หนี ตอนที่12



[---]ก็ไม่อยากบอกให้คุณบีรู้ตอนนี้หรอกว่า....เธอจับใครมาไว้ที่บ้านหินผา นี่ถ้าไม่มีข้อความส่งเข้ามาว่าหล่อนฟื้นแล้ว เธอคงไม่ต้องรีบออกบ้านมาอย่างนี้หรอก



[---]ฟื้นหรือไม่ฟื้นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือนางกำลังอาละวาดอย่างคลุ้มคลั่ง แล้วก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรเพราะเธอสั่งแค่ให้เฝ้าดีๆ อย่าให้หนีไปไหนได้ แต่ถึงพวกนั้นจะพลั้งมือทำร้ายยัยนั่นไป ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ เธอไม่ว่าอะไรหรอก



[---]“ฝากบอกว่าคุณบีด้วย ฉันคงไม่กลับไปที่บ้านสักพัก” เธอสั่งกับแม่บ้านที่เฝ้าอยู่หน้าประตู



[---]ในเมื่อไม่มีอะไรเร่งด่วน ณ เวลานี้ ก็ไม่มีความจะเป็นจะต้องอยู่ที่บ้านใหญ่ อีกอย่างเธอวางแผนจะง้างปากนางมารร้ายสักหน่อย เผื่อหล่อนจะยอมพูดว่าโกดังสินค้าแหล่งใหญ่ของนางอยู่ที่ใด ใครบ้างที่เป็นผู้ร่วมขบวนการ คราวนี้ได้ถอนรากถอนโคนกันแน่ๆ ถึงแม้ถอนไม่ถึงโคน พวกนั้นก็ไม่มีทางได้ลืมตาอ้าปากกันต่อไปอีก



[---]เธอจะใช้วิธีอะไรดีนะ ชักสนุกขึ้นมาแล้วสิ ร้อยวันพันปีไม่เคยเล่นบทโหด ลองดูหน่อยก็ไม่เสียหาย หรือจะส่งนางกลับคืนถิ่นแบบไม่ครบสามสิบสอง



[---]หึหึ แต่ไม่ว่าจะวิธีไหน ช่วยรีบๆ ไปให้ถึงก่อนได้มั้ยเนี่ย ชญานิลเริ่มจะอารมณ์เสียกับสารถี ดูท่าทางไม่ต่างกับคุณบีเลยเวลาขับรถ ติดมันทุกไฟแดง แซงสักคันก็ไม่มี



[---]เฮ้อ อยากจะบ่นเสียจริง แต่ว่าไม่ดีกว่า ไปช้าก็ช้าว้า หลับรอก็ได้ ไม่ได้รีบร้อนขนาดนั้น แล้วอีกอย่าง ที่นั่นก็ไม่น่าพิสมัยสักเท่าไหร่ ราวกับโลกที่ถูกตัดขาด แม้ทำเลจะดีสำหรับที่กบดาน แต่มันช่างห่างไกลคำว่าโลกปัจจุบันเสียจริง



[---]ชญานิลเปิดอ่านข่าวต่างๆ ก็ไม่ยักจะพบว่ามีข่าวการถูกลอบทำร้ายออกมาสักนิด ดูเหมือนว่าจะปกปิดเอาไว้อย่างดี คงกลัวว่าจะส่งผลกระทบยกใหญ่สินะ น่าจะเป็นเดือดเป็นร้อนนอนไม่หลับกันก็คราวนี้ แหม่ๆ อยากเห็นอาการพวกนั้นเสียจริง



[---]สองข้างทางเริ่มมีแต่ต้นไม้รกปกคลุมไปทั่ว ถนนขรุขระลูกรังทำให้ท้องรถสั่นสะเทือนจนชญานิลต้องลืมตาขึ้น ฟ้าจากที่สลัวๆ ก็เริ่มมืดมิดลงเรื่อยๆ คล้ายกับว่าเดินทางผ่านป่าเขามาเป็นวันๆ



[---]เธอเริ่มเหนื่อยอ่อน มองดูเข็มนาฬิกาบอกเวลาว่าล่วงเลยมาแล้วสิบกว่าชั่วโมง และถ้าย้อนกลับไป เธอคงเลือกเอาเฮลิคอปเตอร์บินมามากกว่า แต่ก็อีก ถ้าทำแบบนั้นก็ต้องเป็นที่สังเกต ยอมทนนั่งรถเอาก็ได้



[---]“ถึงแล้วครับคุณหนู” บอร์ดี้การ์ดผู้ควบหน้าที่คนขับรถเอ่ยเบาๆ เป็นการบอกว่ารถมาจอดเทียบท่าหน้าประตูบ้าน



[---]รั้วรอบขอบชิดซึ่งถูกตกแต่งด้วยใบไม้เลื้อย ช่างดูวังเวงอ้างว้างจนทำเอาขนลุกได้หากต้องเดินเข้ามาที่นี่คนเดียว ชญานิลยังรู้สึกกลัวแม้ว่าเธอจะเป็นคนออกแบบที่นี่เองก็เถอะ นี่ฉันมีจินตนาการสยดสยองขนาดนี้เลยรึ เธอแอบสงสัยตัวเอง



[---]“เตรียมน้ำร้อนให้ที” เธอหันไปสั่งแม่บ้าน



[---]อยากนอนแช่สบายๆ ในอ่างอุ่นๆ แหวกว่ายให้คลายความเมื่อยล้าสักหน่อย แต่ลืมไป คงทำได้แต่นอนแช่ เพราะอ่างน้ำที่นี่ไม่ใหญ่เท่าบ้านหลังที่จากมา



[---]โอ๊ยหงุดหงิด ชญานิลเซ็งเล็กๆ เมื่อเดินผ่านห้องรับรองที่มีเสียงของกระทบ มีบางอย่างตกแตก แล้วก็มีลูกน้องเธอบางคนยืนคุมประตูอยู่ด้วยสีหน้าบ่งบอกว่าไม่รู้จะทำยังไงดี พวกนั้นคงขังยัยนั่นไว้ แล้วก็ปล่อยให้อาละวาดไปคนเดียว



[---]“มันฟื้นเมื่อไหร่” เธอยืนถามคนที่คุมอยู่หน้าห้อง



[---]“ตั้งแต่เที่ยงวันครับ” เขาตอบอย่างสุภาพ



[---]คงกำลังเป็นบ้าที่รู้ว่าถูกจับมาที่นี่สินะ ไม่บ้าก็ไม่รู้จะว่ายังไงละ หล่อนไม่น่าเหลือชีวิตดีๆ ให้ได้ใช้อีกต่อไปแล้วล่ะ ฮ่าๆ



[---]ชญานิลเดินตรงไปที่ประตู สั่งให้คนเปิดมันออก แล้วเข้าไปยืนประจันหน้า เอ่อ ไม่เชิงประจันหน้า เพราะหล่อนกำลังเลือกหาบางอย่างอยู่มุมห้อง แล้วปามันมาทางเธอ



……………………



[---]ปึ้ก.... เวรกรรมอะไรของเธอเนี่ย ดันหลบไม่ทัน เครื่องประดับโบราณลอยข้ามห้องมากระทบกับศีรษะจนเธอล้มทั้งยืน มือกุมหัวด้วยความเจ็บปวดกึ่งมึน อะไรวะเนี่ย ใครควรจะเป็นคนเจ็บ ตามที่คิดไว้มันต้องไม่ใช่เธอนี่นา ยัยบ้านี่มันเหยื่อที่ถูกจับมานะ กรี๊ดดดด



[---]สักพักก็มีคนรีบมาพาเธอออกนอกห้อง หมอประจำบ้านซึ่งนานๆ จะขึ้นมาที่นี่ รีบวิ่งมาดูอาการ เขาเอาสำลีซับเลือดซึ่งไหลเป็นทางเข้าหน้าเข้าตาเธอจนแทบอยากจะกรีดร้องขึ้นมาจริงๆ



[---]ตามด้วยยาชา และยาฆ่าเชื้อซึ่งราดไปบริเวณศีรษะเธอจนเปียกชุ่ม ชญานิลหลับตาอยากจะร้องไห้ เธอเหลือบเห็นเข็มกับด้ายอยู่แวบๆ นั่นหมายความว่าหมอจะต้องเย็บแผลบนหัวเธออย่างแน่นอน



[---]แงๆ เกิดมาไม่เคยต้องบาดเจ็บที่หัวเลย สมองจะเสียหมดมั้ย แล้วความฉลาดเธอจะลดลงไปรึป่าว ไม่นะ ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอก็โง่ลงสิ แอร๊ยยยย คิดแล้วปวดหัว เพราะยัยบ้านั่นแท้ๆ



[---]“มัดมันที่ชั้นล่าง เดี๋ยวฉันตามลงไป” ชญานิลออกคำสั่งอย่างร้ายกาจ แรกเริ่มเดิมทีว่าจะเข้าไปคุยด้วยเฉยๆ ก่อน ถ้าไม่ยอมบอกจะค่อยๆ โหด แต่แบบนี้คุยด้วยดีๆ คงไม่ได้



[---]สั่งจบเธอก็ถูกหามลงบนเปล เนื่องด้วยพยามลุกแต่ยังมึนจนไม่อาจจะยืนและทรงตัวได้ตามปกติ เธอถูกนำมาวางไว้บนเตียงนอนห้องของเธอเอง แล้วตามมาด้วยยาเม็ดที่หมอจัดมาวางรอไว้ให้ ย่ำแย่อะไรอย่างนี้ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ตัวประกันทำร้ายคนจับ ยิ่งคิดยิ่งแค้น ยังก่อน ยังทำอะไรไม่ได้ ขอนอนพักนิ่งๆ ให้อาการมึนนี้ลงลดไปบ้าง



[---]เดี๋ยวเถอะแม่ตัวดี หล่อนจะไม่ได้พูดอีกตลอดชีวิต ใช่แล้ว....ตัดลิ้นมันเลย เฮ้ย เดี๋ยวๆ แล้วหล่อนจะบอกที่ซ่อนอะไรต่างๆ ได้ยังไง งั้นก็เอาเป็นควักเครื่องในออกมาทีละชิ้น แล้วใครจะควักล่ะ.... อี๋ ไม่เอาด้วยหรอก....



[---]....คร่อก.... เป็นเพราะความเหนื่อยอ่อนจากการเดินทางยาวนาน ซ้ำยังถูกทำร้ายโดยเหยื่อที่อุตสาห์ไว้ชีวิต ทำให้เธอหลับตาลงอย่างช้าๆ ทิ้งเรื่องต่างๆ ไว้เบื้องหลัง ไว้ค่อยจัดการตอนตื่นก็แล้วกัน



……………………



[---]อีกฟากของความวุ่นวาย.... ไม่จริง เป็นไปได้ยังไง เพื่อนสนิทเธอนัดมาเจอกันวันนี้นี่ แล้วไหงเจ้าหล่อนหายไป ไม่มีทางที่ธนิตาจะลืมนัดที่ให้เอาไว้กับเพื่อนๆ หล่อนแทบจะรอคอยเตรียมชุดน้ำชาที่เอามาจากที่ต่างๆ ทั่วมุมโลกมาเสริฟให้เธอ



[---]วันนี้ไม่ใช่แบบนั้น มันเกิดอะไรขึ้น แม่บ้านบอกว่าธนิตายังไม่กลับจากฮันนีมูน ไม่มีทางหรอก ไม่มีทางเป็นไปได้ ในเมื่อที่เพื่อนเธอเล่า กำหนดการต้องมาถึงบ้านตั้งหลายวันที่แล้ว ส่วนตอนนี้ก็ต้องนั่งคุยกันตามภาษาเพื่อนสนิท



[---]กมลชนกเดินไปรอบๆ บริเวณบ้าน เธอยังไม่ถูกห้าม เพราะคุณหนูของบ้านสั่งให้เพื่อนๆ สามารถสำรวจทุกมุมบ้านได้ตามสบาย แล้วมุมที่เพื่อนเธอชอบมานั่งหลบอยู่ก็ถูกฝุ่นเกาะจนเหมือนไม่มีใครมานั่งเป็นสัปดาห์



[---]กล่องขนมถูกทิ้งร้างไว้ในตู้ แม่บ้านทำตัวเหมือนปกติเวลาที่เธอเดินผ่าน เพียงแต่ไม่ค่อยจะมีใครกล้าสบตาให้เธอได้ตั้งคำถาม คิดว่าคงมีคนสั่งห้ามเอาไว้เป็นแน่



[---]จะเกิดอะไรขึ้นกับธนิตารึป่าวนะ เท่าที่รู้มามันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ถึงความบาดหมางระหว่างอีกตระกูลหนึ่ง ซึ่งเพื่อนเธอไม่เคยจะปริปากเล่า แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่กมลชนกไม่รู้ ไม่มีอะไรที่อยากรู้แล้วไม่ได้รู้ เธอจะตามติด ตามประกบจนได้คำตอบ



[---]เช่นเดียวกันกับเรื่องนี้ ต้องรู้ให้ได้ว่าเพื่อนสนิทคนนี้เป็นตายร้ายดีอย่างไร แล้วจะต้องรู้ให้ได้เร็ววันด้วย



[---]“ฉันกลับก่อนนะ ถ้าคุณธนิตากลับมาเมื่อไหร่ ช่วยบอกด้วยว่าฉันมาหา” เธอหันไปพูดกับแม่บ้าน หล่อนทำหน้าโล่งใจว่าเธอเลือกจะกลับแทนที่จะนั่งรอ แบบนี้ยิ่งน่าสงสัย



[---]กมลชนกขับรถกลับมายังบริษัทซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านเพื่อนนัก เธอกำลังครุ่นคิดว่าจะมีที่ใดบ้างที่ธนิตาไป หรือคนใดบ้างซึ่งเป็นคนสนิท แม้กระทั้งฝั่งเจ้าบ่าวเอง



[---]บางทีเธอก็ยังแอบสงสัย พวกเขาก็เก็บตัวเงียบเช่นกัน ไม่งั้นป่านนี้อาจจะมีข่าวคราวการฮันนีมูนของทั้งคู่ออกมาบ้างแล้ว นี่เล่นหายวับไปโดยไร้ล่องรอย



[---]“อร....ยัยตาติดต่อไปมั้ย” เริ่มถามจากคนใกล้ตัวก่อนก็แล้วกัน บางทีอาจเป็นอรวีที่ธนิตาเลือกติดต่อไป



[---]“ไม่นะ ทำไมเหรอ....รอเดี๋ยวนะ....ไอรดา เธอไปทำมาใหม่ ฉันไม่ชอบแฟ้มสีนี้....” อรวีตอบคำถามเธอแล้วก็บอกให้รอ สักพักก็ได้ยินเสียงหล่อนบ่นอะไรกับเลขาคนใหม่ซึ่งมาแทนมีน เลขาคนก่อนอย่างเต็มตัว และเหมือนอรวีจะวุ่นวายกับแม่เลขานี่ซะเหลือเกิน ทุกอย่างเป็นต้องวกไปข้องเกี่ยวหมด



[---]“มาๆ มีอะไรรึป่าว” อรวีว่างเว้นจากการบ่นก็กลับมาซักถามอย่างเป็นปกติ คิดว่าเพื่อนอรยังไม่รู้ว่าธนิตาหายไปและติดต่อไม่ได้มาหลายวันแล้ว



[---]“อ่อ ไม่มีหรอก แค่ถามเผื่อตาติดต่อมา ถ้ายังไงก็บอกฉันด้วยนะ” เธอพูด แล้วก็ตัดสายไป ยังไม่วายได้ยินเสียงเพื่อนบ่นกับแม่ไอรดานั่นต่อด้วย ชักจะไปกันใหญ่ละ อรวีก็แปลกๆ ไปจากเดิม หล่อนไม่เคยยุ่งหรือจงใจจิกหัวใช้ใครมากมายขนาดนี้ ก็อดแปลกใจอยู่เหมือนกัน



[---]แต่เรื่องนี้ช่างมันเถอะ เธอจะพบธนิตาได้ที่ไหนนั่นสิ ทำไมรู้สึกไม่ค่อยจะดียังไงบอกไม่ถูก วันนี้มันวันอะไรกันเนี่ย ทุกอย่างแปลกๆ ไปหมด ตัวเธอก็อีกร้อนรนไม่ทราบสาเหตุ เหงื่อก็พลันไหลย้อยไปทั่ว ทั้งๆ ที่แอร์ก็ออกจะหนาวเหน็บขนาดนี้



……………………



[---]ก็อกๆ ๆ.... เลขาเธอเอง หล่อนเคาะห้องเรียกเธอเมื่อกี้ตั้งหลายครั้งแล้วล่ะ แต่เธอยังไม่อนุญาตให้เข้ามา สงสัยจะมีงานเข้ามาอีก บริษัทเธอเป็นบริษัททนายชื่อดังซึ่งหลายคนมักมาจ้างวาน



[---]และนอกเหนือจากการจ้างวานให้ทำคดีขึ้นโรงขึ้นศาลจนชนะมานับครั้งไม่ถ้วน เธอยังเปิดรับงานเสริมซึ่งเป็นเบื้องหลังฉากโดยการตามสืบเรื่องราวต่างๆ ให้ผู้ที่มายื่นเงินเสนอ เงินดีใช่เล่นเลย



[---]บางคนถึงกับทุ่มเงินมากมายเพื่อให้ทางเธอตามเก็บหลักฐานฟ้องกันไปมา สนุกสนานไปตามๆ กัน แต่มันก็เป็นเรื่องของพวกเค้า เธอแค่เป็นคนกลาง สืบเสาะหาความจริง ใครทำอะไรก็มักได้อย่างนั้น ถ้าคนเราไม่ผิดจริง หลักฐานที่เธอตามสืบก็ไม่กระจ่างออกมาให้ได้ร้อนรนหรอก



[---]“เข้ามาสิ” เธอเอ่ย ไม่นานก็มีเลขาเดินหน้าตาร้อนรนเข้ามาหา หล่อนตรงเข้ามาช่วยเก็บของบนโต๊ะเธอ คิดว่าเธอคงงานเข้าชั่วคราว กมลชนกก็รีบเก็บเช่นกัน



[---]“คุณนกออกทางด้านหลังชั้นสี่นะคะ ฉันเตรียมทางไว้แล้ว” เลขารู้งานบอกเธอรัวเร็ว นำแฟ้มต่างๆ ใส่กระเป๋ารวดเร็ว คงกะให้เธอเอางานไปทำต่อที่บ้านล่ะสิ



[---]“มานานรึยัง” กมลชนกถาม


[---]“ตอนที่เคาะห้องครั้งแรกค่ะ” เลขาละล่ำละลัก


[---]“ถ้าพวกนั้นมาอีกไม่ต้องเคาะนะ รีบเข้ามาหรือโทรมาได้เลย” เธอสั่งการเป็นที่เรียบร้อยแล้วเดินออกจากประตูทางลับตรงไปยังลานจอดรถโดยไว ก่อนจะไปถึงรถก็ได้สลับรถใช้กับเลขาเป็นที่เรียบร้อย เพราะรถเธอจอดอยู่ชั้นหนึ่ง



[---]สองมือหอบกระเป๋าใส่เอกสารพะรุงพะรัง เดินหน้าตั้งไม่ห่วงสวยรีบตรงเข้าไปในรถทันที เธอสตาร์ทเครื่องยนต์ตั้งหลายทีกว่าจะติด พลางคิดว่าจะถูกเจอก็เพราะรถแม่เลขาเธอนี่แหละ



[---]อะไรกัน ไม่ยอมเอาไปซ่อมเล้ย บอกไปแล้วกี่ครั้งว่าทำเครื่องยนต์ให้พร้อมใช้งานด้วย รีบๆ ขึ้นมาแบบนี้จะเสียโอกาสทองในการหนีพอดี



[---]แต๊กๆ ๆ บรื้น เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มเป็นที่น่าพอใจ กมลชนกรีบหมุนรถให้ถอยออกจากซอง แล้วมุ่งหน้าตรงไปยังทางออกอีกทาง เธอลุ้นว่าจะผ่านทุกทางไปได้หรือไม่ และมันก็ผ่านไปได้อย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำเอาใจหายใจคว่ำ



[---]หัวใจเต้นตึกๆ ตักๆ ทั้งจากการวิ่งและจากการลุ้น อย่างนี้ต้องวางแผนใหม่เสียแล้ว เธอจะเข้าบริษัทเป็นเวลาไม่ได้ อีกทั้งยังไม่ควรเข้าไปนั่งแช่นานๆ สิ่งที่ควรทำอีกอย่างก็คือการทำงานที่บ้าน ไม่ก็ย้ายที่ตั้งบริษัทซะเลยดีมั้ย



[---]จนหัวใจหยุดเต้นลง เอ้ย จนหัวใจเต้นช้าลงเป็นจังหวะที่ปกตินั่นแหละ สติก็เข้ามาแทนที่ความตกใจ การย้ายที่ตั้งบริษัทเป็นเรื่องที่ทำยากและยุ่งยากจนเกินไป สิ่งที่ทำได้ก็คือตัวเธอเอง ย้ายตัวเองไปมายังง่ายกว่าย้ายบริษัทและคนทั้งหมดไปไว้ในที่ใหม่



[---]ก็แล้วทำไมเธอต้องมายุ่งยากอะไรแบบนี้เพราะคนๆ เดียวด้วย บางครั้งเธอเองก็อยากจะขอทางเพื่อนสนิทอย่างธนิตาให้ยื่นมือเข้ามาช่วย หล่อนคงเต็มใจช่วยทันทีที่เอ่ยปาก แต่เมื่อคิดดูกับผลระยะยาวแล้ว มันได้ไม่คุ้มเสีย การประกาศตัวเป็นศัตรู นั่นหมายความว่าเธอต้องยอมเสียโอกาสทางธุรกิจ และความปลอดภัยของคนทั้งหมดที่ร่วมงานก็คงจะน้อยลง



[---]ความเป็นกลางทำให้งานเธอราบรื่น อย่างที่ธนิตาเคยบอกไว้ ว่าเพื่อนยังไงก็คือเพื่อน ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศว่าเราเป็นเพื่อนกัน หล่อนพูดเตือนทั้งเธอ มาริสา และอรวีอยู่เสมอ ว่าการรู้จักกับหล่อนมีทั้งผลดีและผลเสีย



[---]และแน่นอน ทุกคนเลือกผลดี ไม่มีใครเลือกผลเสียหรอก พวกเราสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก และจะเป็นอย่างนั้นต่อไป โดยไม่มีใครล่วงรู้ถึงสายสัมพันธ์นี้ จะมีก็แต่ครอบครัวของพวกเราเท่านั้น



[---]ทางครอบครัวเธอเอง ไม่ได้ยิ่งใหญ่มากเท่ากับบ้านธนิตาหรอก บริษัทที่ทำขึ้นมาก็ไม่ได้ยักษ์ใหญ่จนจะเอาไปคานอำนาจกับอะไรได้ แต่ก็ถือว่ามีดีในระดับหนึ่ง อรวีก็เช่นกัน



[---]เธอกับอรวีมารู้จักกับธนิตาหลังสุด เป็นเรื่องบังเอิญที่ครอบครัวธนิตามาติดต่องานกับพ่ออรวี และทางพ่อหรือแม่เธอนี่แหละ จนทำให้เด็กๆ ได้มาเจอและเป็นเพื่อนกันในที่สุด ส่วนมาริสาผู้แสนเงียบขรึมและเก็บตัว ก็ถูกดึงออกมาจากห้องเก็บยาบ้านธนิตา



[---]มาริสามักจะไปหลบอยู่ที่นั่นเวลาที่พ่อหล่อนเข้ามารักษาคนเจ็บในบ้านของธนิตา ไม่มีใครสนใจเด็กๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่เงียบๆ ทุกคนไม่ยุ่งและไม่ก้าวก่าย ยิ่งโดยเฉพาะกับเพื่อนสนิทของคุณหนู



[---]เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ ว่าแต่เธอผ่านพ้นรถสีดำพวกนั้นออกมาได้อย่างสบายใจ เป็นรอบที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ แต่ครั้งนี้หวุดหวิดเสียเหลือเกิน....



[---]กมลชนกว่าจะตรงกลับบ้านของเธอแต่ก็คิดขึ้นมาได้ว่าวันนี้ควรเปลี่ยนเส้นทางเสียหน่อย เธอจึงเลี้ยวซ้าย ท้ายซอยข้างหน้า มุ่งหน้าไปทางคอนโดของอรวี ไปค้างกับเพื่อนอรสักหน่อย เผื่อจะได้ช่วยกันคิดว่าจะตามหาธนิตายังไง ส่วนเรื่องที่พึ่งพ้นมาได้ก็ช่างมันเถอะ ถึงแม้จะเจอจังๆ เธอก็คงหาทางเลี่ยงออกมาได้สำเร็จทุกครั้งไป....



……………………