หนี ตอนที่14



[---]เช้าวันนี้จะไม่รู้สึกเวียนหัวมากขนาดนี้ถ้าเพื่อนที่อยู่ข้างๆ ไม่เดินวนไปวนมาเป็นรอบที่สิบ จะใครที่ไหนอีกถ้าไม่ใช่อรวี หล่อนเดินวนอยู่ตรงโซฟา พยามจะช่วยเธอคิดหาบุคคลสูญหาย



[---]“ตัวเอง....” กมลชนกละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ขึ้นมามองผู้ที่ยังวนซ้าย เอียงขวา ราวกับว่าทำแบบนั้นแล้วจะหาเพื่อนเจอ



[---]“หือ ว่าไง” อรวีเอียงคอเกือบเก้าสิบองศาหันมาดูเธอ



[---]“นั่งลงเถอะ ฉันเวียนหัวแล้วนะ” เธอทำหน้ามุ่ย นี่ถ้าอรวียังเดินต่อ คงต้องลุกไปอยู่คนละห้อง แม้นี่จะเป็นคอนโดหล่อนก็ตาม ถึงกระนั้นเธอก็สามารถเข้าออกได้ทุกห้องไป



[---]“อ่อ จ้ะๆ” อรวีทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เอนตัวพิงไหล่เธออย่างจนปัญญาจะคิดทำอะไรต่อ ก็แน่ล่ะเล่นเดินจนหมดพลังงาน จะเอาแรงที่ไหนไปคิด



[---]“แน่ใจเหรอว่ายัยตาไม่ได้อยากหลบหน้าพวกเราเอง” เพื่อนอรสงสัยแบบที่เธอสงสัยในกรณีแรก



[---]“จำห้องที่ตาชอบไปนั่งหลบมุมได้มั้ย” เธอตอบเป็นคำถาม



[---]“จำได้สิ” ส่วนอรวีก็หันมาถามเป็นคำตอบ พร้อมด้วยสีหน้ามึนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ห้องนั้นเป็นห้องสงวนส่วนบุคคล จะมีก็ไม่กี่คนที่ถูกรับเชิญให้เข้าไปได้



[---]“ฝุ่นเกาะเต็มขอบหน้าต่าง เหมือนไม่มีใครเข้าไปในนั้นเป็นอาทิตย์มาแล้ว” กมลชนกเล่าต่อ...



[---]“เราก็รู้กันอยู่ว่าเพื่อนของเราใช้เวลาอยู่ในห้องนั้นนานกว่าที่อื่นๆ ในบ้านซะอีก แล้วทันทีที่กลับมา ตาจะไม่ไปอยู่ที่นั่นบ้างเลยรึ ฉันสงสัยว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับตา และก็ห่วงมากด้วย” แล้วใบหน้าผู้ร่วมสนทนาทั้งสองคนก็เริ่มผูกเป็นปม เกิดความตึงเครียดฉับพลัน เป็นอันรู้กันว่าธนิตาเป็นใครมาจากไหน และถ้าเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับหล่อน ไม่กลับมาแบบปางตาย ก็น่าจะตายไปแล้ว



[---]“ฉันไปเจอมาริสามาไม่นานมานี้ สาไม่เห็นพูดอะไร เราโทรไปถามจะดีมั้ย” อรวีเสนอ



[---]“ก็ดีนะ แต่ช่วยเอาเบอร์ใหม่โทรไปด้วย เพราะมีคนตามสาอยู่ เราคงไม่อยากให้มาริสาต้องกลับไปเงียบเหงาแบบเดิมหรอก” เธอว่าพลางคุ้ยในกระเป๋าหยิบโทรศัพท์อีกเครื่องขึ้นมา



[---]“หา ถึงขนาดตามเลยเหรอ” เพื่อนเธอคงยังไม่รู้



[---]“แน่ล่ะ วันแล้วที่ตัวเองไปหายัยสา นั่งกินก๋วยเตี๋ยวแถวโรงพยาบาลใช่มั้ยล่ะ” เพื่อนสาวถาม



[---]“เย้ย รู้ได้ไง แอบตามไปเหรอ หรือว่า....” อรวีหรี่ตามาทางกมลชนกแบบคาดคั้น



[---]“ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่ที่บริษัทฉัน แต่ฉันก็อดสงสัยไม่ได้ เลยให้คนไปตามดูบ้าง ไม่ดูบ้าง....เอาเป็นว่าถ้าพวกเราไม่เข้าไปทำอะไรมากมาย มาริสาก็ไม่เกิดปัญหาอะไรหรอก” เธอจบประโยคลงพร้อมกับกดหมายเลขเพื่อนแล้วโทรออก เป็นการหยุดคำถามของอรวีได้ชั่วขณะ หล่อนเปลี่ยนมาเป็นตั้งใจฟังเสียงรอสายไปพร้อมๆ กัน ลุ้นให้เพื่อนว่างรับโทรศัพท์สายนี้



[---]ปกติมาริสาจะไม่รับเบอร์แปลก อีกทั้งเวลาที่หล่อนว่าง ยังไม่ค่อยตรงกับคนอื่นเสียด้วย ไหนจะช่วงว่างพักผ่อนไม่ค่อยจะมี บางทีโทรไป เพื่อนเธอก็ไม่รับสายเพราะกำลังหลับฝันหวานอยู่ ก็น่าสงสารมาริสาอยู่เหมือนกัน



[---]แต่นี่วันหยุด คิดว่าถ้าไม่ติดงานอะไร น่าจะกดรับสายนี้ไปแล้ว หากมันไม่ใช่อย่างนั้นสิ เพราะกมลชนกโทรกลับเป็นรอบที่สาม รอแล้วรออีก มีเพียงเสียงสัญญาณฝากข้อความกลับมา



[---]“ตัวเองโทรไปที่โรงพยาบาล แล้วขอสายมาริสาดีมั้ยเผื่อว่าจะเร็วกว่าที่ต้องมานั่งรอ” อรวีเสนอ



[---]“เอ่อใช่ อรนะอร พึ่งมามีประโยชน์เอาตอนนี้” เห็นเดินวนไปมาช่วยอะไรไม่ได้สักอย่าง คิดมาทีก็ใช้ได้เหมือนกัน



[---]“ปากเสียนะยะ” อรวีตบไหล่เพื่อนเบาๆ เป็นเชิงว่างอน ชิ



[---]กมลชนกยักไหล่แล้วใช้นิ้วดีดหน้าผากกลับไปที โตแล้วมาทำท่าเหมือนเด็ก แต่ก็นะ คงจะมีแต่เธอที่เห็นอรวีทำแบบนี้ ร้อยวันพันปีหล่อนจะทำตัวให้ดูเอาจริงเอาจังตลอดเวลา



[---]เบอร์โทรศัพท์ของโรงพยาบาลถูกค้นหาจากทางหน้าเว็บไซต์ในเวลาเพียงไม่กี่นาที นักสืบสาวพราวเสน่ห์คนนี้ก็จิ้มๆ มือถือแล้วโทรออกโดยไว ก็พบกับหมายเลขมากมายให้กดเพื่อติดต่อ



[---]กดหนึ่งเพื่อติดต่อ....



[---]กดสองเพื่อติดต่อ....



[---]ไม่ใช่ ไม่ใช่สักอัน แล้วจะติดต่อเจ้าหน้าที่ยังไงล่ะเนี่ย หลายคู่สายไปหมด.... จนมาถึงกดสุดท้าย



[---]กดศูนย์ หากท่านไม่ทราบ....



[---]นี่ยังไงล่ะ ทำไมไม่ให้กดแต่แรกก็ไม่รู้ กมลชนกกดศูนย์ทันที แล้วก็แอบหงุดหงิดเล็กๆ ที่ต้องมานั่งรอฟังเสียงตอบรับยืดเยื้อ....



[---]พอเข้าใจอยู่ว่ามันเป็นข้อกำหนดเพื่อให้คนแยกแยะเรื่องที่มาติดต่อได้สะดวก แต่ในบรรดาคนที่ไม่ทราบหมายเลยภายใน ใครบ้างจะอยากฟังเสียงยืดๆ ยาวๆ จนแทบหลับคาโทรศัพท์



[---]“ขอเรียนสายคุณมาริสาค่ะ....จากตัวแทนประกันชีวิต....” แล้วเธอก็ร่ายไปสักหน่อย เหมือนว่ามาริสาขาดส่งประกันแล้วจะเสียผลประโยชน์อะไรสักอย่าง เพราะยัยประชาสัมพันธ์ไม่ยอมต่อสายถึงมาริสาในทันที



[---]“คุณหมอมาริสาไม่อยู่ค่ะ แต่จะลองต่อสายตรงไปยังห้องพักให้นะคะ กรุณารอสักครู่” ได้ฟังก็ใจชื้นขึ้นมา อย่างน้อยมาริสาก็ไม่น่าออกไปไหนไกล ที่นั่นหล่อนเหมือนตัวคนเดียว นี่ได้ยินเสียงเพื่อนคงจะแอบยิ้มเริงร่าแน่ๆ



[---]ตึ๊ดๆ.... ตึ๊ดๆ เสียงโทรศัพท์ลากยาวเป็นรอบที่แปด สักพักก็มีคนยกหูโทรศัพท์ขึ้น



[---]“สวัสดีค่ะ” หวานแหววเจื้อยแจ้วอย่างกับนกแก้วนกขุนทอง แต่ว่าไม่ใช่เสียงเพื่อนเธออยู่ดี หล่อนเป็นใคร หรือประชาสัมพันธ์จะต่อสายผิดไปถึงใครก็ไม่รู้



[---]“ขอสายมาริสาค่ะ” อรวีแย่งโทรศัพท์ไปพูด เพื่อไม่ให้กมลชนกถอดใจกดสายวางไปซะก่อน



[---]“สักครู่นะคะ” เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ แล้วก็ได้ยินเสียงคนคุยกันพึมพำๆ จับใจความไม่ได้ ไม่นานเพื่อนเธอก็เดินมายกสายขึ้นแนบหู กรอกเสียงสะลึมสะลือเหมือนพึ่งตื่นจากฝันหวาน



[---]“สวัส ดี ค่ะ” มาริสาคงนอนยังไม่เต็มอิ่ม ไม่งั้นน่าจะตอบแบบมีสติอีกนิด



[---]“นี่อรเอง นกก็อยู่นี่ด้วย....” อรวีพูดรวดเร็ว ก่อนที่เพื่อนจะหลับคาโทรศัพท์ไปก่อน แต่หล่อนคงไม่ทำแบบนั้น นั่นมันก็นานมาแล้ว ที่มาริสาประชุมสายกับเพื่อนๆ แต่หลับคาโทรศัพท์ เพียงเพราะอ่านหนังสือเตรียมไปสอบดึกไปหน่อย



[---]“อร นก ว่างายยย” แม้สำเนียงจะง่วงมากเพียงใด แต่ฟังดูแล้วคงดีใจเอามากๆ



[---]“ยัยตาหายไป อยู่กับสามั้ย” กมลชนกเข้าเรื่องทันที เดี๋ยวจะพลันคุยกันยาวจนลืมจุดประสงค์หลัก



[---]“อะไรนะ หายไปยังไง ตอนไหน” อีกฟากของโทรศัพท์ถามละล่ำละลักเหมือนตื่นจากอาการง่วงนอนอย่างรวดเร็ว



[---]หล่อนคงจะตกใจไม่แพ้กัน มาริสาก็ไม่โง่ และน่าจะเดาความเป็นไปได้พอๆ กับพวกเธอนั่นแหละ มีใครบ้างในคนสนิทที่ไม่รู้เบื้องหลังของธนิตา เพียงแต่พวกเพื่อนๆ ไม่คิดจะถามให้วุ่นวายก็เท่านั้น



[---]เพราะอะไรน่ะรึ ก็เพราะชีวิตของธนิตามันเลือกไม่ได้ไงล่ะ ใครจะอยากเกิดในครอบครัวที่ต้องเสี่ยงอันตราย หรือมีเบื้องหลังที่โหดร้ายกันบ้าง คงไม่มีหรอก อีกอย่างธนิตาก็เป็นเพื่อนที่ดีมาโดยตลอด หล่อนไม่ทำร้ายใครง่ายๆ นัก หรือไม่แน่อาจทำ ก็ยังโชคดีนะ ที่ได้เป็นเพื่อนกับหล่อนแทนศัตรู



[---]“ตานัดฉันไปหาที่บ้าน แต่พอไปถึงก็ไม่พบ ไม่บอกกล่าวอะไรเลย ฉันตามหาทั่วก็ไม่เจอ....ห้องที่ตาชอบอยู่ก็ฝุ่นเขรอะ ฉันเริ่มใจไม่ดีแล้วสิ จะเกิดอะไรขึ้นรึป่าว” พูดด้วยประโยคที่สั่นเครือเหมือนน้ำตาจะไหลออกมายังไงยังงั้น แต่ด้วยความที่ยังไม่เกิดอะไรขึ้นทำให้กมลชนกต้องรีบกลืนก้อนสะอื้นลงคอ



[---]“ใจเย็นนก....ฉันไม่ได้ติดต่อกับตาเลยตั้งแต่วันนั้น” มาริสาปลอบ แล้วก็เงียบเหมือนจะคิดอะไรต่อ



[---]“พวกเราจะตามหากันต่อ ถ้าตาติดต่อไปหา สารีบบอกด้วยนะ” อรวีบอกมาริสา



[---]“โทรเบอร์ที่ยิงไปด้วยละกัน มีคนตามสาอยู่” กมลชนกเสริมทันที เพื่อนเธอคงยังไม่รู้



[---]“เรื่องนั้นรู้แล้ว เดี๋ยวเอาเบอร์ใหม่โทรหานะ ถ้ามีความคืบหน้า” มาริสาบอกกับเพื่อนๆ แล้วประโยคสนทนาสั้นๆ ก็จบลง ไม่มีอะไรคืบหน้าอย่างที่ควรจะเป็น



[---]อรวีเริ่มจะอยู่ไม่สุขอีกครั้ง ทำท่าจะเดินครุ่นคิด ซึ่งกมลชนกก็ปล่อยให้หล่อนทำ เพราะอยู่เฉยๆ คงซึมเนื่องจากคิดอะไรไม่ออก และตอนนี้เท่าที่รู้ก็คือ....ธนิตาไม่ได้ไปหามาริสา หล่อนยังคงอยู่ที่ไหนสักที่ อ้างว้าง เดียวดาย หรืออาจกำลังร้องไห้อยู่เพียงลำพัง....



[---]ฮือๆ ๆ .... ท่ามกลางบรรยากาศอันหนาวเหน็บของที่ลึกลับสักแห่งบนเขา ธนิตานั่งขดตัวอยู่กลางห้อง ไปไหนไม่ได้ไกลด้วยเชือกที่มัดแขนกับขาเธอไว้ พยามแกะแล้วแต่มันก็ไรผล ซ้ำร้ายความสากของเชือกเริ่มจะบาดผิวอันบอบบางของเธอ เจ็บกับแสบทุกครั้งที่ขยับตัวเคลื่อนไหว มือทั้งสองแยกออกจากกันก็จริง แต่ไม่ได้ช่วยอะไรให้เชือกเหล่านี้คลายปมได้เลย เธอจึงเริ่มใช้ฟันกัดให้มันขาดไปทีละนิด



[---]พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นมีดที่ปักอยู่ไม่ไกล ทว่าเธอไม่สามารถเอื้อมหยิบได้ถึง สิ่งของภายในห้องนี้ก็ไม่เป็นประโยชน์เลยสักอย่าง ไม่มีอย่างไหนจะทำให้เธอหลุดจากพันธนาการหนาแน่นนี้ได้



[---]ไม่เข้าใจว่าทำอะไรผิดถึงต้องถูกจับมัดอยู่อย่างนี้ เรื่องร้ายแรงรึเปล่า ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเท่าที่จำได้ก็คงจะมีแต่เอาสิ่งของที่วางอยู่ไปปาใส่หัวผู้หญิงคนนั้น แต่มันพลั้งมือไปเองต่างหาก เพราะคนพวกนั้นพยามกักขังเธอไม่ให้ไปไหนมาตั้งหลายชั่วโมงแล้ว



[---]ธนิตาอยากกลับบ้าน....ทันทีที่เธอฟื้นขึ้นจากเตียงซึ่งมีสายน้ำเกลือระโยงระยาง แม้ว่าหมอจะพร่ำบอกว่าหายดีแล้ว จากอาการอะไรเธอก็ไม่รู้ พวกนั้นก็ไม่ให้เธอได้ออกไปไหน ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่ใช่โรงพยาบาลอย่างที่คิดเอาไว้ แล้วเธอจะออกจากที่นี่ได้อย่างไรกัน ทำไมญาติพี่น้องของเธอไม่มาหาบ้างล่ะ หรือว่าเธอไม่มีญาติกันแน่



[---]ธนิตา....คงเป็นชื่อของเธอสินะ พึ่งจะรู้ก็ตอนที่คนใจร้ายนั่นบอก ถูกหล่อนทำร้ายโดยไม่มีทางสู้ ยังสงสัยว่าเธอทำผิดอะไร ทำไมต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ แล้วน้ำตาก็เริ่มไหลอาบแก้มอีกครั้ง เลือดกำเดาแห้งไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดคล้ายจะระบมขึ้นเรื่อยๆ เธอจ้องมือทั้งสองข้าง พยามคิดให้ออกว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน



[---]บางทีก็คาดเดาไปว่าเธออาจจะเคยอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มาก่อน แล้วแม่นั่นก็น่าจะเป็นเจ้าของบ้าน ส่วนเธอก็ต้องทำอะไรไม่ดีเอาไว้ แต่คิดจนแล้วจนรอดก็ไม่รู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เลย เว้นแต่หน้าตาของผู้หญิงคนนั้น เธอเคยเห็นมาก่อนครั้งสองครั้ง หรือมากกว่านั้น จำไม่ได้สักที



[---]หล่อนดูโมโหมาก บางทีถ้าเธอพยามแสดงการขอโทษจากใจอีกครั้ง หล่อนคงจะยอมให้อภัยและส่งเธอไปไหนสักที่ ที่ๆ เธอจากมา



[---]ฮือ....ธนิตาปาดน้ำตาออก ฝืนตัวเองให้หยุดสะอื้น เพราะอาการเหล่านั้นเริ่มจะทำให้หายใจไม่ออก แถมคอเธอยังแหกผาก ไม่มีใครที่นี่ส่งน้ำดื่มให้เธอสักแก้วบ้างเลยรึ ซ้ำเรี่ยวแรงก็ไม่ค่อยจะมี อาหารยังไม่ตกถึงท้องเลยตั้งแต่ฟื้นขึ้นมานี่



[---]เธอถอดใจกับเชือกซึ่งกัดเท่าไหร่ก็ขาดไปเพียงนิดเดียว ไหนเนื้อตรงข้อมือกับข้อขา ยังถูกเสียดสีจนมีรอยแดงถลอก ทำให้ต้องตัดใจและนอนอยู่นิ่งๆ แทน



[---]อากาศหนาวเหน็บกับพื้นหินอ่อนวิจิตรบรรจงนี่ทรมานผิวกายได้ดีนัก ไม่ว่าจะขยับไปทางไหนก็มีแต่ความหนาวเย็น สูดหายใจเข้าออกแต่ละทีแสบไปทั่วทั้งจมูก ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย



[---]ไม่ว่าจะคิดย้อนกลับไปมาอย่างไร เธอก็หาคำตอบไม่ได้สักที เธอเป็นใคร มาจากไหน มาทำบ้าอะไรอยู่ที่นี่ ทำไมต้องโดนทำร้ายขนาดนี้ ผู้หญิงหน้าตาดีคนนั้น มีออร่าความใจดีฉายเด่นอยู่ แต่ทำไมกลับไม่เป็นอย่างที่เห็น



……………………



[---]ธนิตากุมศีรษะเวียนวน มึนตึ๊บ มึนจนแทบจะอาเจียนออกมา คอก็แสบเสียเหลือเกิน แล้วบางสิ่งบางอย่างที่ทยอยทะลักออกจากลำตัว ลามขึ้นมายังคอหอยก็บังคับเธอให้ลุกขึ้นนั่งโก่งคอแล้วอ้วกออกมาเป็นน้ำ



[---]ดีขึ้น ไม่อาจบอกได้ว่าดีขึ้นแค่ไหน เพราะอาการของเธอตอนนี้ไม่ได้ดีขึ้นจากเดิมเลย เธออาเจียนลงบนพื้น แม้ว่าอยากเดินไปหาถังขยะ แต่ไปไม่ถึง เรี่ยวแรงเธอตอนนี้แค่หายใจได้ก็นับว่าดีมากแล้ว เธอขยับตัวหลบกองอ้วกแล้วฟุบลงกับพื้นอีกครั้ง



[---]คาดเดาไม่ถูกว่าเวลาชีวิตเธอเหลืออีกเท่าไหร่ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คงอยู่ได้ไม่นาน เธอต้องบอกอำลากับ.... กับใคร ใครล่ะ ไม่รู้จักใครเลยสักคน รวมถึงตัวเธอเองด้วย....ฮือๆ



[---]ช่างน่าสังเวชใจเสียจริง ดูผิวพรรณตัวเองก็พอบอกได้ว่าเธอไม่เคยลำบาก ไหนจะนิ้วมือนิ้วเท้าเนียนละเอียดขนาดนั้น เธอไม่ใช่คนงานในบ้านนี้แน่ๆ พวกนั้นจะพาเธอมาจากไหน ไม่มีใครทราบ ขอแค่เธอออกไปได้ หรือผู้หญิงคนนั้นจะอภัยแล้วให้โอกาสเธออีกครั้ง



[---]เจ็บเหลือเกิน ปวดเหลือเกิน ใบหน้าช้ำจนต้องเอามือรองนอนเป็นหมอนหนุน แขนและขาที่ช้ำเป็นจ้ำๆ เริ่มบวมแดงขึ้นทีละนิด บางจุดที่โดนทุบมากๆ ก็ช้ำอมม่วงเหมือนเนื้อจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เธอจะรับความเจ็บปวดนี้ไปได้อีกกี่ครั้งกัน



[---]ธนิตาเกิดอาการสั่นเทาด้วยความหนาวเย็นจับใจไปถึงกระดูก ดวงตาชื้นฉ่ำกำลังหนักขึ้นเรื่อยๆ ....



[---]แก็กๆ มีบางคนกำลังไขประตูเข้ามา แต่เธอเหนื่อยล้าจนไม่สามารถหันไปมองยังทางเข้าได้ หล่อนจะเข้ามาทำร้ายเธออีกหรือไม่ ไม่มีอะไรรับประกันได้ ณ เวลานี้ รู้เพียงเธออยากเป็นอิสระ



[---]ทุบเธอเลย ทุบจนกว่าเธอจะไม่ไหว ทันทีที่ลมหายใจนี้ดับ บางทีความทรมานนี้จะได้หายไปด้วย ไม่แน่ว่าเธออาจวิงวอนให้หล่อนทำแบบนั้น เธออาจสมควรตายแล้วก็ได้



[---]ฮ่าๆๆ.... เสียงหัวเราะกังวานนั่นอีกแล้ว หล่อนมาหาเธอแล้ว คงหมดเวลาชีวิตเธอแล้วสินะ....



……………………