หนี ตอนที่11



[---]เกือบแล้ว เกือบจะตื่นเต้นแล้ว เพียงแต่มันเป็นความตื่นเต้นที่เฉื่อยชา เป็นความเคยชินจนไม่มีอะไรจะทำให้หัวใจเต้นมากไปกว่าปกติอย่างที่มันควรจะเป็นได้ แม้จะไม่มีคุณบีตามมาด้วยอย่างทุกครั้ง เธอก็พร้อมที่จะเผชิญความเดียวดายนี้ด้วยความเคยชิน



[---]ชญานิลนั่งลงหัวโต๊ะ ที่ซึ่งเคยเป็นของพ่อ แต่ตอนนี้เธอต้องประจำแทนชั่วคราว เพราะภารกิจซึ่งทำให้คนทั้งตระกูลไม่อาจจะว่างได้เสมอไป เธอมองไปรอบๆ ห้อง ส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่ให้ความสนใจ พวกเขาคงคิดว่าเธอเป็นแค่เด็กรุ่นหลัง ไม่มีสิทธิ์เสียงจะมาบ่งการอะไรเขาได้ เว้นเพียงแต่ผู้นำของกลุ่มจะสั่งเท่านั้น ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินเข้าห้องประชุมให้เสียเวลาหรอก



[---]นี่แหละที่น่าเบื่อ สักวันเธอจะปลดพวกไม้แก่ดัดยากออกเสียบ้าง มันน่ารำคาญที่พวกนี้หยิ่งจองหองจนไม่รับฟังคำสั่งใคร บางทีแผนก็ต้องปรับเปลี่ยนบ่อยครั้ง เพราะคนพวกนี้ไม่ทำตาม งานใหญ่งานเล็กมีอันต้องล้าหลัง ยิ่งอะไรสำคัญๆ มันก็ยิ่งน่าหงุดหงิด



[---]คงไม่ใช่วันนี้ เพราะเธอมาพบปะคนพวกนี้อย่างสบายอารมณ์ แค่บอกกล่าวความสุขแก่เหล่าพันธมิตรเท่านั้น แล้วให้พวกเค้าประเมินความเป็นไปในการควบคุมกิจการเอาเอง ไม่ว่ายังไง มันก็ดีขึ้นกว่าเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วล่ะนะ



[---]“เปิดการประชุม” เธอพูดเรียบๆ รอให้ทุกคนพร้อมที่จะฟัง ถ้ายังมีใครที่จะกระซิบกระซาบ ก็ยังไม่เริ่มเอ่ยอันใด นี่เป็นการดัดนิสัยคนส่วนน้อยได้พอสมควร เพราะเมื่อที่ประชุมเริ่มเงียบลงแล้ว เสียงหึ่งๆ ของแมลงวันเพียงไม่กี่ตัวก็จะถูกสังเกตได้โดยง่าย พวกเขาจึงต้องรีบหุบปากลงทันที



[---]ความเงียบเข้าครอบงำไปทั่วบริเวณ สายตาทุกคนจับจ้องมาอย่างรอคอย ชญานิลแอบยิ้มอยู่ภายในใจ ยังไม่ยอมพูดอะไรแต่มองตรงไปที่แต่ละคนอย่างช้าๆ หากเป็นเมื่อก่อนพวกเขาคงจะกลัวลนลาน แต่เป็นตอนนี้เลยไม่รู้สึกอะไรมาก เพราะระบบมันได้เปลี่ยนไป โลกเจริญแล้ว ใครจะมาทำตัวเป็นมาเฟียบงการกิจการกว้างใหญ่ได้ตลอดไปล่ะ สาขาเหล่านี้มีมากเหลือเกิน เธอต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามการควบคุมของคนอื่นบ้าง และผลักดันให้สิ่งชั่วร้ายกลายเป็นความถูกต้อง



[---]เริ่มมาตั้งแต่รุ่นพ่อเธอแล้วล่ะ คอยกุมบังเหียนให้สิ่งเหล่านี้เปลี่ยนแปลง จนมาตัวเธอ ก็อยากเปลี่ยนให้มันสำเร็จให้ได้ อาจจะต้องยอมแลกกับเม็ดเงินอันมหาศาลที่ลดน้อยถอยลงไปบ้าง ช่างมันเถอะ ทุกวันนี้เธอก็ไม่สนใจสิ่งเหล่านั้น เพราะแม้จะเลิกกิจการเหล่านี้ ทั้งครอบครัวและผู้ติดตามทั้งหมดก็มีกินเป็นสิบๆ ชาติได้สบายๆ จะต้องดิ้นรนหาเพิ่มไปไย



[---]“เข้าเรื่องเลย ฉันจะมาแจ้งกับทุกคนว่าเริ่มกิจการต่างๆ ได้ตามปกติ จากข่าววงในที่ทุกคนคงทราบกันดี ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาลอบทำร้าย ก่อกวนได้ไปอีกนาน....” เธอพูดจบก็มีเสียงแทรกถามขึ้นมาเป็นระยะ ส่วนใหญ่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่พวกเขารอคอย แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นอีก



[---]เธอก็ตอบไปเท่าที่ตอบได้ แม้ไม่ได้ลงลึกถึงความแน่ชัดของเนื้อเรื่องทั้งหมดของแผนการ ทุกคนในที่นี้ก็เข้าใจเป็นอย่างดีว่าอีกตระกูลนั้นถูกกำราบลงไปได้ชั่วคราว



[---]ไม่ว่าจะเป็นทางเสี่ยใหญ่ที่ลงมือ หรือทางเธอเองก็ไม่มีความหมายอะไร ขอเพียงมันได้ผลสำเร็จ พวกนี้ก็พอใจที่จะร่วมมือกับทางเธอต่อ



[---]และเรื่องหนึ่งที่เธอได้ประโยชน์เต็มๆ จากผลพลอยได้ของการเชื่อนภัสสร ก็คือการที่จับเอานางมารร้ายกลับมาด้วย เพราะเหมือนทางนั้นจะงงงวย พยามสืบค้นไปทั่วว่าทางไหนกันแน่ที่จับเอาตัวคนสำคัญไป เสี่ยใหญ่คงนิ่งเงียบเช่นกัน รวมถึงเธอด้วยที่ไม่แพร่ข่าวออกไปว่าหล่อนอยู่ที่ใด ไม่ยอมรับด้วยว่าเป็นคนอยู่เบื้องหลัง



[---]นั่นแหละ ทำให้ศัตรูตัวฉกาจไม่กล้าลงมือทำอะไร เพราะยังไม่แน่ใจว่าคนที่ถูกจับมาจะเป็น หรือตาย ยิ่งถ้ารู้ว่าสมบูรณ์ครบสามสิบสองประการแล้ว ยิ่งไม่กล้าเสี่ยงจะลงมือทำอะไรฝั่งเธอเป็นแน่



[---]การประชุมถูกยืดเยื้อเวลาไปไม่นาน ก็ถูกปิดลงอย่างง่ายดาย แต่มีเรื่องหนึ่งที่เธอยังต้องดำเนินการต่อ นั่นก็คือการพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับผู้ร่วมลงทุนที่ยอมจ่ายเงินเดิมพันในครั้งนี้มากที่สุด จะเป็นใครไปไม่ได้ หล่อนคือคนที่ไม่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้นั่นเอง



[---]ดาริน.... ว่าแต่นางหายไปไหนไม่ทราบ ยิ่งเป็นข่าวดีต่อเงินก้อนมหึมาของนางแล้ว นางจะพลาดไปได้อย่างไร ชญานิลมองรายชื่อผู้เข้าร่วมประชุม ทุกคนมากันอย่างพร้อมเพรียง ขาดก็เพียงตัวแม่ของผู้ลงทุนนี่แหละ



[---]ก็ไม่น่าใช่ปัญหาใหญ่อะไร ไปหานางถึงที่บ้านเลยก็ได้ ถือว่าเป็นการตอบแทน ที่ไม่ย้ายเงินจำนวนมากถอนทุนออกไปเสียก่อน และทางพ่อเธอเองก็มีข้อความสำคัญฝากถึงทางคุณดารินนี่ด้วย



[---]คิดว่าที่พ่อกับชานัทต้องลงทุนไปต่างจังหวัดแรมอาทิตย์ๆ ก็เพราะส่วนหนึ่งมาจากการเร่งรัดของยัยดารินนี่แหละ หล่อนต้องการพื้นที่จำนวนมากในการลงทุนทำอะไรสักอย่าง



[---]แต่มันติดปัญหาอยู่ตรงที่ชาวบ้านไม่ปล่อยขายที่ดินง่ายๆ เธอจึงต้องเอารายงานความคืบหน้าที่ทางพ่อส่งมา ยื่นให้กับดารินด้วยตัวเอง แล้วจะยื่นยังไงถ้าไม่ไปที่บ้านหล่อน



[---]ห่างจากนี่ประมาณห้าสิบนาที บ้านดารินนี่ก็ไกลพอสมควรเลยล่ะ สร้างความขี้เกียจเล็กๆ ให้เธอ ทำไมอยู่ดีดีก็หายไปไม่มีปี่มีขลุ่ย อย่างน้อยก็น่าจะส่งใครเข้ามาร่วมประชุมแทน มันก็ทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่าหล่อนจะเกิดปัญหาอะไรรึป่าว จะมีใครจับ หรือฆ่าทิ้งไปแล้ว



[---]โอย ยิ่งคิดยิ่งเลวร้าย ไม่ได้ห่วงอะไรมากมายนักหรอก แต่หากตายไป หรือแม้กระทั้งหายไป มันคงเป็นผลร้ายต่อทางเธอแน่ๆ แล้วเครื่องมือสื่อสารทั้งหมด ที่คิดว่าจะติดต่อคุณดารินได้ก็ถูกลิดรอนไปจนหมด เพราะคำว่ากรุณาฝากข้อความ....



……………………



[---]ชญานิลขับมินิคาร์คันน้อย ออกไปอย่างไม่รีบมากเท่ากับที่ใจนึกจะทำเท่าไหร่ เพราะแวบนึง เธอนึกถึงคุณบี หล่อนคงไม่อยากให้เธอเร่งเครื่องยนต์จนดูน่าหวาดเสียวสักเท่าไหร่ ถ้าคุณบีนั่งมาด้วยคงจะแอบยิ้มดีใจอยู่ไม่น้อย และตอนนี้เธอก็ยิ้มด้วยเช่นกัน ไม่เพียงแต่ยินดีกับสิ่งที่ตนทำ หากยังยินดีถึงความปลอดภัยด้วย



[---]คนติดตามเธอมีเพียงแค่คนเดียว เขานั่งติดรถมาด้วยเงียบๆ ซึ่งก็เป็นการดี ต่างจากทุกครั้งที่ต้องระดมรถตามมาเป็นขบวนเพียงแค่จะไปที่ไหนไม่ไกล ทว่าตอนนี้มันต่างกันอย่างสิ้นเชิง มาตรการรักษาความปลอดภัยหายไปชั่วคราวระหว่างที่ศัตรูกำลังวุ่นวายตามเก็บซากศพความเสียหายที่เกิดจากความประมาทของพวกมันเอง



[---]ช่วยไม่ได้ที่ไม่รอบคอบ เป็นเธอจัดงานใหญ่ขนาดนั้นจะไม่ออกจากบ้านเด็ดขาด แม้จะคอยมีคนคุมกันเป็นสิบเป็นร้อย ทว่าการอยู่ในงาน มันหมายถึงความปลอดภัยที่เกินร้อยอยู่แล้ว



[---]พวกที่มาร่วมงาน ย่อมพาคนติดตามมาด้วย อีกทั้งสมุนทั้งหลายทั้งแหล่ก็ป้วนเปี้ยนอยู่ในบ้าน ออกมาให้โดนเก็บทำไมกัน เพียงแค่เรือนหอกลางเขา ไปวันอื่นก็ไม่เสียหายนี่



[---]อ่อ เกือบลืมไป คงเป็นเพราะคำว่าความรักสินะ คำนี้มันไม่เห็นจะมีค่าเลย ถ้ามันจะนำพาไปสู่ความตาย ใครล่ะจะโง่เสี่ยงตาย เธอไม่เอาด้วยคนนึงล่ะ เพียงเพราะความรักที่ทำให้พวกนั้นพลาด อยากออกมาดื่มด่ำกับการดื่มน้ำผึ้งใต้พระจันทร์บนบ้านพักตากอากาศที่สรรสร้างขึ้นมาใหม่ตามที่แหล่งข่าวเธอรายงานมา หึหึ



[---]ยังไม่ทันจะได้ดื่มน้ำผึ้งสักหยด ก็ไปเฝ้ามัจจุราช สังเวยกับความรักเสียเลย สมน้ำหน้าดีแท้ ไม่มีส่วนไหนในจิตใต้สำนึกเธอที่จะสงสาร เพราะสิ่งที่พวกนั้นทำ แค่นี้ยังได้รับกลับไปไม่สาสมใจเธอเลย



……………………



[---]ประตูรั้วอัตโนมัติสีทองคำบานใหญ่เลื่อนเปิดอย่างช้าๆ เมื่อขับรถผ่านเข้าไปจะพบกับยามรักษาความปลอดภัยอยู่จำนวนหนึ่ง พวกนั้นอยู่ในป้อมติดแอร์ และใหญ่พอๆ กับห้องพักสบายๆ ห้องหนึ่งเลยทีเดียว คฤหาสน์ขนาดย่อมใจกลางเมือง จะเป็นของใครไปไม่ได้....



[---]ดาริน ลูกสาวเพียงคนเดียวของบ้านหลังนี้ ทุกอย่างถูกโอนและยกเป็นชื่อหล่อนหมดเลย หญิงสาวซึ่งครอบครองอภิมหาสมบัติ ตอนนี้หล่อนหายหัวไปอยู่ที่ไหนมิอาจทราบได้ เธออุตส่าห์จะมารายงานเรื่องเงินๆ ทองๆ หล่อนไม่น่าจะลืมเรื่องสำคัญเช่นนี้



[---]ทันทีที่ก้าวลงรถ ก็มีแม่บ้านยืนเรียงรายต้อนรับขับสู้ราวกับเธอเป็นอาคันตุกะคนสำคัญ คนแรกรับกุญแจจากเธอไปส่งต่อให้เด็กผู้ชายใส่สูทผูกไทด์อย่างกับอยู่ในงานเลี้ยงใหญ่โต แม่บ้านอีกคนรีบทำหน้าที่เดินนำเธอกับลูกน้องไปส่งยังห้องรับแขก



[---]ใช้ได้นี่ ห้องรับรองของยัยดาริน ว่าแต่ทำไมถึงไม่รีบไปตามนางมาพบกันเล่า ให้เข้ามารอ แต่คนที่ต้องการพบไม่เรียกมา แบบนี้จะมานั่งรอให้เสียเวลาทำไม



[---]“ฉันมาพบคุณดาริน” เธอบอกกับแม่บ้าน ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟา โดยมีลูกน้องยืนรออยู่ข้างๆ



[---]“คุณดารินออกไปแต่เช้าค่ะ สั่งว่าถ้ามีอะไรให้เรียนกับคุณท่านได้เลย” แม่บ้านตอบกลับ



[---]เมื่อประโยคสนทนาจบลงได้ไม่นาน คุณท่านที่ว่านี่คงจะเป็นแม่ของดาริน หล่อนปรากฏตัวขึ้นมาอย่างเงียบๆ ทำเอาเธอสะดุ้งไปด้วย มาไม่ให้สุ้มให้เสียง



[---]“มีธุระอะไรกับลูกฉันเหรอจ๊ะ” คุณแม่ผู้ซึ่งต่างกันลิบลับกับคุณลูก เอ่ยด้วยน้ำเสียงไพเราะ ไม่มีความหยิ่งจองหองผสมเจือปนมาด้วยสักนิด ไม่ว่านางจะเสแสร้งแกล้งทำหรือไม่ แต่นางก็ดูน่าคบหาสมาคมมากว่าลูกของนางเป็นไหนๆ



[---]ชญานิลลุกขึ้นยืนไหว้งามๆ แล้วนั่งลงตอนเจ้าของบ้านรับไหว้โบกมือเป็นเชิงว่านั่งลงเถอะ



[---]“นี่เป็นรายงานการประชุมค่ะ ถ้ายังไงรบกวนให้คุณดารินยืนยันการดำเนินการอีกครั้ง” เธอยื่นเอกสารสำคัญให้ทางคุณแม่ไปตรวจสอบ หล่อนก็ไม่อาจทำอะไรได้เพราะลายเซ็นต์ต้องมาจากลูกหล่อน แล้วยัยดารินก็พิธีรีตองล้นเหลือ หวัดลายเซ็นต์จนยากเกินจะปลอมแปลง ยังไม่พอต้องมีลายประทับแกะสลักวิจิตรบรรจงที่หล่อนเก็บเอาไว้แต่เพียงผู้เดียวด้วย



[---]“หนูช่วยเลื่อนไปก่อนได้ไหมจ๊ะ ลูกฉันคงยังไม่กลับบ้านอีกนานพอสมควร” หล่อนกล่าวอย่างผิดหวังที่ต้องให้เธอรอคอย



[---]“คุณดารินไปที่ไหนเหรอคะ” ถ้าตามได้คงตามไปเลยล่ะ ที่ไหนก็ขอให้บอก งานติดขัดนะแบบนี้ จะหายตัวไป ดันไม่เตรียมงานให้คนเบื้องหลังได้รับรู้



[---]“ดารินไม่ได้บอกไว้นะ ถ้าดารินติดต่อกลับมาฉันจะบอกเธอนะ” คุณแม่ผู้ใจดี เชิญชวนเธอทานขนมซึ่งจัดมาต้อนรับเป็นอย่างดี ทำเอาปฏิเสธได้ยากนัก ไม่เป็นมิตรกับแม่ดาริน ก็เท่ากับว่าไม่เป็นมิตรกับดาริน เธอคงไม่อยากขัดใจท่านสักเท่าไหร่หรอก



[---]ชญานิลจำเป็นได้นั่งคุยอีกยาวเป็นการถามไถ่เรื่องต่างๆ นางสงสัยว่าเธอสนิทกับดารินแค่ไหน ลูกสาวนางมีเพื่อนบ้างรึป่าวก็ไม่รู้ เธอรึจะไปสนิทสนมกับคนอีโก้จัดขนาดนั้น ก็ได้แต่ตอบเลี่ยงๆ ว่าเป็นเพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น



[---]ช่างน่าเสียดาย ดารินมีแม่ที่น่ารักขนาดนี้ นิสัยเหล่านี้ไม่ติดตัวมาบ้างรึยังไงนะ ถ้าแม้จะเล็ดลอดหลุดติดมาสักนิด ป่านนี้เธออาจจะเข้าถึงความสนิทสนมเหล่านั้นก็ได้ เป็นเพื่อนกับหล่อนไว้ก็ไม่เสียหาย ทั้งยังจะเป็นประโยชน์ร่วมกันอีกเยอะ



[---]“ขอบพระคุณค่ะ” ชญานิลจำต้องรับขนมซึ่งถูกห่อเตรียมไว้เป็นอย่างดีกลับมาด้วย ปกติเธอจะไม่รู้สึกเกรงใจเท่านี้มาก่อน แต่เมื่อเจอผู้หญิงคนนี้ กลับรู้สึกอบอุ่น มีความสุข จนบางทียังแอบอิจฉาดาริน ถ้าแม่เธอยังอยู่ป่านนี้เธอคงจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวขนาดนี้ ใครไหนเลยจะเห็นน้ำตาหยดนี้ ชญานิลรีบปาดทิ้งก่อนขึ้นนั่งบนรถ



……………………



[---]ชญานิลแวะซื้อสารพัดอาหารกลับไป เผื่อว่าคุณบีจะเบื่ออาหารจากเชฟประจำบ้าน เธอเดาไม่ถูกว่าคนป่วยซึ่งหายดีได้ไม่นานอยากกินอะไร ก็เลยกวาดเอาทุกสิ่งที่มี สั่งมันทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นผัดกระเพรายันเทมปุระ



[---]“เยอะเชียว” คุณบีกำลังเลือกอาหารที่กองอยู่ตรงหน้า เหมือนจะกินอย่างละนิด ให้เห็นว่าทุกอย่างที่เธอเลือกอร่อยหมดนะ



[---]“ดารินไม่ได้เข้าประชุม ฉันเลยไปบ้านดารินมา” เธอบอกขณะนั่งลงข้างๆ โต๊ะ แกะเมนูพิเศษของตัวเองออกมามองอย่างพึงพอใจ คีบเข้าปากหนึ่งคำ จากนั้นก็ส่งยิ้มให้คุณบี



[---]“ไม่เจอใช่มั้ยล่ะ” คุณบีทำเหมือนกับว่าตามเธอไปด้วยอย่างนั้นแหละ อะไรจะตาทิพย์ขนาดนั้น



[---]“รู้ได้ยังไง” กลืนข้าวแทบไม่ทัน เกือบติดคอไปแล้วมั้ยล่ะ



[---]“นิลเอ๋ย ไม่ดูข่าวบันเทิงเลยล่ะสิ” พี่สาวคนสนิทเรียกแบบนี้ทำเอาเขินไปเลย ชญานิลก้มหน้าลงกินอาหารต่อไม่มองขึ้นมาสบตา พักหลังมานี่ คุณบีมักจะเรียกเธอแบบนี้ตอนอยู่กันสองคน หล่อนส่งสายตาแห่งความเมตตามาที่เธอมากขึ้นกว่าเดิมด้วย



[---]“ทำไมเหรอ” เธอทำทีเป็นให้ความสนใจกับน้ำดื่มเย็นๆ แก้วนั้น แทนการมองหน้าคู่สนทนา



[---]“อยากรู้มั้ย” คุณบีถามอะไรเนี่ย ถ้าไม่อยากรู้จะถามทำไมคะ



[---]“เอ้า ก็บอกมาสิ” เธอจ้องหน้าหล่อนหมายจะต่อว่า แต่กลับเจอเข้ากับใบหน้าเจ้าเล่ห์ ทำเอากลืนข้าวแทบไม่ลง แววตาท่าทางแบบนี้ ช่างไม่ต่างจากสมัยเด็กที่หล่อนมักจะแหย่เธอตอนที่ไม่มีผู้ใหญ่อยู่แถวนั้น นี่จะแกล้งอะไรกันอีกมิทราบคะ



[---]“ยิ้มหวานให้ดูก่อน” คุณบีออกคำสั่ง ก็น้องสาวคนนี้ชอบทำตัวเครียดอยู่ตลอด ไม่รู้อะไรเปลี่ยนชญานิลไปได้ขนาดนี้ บังคับให้ยิ้มสักหน่อย จะได้ลืมเรื่องที่ต้องคิดลงไปได้บ้าง อย่าเรียกว่าสั่งเลย เรียกว่าบังคับดีกว่า ดูสิ ทำหน้าไม่พอใจใหญ่แล้ว



[---]“....” ชญานิลย่นจมูก คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันเมื่อเจอคำสั่งจากพี่สาวที่นั่งอยู่บนเตียงคนป่วย อยากจะยิ้ม แต่ทำไม๊ทำไม ไอ้อาการตงิดๆ ในหัวใจนี้มันสั่งให้ทำหน้ามุ่ย



[---]“ไม่ต้องเขินเลยนะ ยิ้มเดี๋ยวนี้” คุณบีจัดแจงวางอาหารของหล่อนลง หันมาหยิกแก้มทั้งสองข้างของเธอขึ้นให้ดูเหมือนรอยยิ้มปรากฏให้เห็น



[---]เอิ่ม ช่างบังคับเสียจริง ทำเอาเธอหัวเราะออกมาจนได้ นี่คงเป็นเสียงหัวเราะครั้งแรกในรอบวันเลยทีเดียว คุณบีนะคุณบี คนอุตส่าห์เก็ก มันน่านักเชียว



[---]“ยิ้มแล้ว เล่ามาเลย” เธอทำแก้มป่องอย่างคนถูกบังคับ



[---]“จ้ะๆ เล่าก็เล่า เรื่องก็มีอยู่ว่า....” แล้วคุณบีก็เริ่มเรื่องซึ่งเธอไม่เคยจะรู้มาก่อนเกี่ยวกับดาริน หรือบางทีอาจจะเคยผ่านตา แต่ไม่ได้สนใจขนาดนั้น ก็ประวัติคนร่วมทุนมีตั้งมากมาย จะมานั่งท่องรายละเอียดให้ครบทุกคน ใครมันจะมาจำได้



[---]ดาริน....ผู้ซึ่งขาดรักแท้ หล่อนตามหาเจ้าชายในฝันมาแสนนาน จนบางครั้งถึงกับต้องหนีไปเช็ดน้ำตาที่ต่างประเทศ เป็นอันรู้กันว่าจะไม่มีใครสามารถตามหาหล่อนได้พบ แม้กระทั่งคนในครอบครัว



[---]ล่าสุดนี่คงโดนนายกวินบอกเลิก จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าดารินมาร่วมมือกับเธอ แทนที่จะเลือกฝั่งนั้น ทำให้ต้องถูกทิ้งอย่างช่วยมิได้



[---]แล้วจะเกี่ยวกันหรือเปล่านี่ ก็น่าจะมีส่วนเกี่ยวล่ะน๊า โถๆ เกือบจะสงสารแล้วเชียว แต่อย่างน้อยก็ดีใจกับยัยดารินด้วยละกันที่ไม่ต้องดองญาติกับตระกูลชั่วร้ายนั่น



[---]ส่วนจะอีกนานแค่ไหนที่ยัยดารินจะกลับมาก็ไม่มีใครรู้ได้ จากสถิติที่เคยบันทึกไว้โดยประเมินจากการอกหักครั้งก่อนๆ ของเจ้าหล่อน นานสุดคงเป็นครึ่งปีกว่า แต่ระยะสั้นนี่ก็สามสัปดาห์ และที่ต้องรีบกลับจากการพักฟื้นหัวใจก็เพื่อมาเซ็นต์รับผลประโยชน์สามพันล้าน ครั้งนั้นหล่อนหายเศร้าในพริบตา อีกทั้งยังมีหนุ่มมากมายมาต่อแถวให้เลือก จนมาเลือกเอานายคนนี้เข้า สุดท้ายก็เลิกรากันไป



[---]ชักอยากจะรู้ ดารินไปไหน และทำอะไร ไม่น่าเชื่อเสียจริง สมบูรณ์แบบขนาดนั้น ยังต้องมีเรื่องให้ทุกข์ใจ



[---]“ทีนี้รู้รึยัง ทำไมไปไม่เจอดาริน” คุณบีถามเธอ



[---]“ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ ดารินหายไปเพราะเหตุผลแบบนี้ ว่าแต่พี่....เอ่อ คุณบีรู้ได้ยังไงว่าดารินอกหัก” เธอยังสงสัย คนป่วยยังไม่หายดีขนาดที่จะลุกไปไหนได้ไกล กลับรู้ดีกว่าเธอซึ่งไปไหนมาไหนก็ได้ตามที่อยากจะไป



[---]“นี่ไงคะ ข่าวเมื่อเช้านี้เอง” หล่อนชี้ไปที่ทีวีจอใหญ่ปลายเตียง



[---]“ค่ะ” โอ้ว คุณบีนอนดูทีวีแก้เบื่อหรือนี่ ไม่นึกว่าจะดูช่องบันเทิง ทุกทีเห็นตามแต่ข่าวสารซะมากกว่า



[---]ตี๊ดด!!!! แล้วก็มีบางอย่างขัดจังหวะการกิน ชญานิลหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาดูข้อความลับ เธอเป็นคนบอกเองว่าให้ส่งมาเมื่อมีเรื่องจำเป็น



[---]“อะไรคะ” พี่สาวหันมามองตาม



[---]“งานเข้านิดหน่อยค่ะ เดี๋ยวขอตัวก่อนนะ” เธอรวบช้อนส้อมวางลง โดยที่คุณบีเพียงแค่พยักหน้าตอบกลับเท่านั้น



[---]เป็นอันรู้กันว่ามีคำสั่งจากทางคุณชาญ หรือโค้ดลับบางอย่างซึ่งถูกส่งมาให้ไปยังที่ต่างๆ เร่งด่วน หรืออาจไม่เร่งด่วนก็ตามแต่ นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเธอกับคุณบีล่ะนะ



[---]ถ้าหล่อนหายดีคงตามเธอไปด้วยทุกที แวบหนึ่งชญานิลแอบเห็นคุณบีซึมไปหน่อย คงเพราะไม่ได้ตามเธอไปด้วย



[---]“งานนิดหน่อยน่ะ เดี๋ยวเสร็จงานแล้วจะมากินข้าวด้วยบ่อยๆ” เธอพูดเอาใจคุณบี ก็ได้ผล เพราะรอยยิ้มนั้นประดับบนใบหน้าพี่สาวคนนี้ในทันที



[---]ก็แปลกนะ ที่คุณบีจะแสดงอารมณ์มากขึ้น ไม่ว่าจะดีใจ เสียใจ หรือไม่พอใจอะไร ซึ่งทุกครั้งมันจะไม่เป็นแบบนี้ หล่อนจะเก็บความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้กับตัวอย่างเป็นมืออาชีพบนใบหน้าเฉยชานั่น และทุกย่างก้าวที่รวดเร็วของหล่อนก็สร้างความกดดันเล็กๆ ให้เธอเสมอ ไม่ว่าจะต้องเรียนรู้ให้รวดเร็ว คิดให้ทัน ตามเกมต่างๆ ให้ได้ แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณบีหนอ



[---]ชนานิลเดาว่าอาจจะ หรือเป็นไปได้ที่จะ ไม่สิ มันเป็นไปแล้วต่างหาก คุณบีผ่านความตายมาได้ครั้งหนึ่ง คงไม่มีอะไรต้องหวาดหวั่นอีกต่อไป



[---]คนเราจะหายใจไปได้อีกกี่ล้านนาทีกัน ทำไมจะต้องทนกับความอึดอัดด้วย สู้แสดงมันออกมาเลยไม่ดีกว่ารึ ถ้าการแสดงเหล่านั้นไม่ได้ทำให้ใครต้องลำบากใจ



[---]คิดว่าคุณบีคงรู้สึกแบบนั้น หล่อนจึงเปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือ ส่งผ่านความอบอุ่นเล็กๆ มาสู่หัวใจเธอ ทำให้ชญานิลรู้สึกว่าบ้านยังมีพี่สาวคนนี้คอยห่วงใยเธอเสมอมา....



……………………