หนี ตอนที่13



[---]กรี๊ดดดด ยัยบ้านั่นทำหัวฉันเป็นรอย.... ชญานิลลืมตาขึ้นมาพร้อมกับความมึน เธอหลับไปตอนไหนก็จำไม่ได้ เมื่อคืนฝันร้ายว่ายัยแม่มดนั่นเอาเลื่อยมาหั่นแขนเธอ ตามด้วยค้อนทุบกะโหลกจนหัวเธอแหลกละเอียด ช่างเป็นฝันที่น่ากลัวจริง คิดแล้วสยอง



[---]ถ้าเป็นเธอที่โดนจับไป ป่านนี้ไม่กลายเป็นศพก็ไม่ครบสามสิบสองตั้งแต่วันแรกละ หล่อนคงเอาไส้เธอไปย่างกิน ควักลูกตาไปป้อนนก....ใช่ๆ มีข่าวลือเกี่ยวกับยัยนี่ นางเลี้ยงนกเอาไว้หลายตัว ซ้ำยังขังเอาไว้ในกรง ปล่อยให้นกอดๆ อยากๆ ดูท่าเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายสุดๆ



[---]ไม่ได้การละ เธอต้องลุกขึ้นไปเค้นเบื้องหลังของศัตรูมาให้หมด แล้วก็ค่อยตัดกำลังพวกมันไปทีละส่วน แต่ว่ากว่าจะลุกขึ้นได้นี่ก็ปวดหัวจนแทบจะยืนไม่ไหว หวังว่าหัวเธอคงไม่ร้าวนะ



[---]ชญานิลกึ่งลุกกึ่งนั่งเอนตัวขึ้นมาได้สำเร็จ เมื่อทรงตัวตั้งฉากกับพื้นโลกได้ ห้องน้ำเป็นที่ๆ เลือกไปอันดับแรก เมื่อวานดันเผลอนอนหลับไปเพราะความมึน วันนี้ต้องได้แช่น้ำอุ่นสักหน่อย....โอยๆ ปวดหัว



[---]แล้วก็ต้องมาเสียเวลาเปิดน้ำอุ่นอีกเป็นสิบนาที เพราะว่าลืมสั่งแม่บ้านเอาไว้ อากาศก็หนาวเสียจริง พอรู้หรอกว่ามันเย็นยะเยือก แต่ไม่นึกว่ามาอยู่จริงๆ แล้วจะเหมือนแช่เท้าลงในน้ำแข็งที่พึ่งละลาย เธอรีบเร่งอุณหภูมิของน้ำ เอาเท้าแหย่ดูก่อนจะหย่อนตัวลงไป



[---]อ่าาา....สดชื่นรื่นเริงใจ เป็นเช้าที่สงบสุขถ้าปราศจากแผลบนศีรษะให้น่าหงุดหงิด เธอตักมื้อเช้าเข้าปาก มีเพียงไข่ทอดสองฟองกับน้ำผลไม้รวมกระป๋องเท่านั้น อันที่จริงก็ลืมสั่งให้เตรียมอาหารไว้บนนี้ อยู่อีกหลายวันแบบนี้คงต้องสั่งขึ้นมาบ้างล่ะ เธอคงกินซ้ำๆ ไปหลายวันไม่ไหว ถ้าเป็นไปได้เอาคนทำอาหารฝีมือดีกว่านี้มาด้วยก็ได้ ไม่อยากกินไข่ทอดไหม้ๆ สักเท่าไหร่



[---]“ช่วยเตรียมเสบียงอาหารมาด้วย ฉันอยู่หลายวัน” ไข่หมดไปฟองกว่าเธอก็รวบช้อน ดื่มน้ำผลไม้รวมจนหมดแล้ว พร้อมกับกรอกยาที่หมอให้จำนวนหนึ่งเข้าปาก



[---]ชญานิลเอามือกุมหัวเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นยืน เดินตรงไปยังชั้นล่างของตัวบ้าน ห้องเก็บเสียงอย่างดีที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการนี้ ไม่ใช่อะไรหรอก เธอทำเอาไว้เป็นคาราโอเกะส่วนตัวชั้นล่าง เวลาร้องเพลงดังๆ จะได้ไม่รบกวนด้านบน แต่มันก็ดีตรงที่เวลามีเหยื่อร้องแหกปากจะได้ไม่ต้องหนวกหู



[---]ประตูค่อยๆ แง้มออกอย่างช้าๆ เธอเตรียมพร้อมจะปิด เผื่อมีอะไรลอยข้ามห้องมาอีก อ่อ ลืมไปว่าสั่งมัดยัยนี่เอาไว้ หล่อนคงไม่กัดเชือกจนขาด วิ่งเหมือนคนบ้าเข้ามาทำร้ายเธอหรอกนะ อย่ากระนั้นเลย เธอสั่งให้ลูกน้องตามเข้ามาด้วยสองคน



[---]แต่แล้วสิ่งที่เห็นกลับไม่ใช่อย่างที่คิด ยัยตัวร้ายนอนหลับอยู่ที่กลางห้อง มือและเท้าถูกล่ามติดกับเสา อากาศที่หนาวเย็นคงจะกัดกินผิวหนังของหล่อนจนต้องขดตัวอยู่กับพื้น



[---]สภาพไม่ต่างจากหมาจนตรอก จะต่างก็เพียงแต่หล่อนเป็นสิงห์ และสิงห์ก็ไม่เคยจะยอมจนตรอกง่ายๆ ซะด้วย ดูจากท่านอนแล้ว คงจะเหนื่อยจากการอาละวาดมาทั้งวัน



[---]สมน้ำหน้าจริง ชญานิลเดินเข้าไปใกล้ๆ กระแอมเล็กน้อยเป็นเชิงให้รู้ตัวว่ามีคนมา แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ



[---]เธอเริ่มจะฉุน ยกเท้าเขี่ยไปยังร่างซึ่งนอนกองอยู่นิ่งๆ แล้วก็ได้ผล หล่อนลุกขึ้นมาขยี้ตาจ้องมาทางเธอที่รีบหดขากลับ กลัวว่ายัยนี่จะกระโจนเข้ามากัด



[---]“พาฉันกลับบ้านที” เสียงแหบเหมือนขาดน้ำมาหลายชั่วโมงร้องขอด้วยสีหน้าไม่แสดงความหวาดกลัวอะไร



[---]“อะไรนะ!!!!....ยังมีสิทธิ์ขออีกเหรอธนิตา” ชญานิลนั่งย่อลงไปมองระดับสายตาเดียวกับคนที่นั่งกองกับพื้น



[---]“ธนิตา....ฉันเหรอ” หล่อนทำหน้างงแบบที่เธอเองก็กำลังทำ ในแววตานั้นว่างเปล่า ไม่มีแม้อาการหวาดกลัว อาการตื่นตระหนกหรือตกใจสักนิด นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มีเพียงความสงสัยฉาบอยู่ในสายตาสั่นระริกนั่น



[---]“อย่ามาโกหกฉันจะดีกว่านะ” ชญานิลหรี่ตามองด้วยความประหลาดใจ แม่นี่จะใช้มุกจำอะไรไม่ได้มาหลอกให้หลงเชื่อรึ ฝันไปเถอะย่ะ เมื่อวานยังปาของใส่ฉันอยู่เลย



[---]“แล้วที่นี่บ้านฉันรึป่าว ปล่อยฉันนะ ฉันทำอะไรผิด” หล่อนมองเธอด้วยสายตาขุ่นเคือง เหมือนว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด



[---]ผัวะ!! ตบแรกที่ไม่แรงเท่าไหร่ เผื่อจะได้หยุดเล่นละครตบตานี่สักที คนยิ่งปวดหัวอยู่ มากวนอารมณ์ซะนี่ เดี๋ยวได้จับฉีกให้แร้งกินเลย



[---]“เธอบ้าไปแล้ว ฉันไม่ได้ทำอะไรให้ผิด ปล่อยฉันไป” นางขยับตัวหนีเหมือนกับเธอจะเป็นบ้าไปจริงๆ



[---]ดูจากพฤติกรรมแล้ว หากนางจำอะไรไม่ได้จริง ก็ควรจะอ่อนน้อมกว่านี้สิ ไม่ใช่ว่าโดนมัดแล้วยังทำตัวมาสั่งคนนู้นคนนี้ ก็งี้แหละ คนจะใหญ่ อยู่สภาพไหนก็ใหญ่อย่างเก่า ไม่รู้ว่าจะเล่นละครหลอกอะไรกัน



[---]ผัวะ!!! รอบสองแรงขึ้นมาอีกนิด แรงมากเดี๋ยวมือเธอช้ำพอดี ว่าจะใส่ถุงมือกันติดเชื้อจากหล่อนซะก่อน แต่เตรียมไว้ไม่ทัน ไหนดูซิ จะทำไม่รู้ไม่ชี้อีกรึป่าว ชญานิลจิกผมหล่อนขึ้นมามอง



[---]“ฉันไม่ได้ตั้งใจปาของใส่เธอ เธอเดินเข้ามาพอดี ฉันขอโทษ” หล่อนพยามแงะมือเธอออกจากผม



[---]“....” น่าโมโหจริง ยังแกล้งอยู่อีกรึ



[---]เชิญหล่อนสนุกไปคนเดียวเถอะย่ะ เธอวางมือลงบนคอแล้วจงใจใช้แรงบีบให้หายใจไม่ออก นางพยามดิ้นรนแกะมือเธอออก แต่มันไม่มีประโยชน์หรอกที่จะดิ้นรน



[---]“แค่กๆ ๆ” เธอปล่อยก่อนที่จะได้ตายจริง



[---]มีเสียงสำลักออกมาเป็นระลอก คนกองอยู่ที่พื้นเมื่อถูกปล่อยเป็นอิสระก็คลานหนีเธอไปอีกฟากของมุมเสา แต่จะไปไหนได้ไกลเล่าเชือกมันไม่ได้ยาวขนาดนั้น



[---]“ยัยธนิตา หยุดเล่นไร้สาระได้ละ” ชญานิลเดินตรงไปหาด้วยอารมณ์เบื่อหน่าย ถ้าไม่รีบหยุดเดี๋ยวเจอรอบสอง



[---]“เธอเป็นใคร เธอไม่ได้ดูใจร้ายเลย อย่าทำฉัน....” แล้วหล่อนก็หน้าหงายไปอีกรอบกับแรงตบจากเธอ



[---]บ้าไปแล้ว ฉันไม่ได้ดูใจดีอะไรขนาดนั้นนะยะ ฉันกำลังตบเธออยู่นี่ไง สะใจที่ได้เอาคืน หล่อนคงไม่มีทางได้ต่อกรกับฉันอีกแน่ๆ ฮ่าๆ ขอล้างแค้นให้สมใจก่อนจะถามอะไรก็แล้วกัน....ผัวะ!



[---]“อย่า....” หล่อนพยามจะปัดป้อง นั่นยิ่งทำให้เธอโกรธจัด เพราะมือที่หล่อนปัด กระทบใส่กระดูกนิ้วเธอดังเปราะ บังอาจนักนะ หนอยๆ ยัยธนิตา เธอเปลี่ยนมาเป็นกำปั้นทุบไปที่ตำแหน่งซึ่งไร้การปกป้องใดๆ



[---]ชญานิลเริ่มเหนื่อยกับการทำร้ายคนไม่มีทางสู้ เธอจึงหยุดแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตัวใกล้ๆ มองคนที่นอนหมอบอยู่กับพื้น หล่อนสะอื้น ไม่รู้เพราะว่าเจ็บหรือหวาดกลัว ดวงตานั้นหวั่นผวาเจ็บช้ำอย่างไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด



[---]“ลุกขึ้นมา” เธอออกคำสั่ง แต่คนโชคร้ายยังงอตัวอยู่ที่เดิม



[---]“บอกให้ลุกขึ้นมาไงเล่า!!” เธอตะคอกเตรียมจะลุกไปซ้ำ เป็นผลให้ธนิตารีบดันตัวขึ้นมายืนขึ้นช้าๆ



[---]“เดินมานี่” คนถูกสั่งเดินมายืนอยู่ตรงหน้าอย่างว่าง่าย หล่อนปาดน้ำตากับเลือดกำเดาออกจากใบหน้าซึ่งเป็นรอยมือเธออย่างเห็นได้ชัด จะว่าไปเธอก็ตบเป็นศิลปะเหมือนกันนะนี่ แดงเป็นแถบสวยงามเชียว ว่าแล้วชญานิลก็หัวเราะลั่น



[---]“ฮ่าๆ” เธอไม่เคยได้ทำร้ายฝั่งนั้นเลย ใช้วิธีประนีประนอมมาตลอด บัดนี้เหมือนความแค้นมันสะสมมาเรื่อยๆ ให้มันยุติลงอีกครั้งคงจะยาก ก็มาถึงขนาดนี้แล้วนี่ ช่วยไม่ได้นะ ชญานิลหลีกเลี่ยงสงครามเล็กๆ มาตลอด หากแต่ฝั่งนั้นมักเป็นคนสร้างปัญหา ไม่ใช่เธอสักหน่อย แล้วยัยนี่โดนไปแค่นี้มันยังน้อย ดูหล่อนสั่งคนมายิงเธอสิ ไหนจะคุณบีต้องนอนป่วยจะตายไม่ตายอยู่เป็นอาทิตย์



[---]“ไหนลองยิ้มซิ๊ ฉันไม่ชอบดูคนร้องไห้” ชญานิลกอดอกมองหน้านิ่ง หล่อนค่อยๆ ยกมุมปากขึ้นเหมือนจะฝืนตัวเองจนยิ้มออกมาได้บิดเบี้ยวยิ่งนัก



[---]“เธอชื่ออะไร ทีนี้รู้รึยัง” ถามอีกครั้ง หล่อนพยักหน้าหงึกหงักเป็นการตอบอย่างเสียไม่ได้



[---]“พูดไม่เป็นหรือไง!!” ตอกย้ำคำถามให้อีกคนได้สะดุ้งตัวสั่น แอบเห็นหล่อนเดินหลบไปสองก้าวก่อนจะค่อยๆ เอ่ยแต่ละคำออกมา



[---]“ธะ นิ ต ตา” ปากสั่นเหมือนกับจะร้องไห้อีกครั้ง



[---]“อะไรนะ ไม่ได้ยิน” ชญานิลแสยะยิ้มอย่างหมาป่าชั่วร้ายจะฆ่าลูกสิงโตหลงฝูง ในใจก็นึกไปด้วยว่าตัวเองทำไปได้น้อ คิดภาพไม่ออกเลยจริงๆ ไหนจะลูกน้องที่ยืนทำหน้าเฉยไม่สนใจ รอรับคำสั่งเธอนั่นอีก ทั้งสองจะคิดว่าเธอโหดร้ายไปด้วยมั้ยเนี่ย เอาตามจริงก็ชั่วร้ายล่ะนะ ฮ่าๆ



[---]“ธนิตาค่ะ” แล้วก็ปาดน้ำตาที่ย้อยออก



[---]“คุกเข่าลง” เป็นคำสั่งง่ายๆ ที่ทำยากสำหรับหล่อน ไม่รู้ทำไมถึงได้ดูฝืนนัก จะตายอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก เธอชักรำคาญสายตา ร้องอะไรนักหนา ไม่สมกับเป็นตัวแม่ที่จะได้ขึ้นแท่นกุมอำนาจใหญ่อยู่ในมือเลยสักนิด



[---]“รู้มั้ยฉันเป็นใคร” เธอจ้องเข้าไปในดวงตาคู่นั้น มองหาสิ่งที่ซ่อนเร้น จะมีอะไรแสดงออกมาให้เห็นหรือไม่นะ



[---]“มะ ไม่ รู้ค่ะ” ปากนั้นบิดเบี้ยวจะเริ่มร้องไห้อีกครั้ง



[---]เป็นไปได้เหรอ ยัยนี่ทำไมดูเหมือนไม่โกหกเลยสักนิด ละครมันช่างสมจริงเสียเหลือเกิน ธนิตาหล่อนจะแกล้งอะไรได้สมจริงสุดๆ พอได้แล้วมั้ง เธอพุ่งมือไปบีบแก้มทั้งสองให้ดวงตาหล่อนจ้องขึ้นมาสบกับเธอได้ชัดๆ



[---]ตาคู่นั้นสั่นระริก ผิดไปจากเดิมที่เคยได้ยินได้ฟังมา หล่อนกำลังร้องขอเธอ สายตานั้นดูอ้อนวอนซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง มันไม่ใช่ธนิตาคนที่ชั่วร้ายเลยสักนิด นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอเริ่มรู้สึกผิด....



[---]ไม่ได้การละ เธอไม่เข้าใจหรอก ว่าทำไมต้องทำแบบนี้ อาจเป็นการฝึกฝนมาอย่างดี หล่อนกำลังหลอกให้เชื่อว่าจำอะไรไม่ได้แนบเนียนจนดูเหมือนคนธรรมดาที่ถูกทำร้าย บางทีการหลอกลวงนี่อาจทำให้หล่อนรอดพ้นจากคำถาม



[---]“ไปเอามีดมาตัดลิ้นมันซะ” เธอสั่งกับลูกน้องคนนึง ในเมื่อไม่อยากพูดก็อย่าพูดตลอดชีวิตเลยละกัน อยากใช้แผนนี้หลอกก็ทำไปเลย อย่าหวังได้พูดอีก แผนพังโกดังสินค้าทางด้านหล่อนไม่สนแล้วก็ได้ มันไม่มีประโยชน์อีกต่อไป เพราะยัยนี่ไม่มีทางพูดหรอก



[---]“อย่าทำฉันเลย ได้โปรด ฉันกลัวแล้ว อย่า....” ธนิตาร้องฟูมฟายเหมือนกับว่าจะถูกตัดลิ้นไปจริง หล่อนยกมือพนมอ้อนวอนเธอแทบเท้า เสียงสะอื้นเจือปนความหวาดกลัว ดวงตานั้นตื่นตระหนก



[---]ชญานิลจิกผมเหยื่อขึ้นมาบีบจมูกได้รูปนั้นให้ปิดจนต้องหายใจทางปาก หล่อนกำลังพยามจะดิ้นรน ซึ่งดิ้นได้หลุดเพราะลูกน้องเธอจับล็อคแขนเอาไว้ทั้งสองข้าง เธอบีบปากนางให้เปิดออก ควงมีดเล่นไปมาอย่างเชื่องช้าแล้วก็ค่อยๆ จ่อลงมาที่ริมฝีปากบาง



[---]ธนิตาหลับตาแน่นเสียงสะอื้นหายไปแล้วเพราะถ้ายังสะอื้นต่อไปก็คงจะหายใจไม่ออก น้ำตานั้นไหลออกมาเต็มดวงตาทั้งสองด้วยความเหนื่อยอ่อน หล่อนหยุดดิ้นและเตรียมรับชะตากรรมโหดร้าย



[---]ชญานิลหัวเราะเบาๆ เป็นจังหวะ ทว่ามันคงดังก้องไปทั่วโสตประสาทของธนิตา เพราะนางยิ่งตัวสั่นขึ้นอีกเท่าทวี เธอเลยเปลี่ยนใจปามีดไปปักอยู่ตรงเสามุมห้องอีกทาง แล้วพยักหน้าให้ลูกน้องปล่อยนางให้เป็นอิสระ แต่ยังก่อน เธอไม่ใช่ว่าจะไม่ทำอะไรเสียทีเดียว แค่ปล่อยให้ได้พักบ้าง เดี๋ยวตายเร็วก็หมดสนุกกันพอดี จริงมั้ย



[---]ทำไมเริ่มรู้สึกถึงความเหี้ยมโหดของตัวเองเช่นนี้หนอ ไม่คิดว่าตัวเองจะร้ายได้ขนาดนี้ หรือว่าลึกๆ แล้วเธอจะชั่วจริงๆ



[---]“ยังจะโกหกว่าไม่รู้อะไรอีกเหรอ อยากมีลิ้นไว้พูดอีกรึป่าว” ชญานิลทิ้งตัวลงนั่งตรงเก้าอี้ตัวเดิม



[---]“ฉันจำไม่ได้ อย่าทำร้ายฉันเลยนะ....” หล่อนยังพูดประโยคซ้ำๆ เธอเลยขัดจังหวะไปด้วยการตบไปอีกที ไม่วายรีบลุกมาเกาะขาเธออย่างขอร้องสุดชีวิต



[---]“จำไม่ได้ก็ไม่ต้องจำ ฉันยังมีเวลามาคุยกับเธออีกหลายวัน” ชญานิลลุกขึ้นยืน สะบัดตัวออกจากการเกาะกุม เตรียมเดินออกไปข้างนอก ทิ้งไว้แต่คนไม่รู้อะไร



[---]“ดะ เดี๋ยว ถ้าฉันทำอะไรไม่ดี ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้จริงๆ” นางคงยังพยามจะเอ่ยคำขอโทษ ทั้งๆ ที่เสียงแหบแห้งจนไม่เหลือน้ำสักหยดในลำคอ สมน้ำหน้าจริง



[---] “เย็นนี้ ฉันหวังว่าจะได้คำตอบที่ดีกว่าไม่รู้อะไรเลย”



[---]เธอหันมามองด้วยสายตาสุดเหยียด หึหึ จะมาขอโทษเอาตอนนี้เหรอ มันไม่สายไปหน่อยรึไง เตรียมรับกรรมแทนคนทั้งตระกูลหล่อนเถอะ....ธนิตา



……………………