำหน้าครุ่นคิดอย่างสงบเงียบ แต่ภายในจิตใจกลับไม่เป็นเช่นนั้น



[---]แอร๊ยยย.... อะไรกันยะ นี่จับมาเป็นตัวประกัน กะคั้นเอาความลับ กลับต้องมารับภาระเฝ้ายัยคนสมองเสื่อม ถ้าหล่อนจำอะไรไม่ได้ตลอดชีวิต ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว



[---]ถามไปก็ไม่รู้ ชื่อตัวเองยังจำไม่ได้ บ้าไปกันใหญ่แล้ว ทำไมรถไม่ระเบิดตูมเดียวให้นางตายไปซะ จะได้ไม่ต้องเก็บมาเป็นภาระ หรือถ้าเธอไม่ใจอ่อนเพราะคำขอร้องของนภัสสร บางทีตอนนี้เธออาจได้นั่งแช่ตัวอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ สะดวกสบาย อยากไปไหนก็ง่าย



[---]“ดีขึ้นมั้ยหมอ” เธอถาม แอบสะกดอาการโอดครวญอยู่ชั่วครู่ หมอแว่นหนาคนนี้ช่างมือหนักเหลือเกิน แผลที่หัวเธอจะหายมั้ยคะ เปิดดูก็ค่อยๆ หน่อยสิ เดี๋ยวก็ได้สั่งเก็บหมอไปอีกคนเลยนี่ ฮึ้ยๆ



[---]“ไม่นานก็ตัดไหมได้แล้วครับ” พูดพลางเอาสำลีชุบน้ำยาอะไรไม่รู้มาเช็ดส่งๆ เหมือนทำบาดแผลมาจนชาชิน งั้นก็จงรีบๆ เข้าเลย เธอกัดฟันทนต่อ จนเมื่อปิดผ้าเรียบร้อยเท่านั้นแหละ ชญานิลถึงกับถอนหายใจออกมา



[---]“คุณหนูครับ” ทำแผลเสร็จแล้วก็ออกไปสิ จะมาเรียกเธอทำไม คนกำลังคิดอะไรเพลินๆ



[---]“ว่าไง” เธอเหลือบไปมอง



[---]“ถ้าคุณหนูอยากเก็บหล่อนไว้อยู่ ก็เบาๆ มือด้วย เพราะอาการช้ำในที่ยังไม่หายดี บางทีอาจทำให้ถึงตายได้” หมอรีบอธิบายเร่งรีบเพราะเห็นสีหน้าเบื่อหน่ายของเธอ



[---]“เข้าใจละ” เธอเอ่ยเบาๆ



................................



[---]ชญานิลนั่งนึกอะไรบางอย่างไปเรื่อยๆ เธอควรจะรอให้หล่อนจำอะไรได้ดีมั้ย อาจต้องใช้เวลาเป็นสิบปี ไม่แน่ก็ทั้งชีวิตก็ยังจำไม่ได้ หรือว่าจะให้ตายอย่างทรมานแบบสุดๆ แต่มันจะไปสนุกอะไรถ้ายัยนี่จำอะไรไม่ได้



[---]ก็ไม่ต่างกับคนเกิดใหม่ ไม่มีประวัติเลวร้ายติดตัวมา นางจะไม่รู้สึกว่าตัวเองผิดเลยสักนิด ไม่สำนึกแม้เพียงวินาที ถ้ามันเป็นอย่างนั้นเธอก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปทุบตีคาดคั้นเอาอะไร อีกทั้งมืออันบอบบางของเธอยังต้องมาทนเจ็บอีก



[---]ว่าแล้วก็ก้มลงดูมือทั้งสองข้าง นอกจากหัวที่ปวดตุบๆ ตามนิ้วมือเธอยังบวมแดงตัดกับผิวสว่างใส ตอนแรกว่าจะขอหมอดูให้ แต่ไปๆ มาๆ เดี๋ยวหาว่าสำออยอีก แค่นี้ทนได้



[---]ว่าแต่เรื่องยัยธนิตาเถอะ สิบปีล้างแค้นก็ไม่สาย.... รึป่าว เดี๋ยวนี้ใครมันจะรอนานถึงขนาดนั้น เธอไม่ได้ใจเย็นรออะไรนานๆ ได้สักหน่อย บางทีเธอน่าจะขอยาพิษหมอแล้วเอาไปฉีดคนที่หมดสติอยู่ตอนนี้



[---]เฮ้อ ว่าแล้วก็ลุกเดินไปยังห้องของคนหลับ อาการหล่อนดูแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด เสียงหายใจติดๆ ขัดๆ ราวกับจะหยุดลง ใบหน้าไม่ต้องพูดถึง รอบบริเวณดวงตากับข้างแก้มฟกช้ำเป็นจ้ำๆ



[---]เธอจ้องมองลงไปใกล้ พยามจะลืมว่าแม่นี่ร้ายกาจขนาดไหน พยามจะคิดให้ได้ว่าหล่อนเป็นคนใหม่ที่จำอะไรไม่ได้ แต่มันช่างทำได้ยากเหลือเกิน



[---]พลันร่างที่นอนอยู่ก็กระตุกขึ้นมาหนึ่งครั้ง ชญานิลผงะถอยหลัง กลัวว่ายัยนี่อาจมีแรงฮึดเฮือกสุดท้าย ลุกขึ้นมาบีบคอเธอตายไปก่อน ยิ่งตอนนี้ไม่มีใครเดินตามเธอมาสักคน กลัวเหมือนกันนะยะ ประวัติหล่อนใช่เล่นซะที่ไหน



[---]“อยากอยู่ต่อ หรืออยากตายล่ะ” เธอกระซิบถามเบาๆ กับร่างซึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ แต่ก็ไม่นึกว่าเปลือกตาปรือนั้นจะเผยอขึ้นมาสบกับดวงตาของเธอพอดิบพอดี



[---]แววตานั้นใส่แจ๋วผิดกับร่างกายที่โทรมทรุด น้ำตาค่อยๆ เอ่อท่วมขึ้นมาทีละน้อย หล่อนกลอกตาตามเธอทุกท่วงท่าที่ขยับเดิน ริมฝีปากเหมือนขยับพูด มือไร้เรี่ยวแรงคว้าข้อมือของเธอเอาไว้



[---]แรกเริ่มชญานิลว่าจะสะบัดออก แล้วตบเสยไปสักสองที กระทืบซ้ำที่บังอาจมาแตะตัว แต่เมื่อเห็นว่าแม่นี่ก็ใกล้ตายอย่างที่หมอบอกก็เลยไม่ทำก็ได้ว้า



[---]“ฉะ ฉัน....” ปากแห้งของหล่อนเปรยออกมาได้เพียงนิดเหมือนกำลังฝืนจะพูด



[---]เธอมองดูด้วยความสังเวชใจเล็กๆ แล้วก็เกิดใจอ่อนหยิบขวดน้ำรินใส่แก้วพร้อมหลอดส่งไปให้นางได้ดื่ม ซึ่งผลตอบรับดีเกินคาดกับรอยยิ้มขอบคุณบนใบหน้า



[---]หล่อนค่อยๆ จิบน้ำทีละนิด จนเป็นที่พอใจเธอก็ก็วางแก้วไว้ที่โต๊ะดังเดิม รู้สึกหงุดหงิดกับพฤติกรรมของตัวเอง ไม่น่าทำใจดีให้มันยิ้มแย้มได้เลย น่าจะเอาน้ำสาดสักหน่อย



[---]“ขอบคุณนะ” เสียงแห้งพร่ามัวเอ่ย



[---]“....” นี่ไม่คิดว่ากล่าวเธอที่ทำร้ายหล่อนเลยรึไงยะ ฉันทุบนางไปปางตายขนาดนั้น ถ้าเป็นปกติคงส่งแววตาชิงชังมาให้แล้ว หรือไม่ก็ดิ้นรนจะฆ่าเธอให้ได้แทน



[---]ยิ่งเห็นยิ่งหงุดหงิด ไม่ตรงตามที่เดาเอาไว้เลย แล้วคำขอบคุณนั่นอีก ยัยนั่นไม่ควรจะเอ่ยคำนั้นขึ้นมาเลย เพราะได้ยินแล้วมันช่าง....ช่างเจ็บจี๊ดๆ ที่กลางอก เธอรู้สึกผิดหรือนี่ เธอทำร้ายคนไม่รู้อะไร



[---]โอ๊ย.... ฉันบ้าไปแล้วแน่ๆ แม่นี่อาจเล่นละครก็ได้มั้ง ความจำเสื่อมรึป่าวไม่รู้ รู้แต่นางคือธนิตา เจ้าแม่ผู้โหดร้ายซึ่งอยู่เบื้องหลังเรื่องราวร้ายกาจทั้งปวง หล่อนกระหายอำนาจใครก็รู้



[---]ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับนางจะต้องพังพินาศ หากสิ่งเหล่านั้นขัดขวางไม่ให้นางได้ในสิ่งที่ใจปรารถนา ทั้งยังความชั่วร้ายซึ่งแสดงออกมาตั้งแต่เด็กนั่นอีก เคยมีคนเล่าให้เธอฟังเมื่อนานมาแล้ว ว่าหล่อนใจดำยิ่งนัก



[---]หล่อนขังนกน้อยซึ่งได้เป็นของขวัญวันเกิดตอนเด็กไว้ในกรงทอง ทองของจริงซะด้วย แล้วปล่อยให้พวกมันอดอยาก ตัดปีกไม่ให้บินหนีไปไหน ให้น้ำให้อาหารเพียงพอแก่การพยุงชีวิตรอดไปวันๆ บางวันก็ไม่ให้ ร้ายไปกว่านั้นก็จุดไฟลนกรงเล่น นกน้อยก็รนรานหาทางออก



[---]เหอะๆ นี่ยังแค่เรื่องที่ติดตัวหล่อนมาตั้งแต่เด็ก ไหนยังจะเรื่องราวมากมายซึ่งเธอได้ยินได้ฟังมา หล่อนเป็นศัตรูตัวร้ายที่หลายคนมักบอกให้เธอรู้อยู่เสมอ



[---]และอาจจะด้วยวัยที่ใกล้เคียงกัน มันเลยทำให้เธอต้องรู้เกี่ยวกับหล่อนให้มากๆ เนื่องด้วยเธอต้องเป็นผู้ต่อกรกับหล่อนในอนาคตอันไม่ไกลนี้ ถ้าเธอพลาดทุกอย่างก็จบ เหมือนอย่างที่พ่อเธอพลาดมาแล้วครั้งหนึ่ง คุณชาญเกือบจะไม่รอดจากเงื้อมมือลุงชั่วร้ายของธนิตา ซึ่งนั่นก็หมายถึงชีวิตแม่เธอหนีไม่พ้นความตาย ตัวเธอนั้นเล่า จำต้องรับทุกข์แสนสาหัสอยู่เบื้องหลัง



[---]ชญานิลกำมือแน่น แววตาโกรธแค้นแผ่รังสีไปยังผู้ที่นอนป่วยอยู่ข้างๆ ดวงตาหล่อนมองตอบกลับอย่างไม่รู้อะไรเลย ใสซื่ออย่างร้ายกาจนัก ถ้าเพียงสักนิด แค่นิดเดียวที่มันจำได้ เธอคงเอื้อมมือไปบีบคอคนป่วยให้ได้ตกตายไปตามกัน



[---]แขนซึ่งถูกเกาะกุมสะบัดออกด้วยเพลิงโทสะ ไม่อาจทนนั่งมองหล่อนได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าด้วยสาเหตุอันใดก็ตาม ความตายเท่านั้นที่จะสาสมกับคนๆ นี้ เธอจะไม่ฆ่าด้วยมือตัวเอง เพราะคำสัญญานั่น แต่คนที่เธอกำลังจะไปหาลำดับต่อไปนั้น มียาพิษชนิดรุนแรงอยู่ นั่นแหละ เพียงแค่พูดอ้อมๆ เดี๋ยวคุณหมอก็มาฉีดให้แม่นี่ได้หลับตาสบายแล้ว



[---]“ดะเดี๋ยวสิ” หล่อนคว้าข้อมือเธอไม่ให้เดินจากไปอย่างง่ายๆ



[---]“....” เธอหันกลับไปหรี่ตามอง ยังอยากให้เธอตบรึ เรียกทำไมมิทราบคะ นอนรอรับความตายสบายๆ ไปไม่ดีกว่าเหรอ



[---]“ถ้าฉัน....ทำอะไรผิดต่อเธอ....ฉันขอโทษ....ได้โปรด....อโหสิกรรมให้ฉันด้วย” นางเอ่ยออกมาช้าๆ หลับตาลง แล้วปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระ



[---]แววตานั่นมั่นคง จริงจังระยะสุดท้าย คงกำลังขอโทษในสิ่งที่ผิดอยู่ล่ะสิ ยอมรับความตายแล้วสินะ ถึงพูดคำพวกนี้ออกมาก คงคิดว่าอย่างไรก็ไม่น่ารอด อยากไปอย่างสงบโดยไม่รู้สึกผิดงั้นรึ



[---]ไม่มีทาง!.... ฝันไปเถอะย่ะ เธอเปลี่ยนใจแล้ว ให้ยัยนี่ตายไปง่ายๆ แบบนี้ ไม่คุ้มกับที่จับตัวมาเลย ทำมาร้องขอ เธอไม่มีทางอภัยแม้ความผิดเพียงเล็กน้อย แค่รอก่อน รอให้หล่อนหายดี รอให้หล่อนจำมันได้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะค่อยๆ ตอบแทนให้หล่อนทุกข์ใจ จนอยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น



[---]“รู้อะไรมั้ย” ชญานิลแสยะยิ้มแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ



[---]ก้มลงกระซิบประโยคถัดไป....ซึ่งทำให้คนป่วยลืมตาขึ้นมองเธอ ด้วยใบหน้าที่ผิดหวัง กลัวว่าจะตายตาไม่หลับ เลยทำท่าเหมือนจะพูดอะไรขึ้นมาสักอย่าง หากก็เงียบลงเพราะเธอเอื้อมมือไปปิดปากเอาไว้



[---]ไม่มีทางที่หล่อนจะพูดให้เธอได้ใจอ่อนอีกแน่ๆ แม้ว่าส่วนหนึ่งเกือบแล้วที่จะอภัย แต่ส่วนใหญ่ ไม่เลย เธอยังไม่ลืม



[---]“เธอยังไม่ตายง่ายๆ หรอกธนิตา” เธอพูดทิ้งท้าย รีบเดินจากมาก่อนจะได้เห็นน้ำใสๆ หยดย้อยออกจากดวงตาคู่นั้น



[---]แม่นั่นคงอ่อนล้าและหลับไปแล้ว พักไปก่อน พักให้สบาย หล่อนยังต้องเจอะเจอกับฉันไปอีกนาน ถ้าไม่รีบจำอะไรให้ได้ ก็คงไม่มีวันได้ตายสบายแน่



[---]ชญานิลส่งคำสั่งไปถึงหมอประจำบ้านให้ดูแลธนิตาเป็นพิเศษ อย่าให้ขาดตกบกพร่อง ให้นางหายจากอาการทั้งหมดทั้งมวลโดยเร็วที่สุด ไม่ใช่ว่าเธอใจดีนะ แต่เพื่อให้นางพร้อมรับความกดดันซึ่งเธอจะหยิบยื่นให้ในไม่ช้านี้ไงล่ะ ฮ่าๆ ๆๆ





................................