หนี ตอนที่5



อีกวันหนึ่งของความทุรนทุราย ราวกับมีเม็ดทรายเป็นผุยผงโรยอยู่ภายในลำคอ เธอคงร้องไห้ฟูมฟายจนคอแหบคอแห้ง ชญานิลเปรยเปลือกตาขึ้นมองสีสันสวยงามของห้องนอนอย่างเชื่องช้า และรีบดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเส้นประสาทของสมองบัญชาการให้รับรู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง

[---]ชญานิลสำรวจใบหน้า ปั้นแต่งให้ดูนิ่งเฉยอีกครั้ง แล้วเดินออกจากห้องเหมือนไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น เพื่อตรงไปยังห้องนั่งเล่นใหญ่โตกลางบ้าน มองดูเตียงคนป่วยซึ่งยังไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน สายน้ำเกลือห้อยอยู่ไม่ไกลนัก

[---]เธอเองที่สั่งให้รักษาตรงนี้ ไม่อยากให้คุณบีเคลื่อนย้ายให้บาดเจ็บเสียเปล่าๆ เพราะเครื่องมือการแพทย์ที่มีพร้อมอยู่เสมอ จะขนย้ายไปที่ใดในบ้านก็ได้ อีกทั้งยังมีมากพอให้รักษาคนเจ็บเป็นร้อย แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อยากจะใช้เครื่องมือพวกนี้นักหรอก มันหมายถึงคนเจ็บที่ต้องกลับมาพักฟื้น ไม่อยากให้ใครต้องเจ็บอีกเลย

[---]คุณบีที่มีสีหน้าซีดเผือดกำลังหลับสนิทอยู่บนเตียง ใบหน้ามีคราบของหยดน้ำตาเปื้อนอยู่ ตามแขนขายังมีหยดเลือดแห้งๆ เต็มไปหมด ลำตัวมีผ้าพันแผล และผ้าห่มบางๆ ถูกปิดบังลมหนาวไว้อย่างหมิ่นเหม่

[---]เธอรีบสั่งให้แม่บ้านนำผ้าขนหนูกับน้ำอุ่นมาเช็ดรอยเลือดบนตัวผู้ติดตามคนสำคัญ แล้วก็ให้ตามหมอมาพบเธอด้วย ทำไมปล่อยให้นอนป่วยอยู่คนเดียว น่าจะมีคนเฝ้าสักหน่อย

[---]“เอามานี่” ชญานิลหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาซับตามตัวคนเจ็บเสียเอง เช็ดตามด้วยผ้าแห้งไม่ให้ตัวหล่อนกระทบกับความเย็นมาก แม่บ้านนี่ไม่ได้ดั่งใจเลย เช็ดปาดๆ ไปแบบนั้นได้กระเทือนแผลพอดี

[---]“คุณหนูครับ” หมอประจำบ้านเอ่ยเรียกเมื่อมาถึง

[---]“อาการคุณบีเป็นยังไง” เธอถามแต่ไม่ได้หันไปมองหมอ

[---]“ดีขึ้นแล้วครับ ผ่าเอากระสุนออก ตอนนี้รอเลือด และกำลังจะเดิมเลือดให้ นอกนั้นก็รอดูอาการ ถ้าไม่ติดเชื้อก็จะหายดีในเร็ววัน” หมออธิบายทั้งหมดให้ฟัง

[---]“ถ้าติดเชื้อล่ะ” เธอถามเผื่อไว้

[---]“ก็รักษาต่อให้หาย ถ้าไม่หายก็ตายครับ” หมอพูดราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่หายก็ตาย หายก็ไม่ตาย ตามนั้น

[---]“ย้ายไปพักห้องหนึ่งฝั่งขวา ให้แม่บ้านเฝ้าตลอด เกิดอะไรขึ้นให้รีบรายงานฉัน....เอาสายพวกนี้ไปให้พร้อมด้วย ต้องหายนะหมอ” เธอสั่งกำชับกับแม่บ้าน แล้วหันมาพูดกับหมอด้วยสีหน้าจริงจัง

[---]“ไม่น่าตายครับ ผมรักษาสุดฝีมือ รอวันฟื้นตัวอย่างเดียวเลยครับคุณหนู” คุณหมอบอก พร้อมก็หันไปยุ่งกับการจิ้มแขนคนไข้อย่างเฉยเมย จัดการกับถุงเลือดที่พึ่งเอามาเมื่อครู่ หมอจะรู้มั้ยว่าเขาพูดเหมือนทำให้การตายดูเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ แต่หัวใจเธอแทบแตกสลายที่ได้ยินว่าคุณบีจะตาย จะไม่รอด หรืออะไรก็แล้วแต่ จะว่าเธอลำเอียงก็ได้ ที่เห็นลูกน้องคนอื่นถูกยิงทิ้งได้โดยเสียใจเพียงระยะหนึ่ง แต่หากเป็นคุณบีเธอคงแทบขาดใจตายตามไปด้วย


................


[---]ห้องหนึ่งฝั่งขวา เป็นที่พักสำรองของเธอ มันใกล้ห้องเธอมากที่สุด จะได้ไปดูคุณบีได้ถนัดหน่อย อีกอย่างห้องนั้นคงเหมาะกับคนป่วย เพราะอากาศถ่ายเท ไม่มีมดแมลงเข้าไปก่อกวน หากทิ้งไว้ที่นี่คงจะมีคนเดินผ่านไปมา เห็นภาพไม่เหมาะสมเพราะด้านบนคนติดตามของเธอไม่ได้ใส่อะไรเลย เมื่อวานเธอก็น่าจะให้ย้าย ดันฟูมฟายจนหลับไปซะได้ ดูหล่อนท่าจะหนาวเอาการ ก็ห้องนี้สร้างให้โล่งโปร่งสบายก็จริง แต่ก็หนาวเหน็บจนไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศเลยสักนิด

[---]เมื่อร่างอันหลับใหลของผู้ติดตามได้ย้ายมายังห้องพักโซนเดียวกับห้องนอนเธอเป็นที่เรียบร้อย ชญานิลจึงวางใจรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อตรงไปยังบริษัทข้างเคียงซึ่งคุณชาญได้เปลี่ยนแผนการว่าจะค้างที่นั่นแทนที่จะกลับมาบ้านเมื่อได้ยินว่ารถของเธอถูกลอบทำร้าย

[---]ทันทีที่รายงานว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บถึงขั้นอันตราย ก็ไม่มีใครจากทางนั้นติดต่อกลับมาอีก เธอไม่น้อยใจสักนิด เพราะรู้ดีว่าความเป็นห่วงนั้นถูกเก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดี รู้กันแต่ไม่พูด นั่นก็ทำให้ดีใจไม่น้อย กังวลอยู่อย่างเดียวก็คือ คุณเอนี่สิ หล่อนอาจจะกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะลูกสาวรับเม็ดกระสุนแทนเธอ

[---]ขาออกรถเธอให้แม่บ้านสองคนแยกย้ายรถออกไปอีกสองคันพร้อมรถตามไปยังที่ต่างๆ เป็นการหลอกล่อให้อีกฝ่ายสับสน หากมีการดักซุ่มโจมตีอย่างเมื่อวาน แต่จะทางใดทางหนึ่งก็ตาม บริษัทที่พ่อพักอยู่ห่างจากบ้านเพียงสามนาที คงไม่น่าจะกลับมายิงเธอซ้ำได้ง่ายๆ ในเมื่อวันนี้ชญานิลไม่ได้ระบุเวลาออกบ้านที่แน่ชัด ไม่มีการพูดคุยโค้ดลับ ไม่ว่าทางมือถือ หรือเครื่องมือสื่อสารใดใด

[---]ตลอดระยะทางสั้นๆ ช่างดูโดดเดี่ยวเป็นที่สุด หากคุณบีมาด้วยป่านนี้เธอคงคุยว่าจะทำอย่างไรกับกำไรที่เริ่มหดหาย ด้วยโกดังสินค้าบางจุดถูกเผา และก็เก็บค่าคุ้มครองไม่ได้เนื่องจากไม่มีคนยอมจ่าย ก็แน่ล่ะ ใครจะยอมจ่าย ในเมื่อพรรคพวกเธอไม่สามารถป้องกันความเสียหายต่อสินทรัพย์ของพวกเค้าได้เลย

[---]ฝ่ายนั้นเล่นเธอหนักมาก แล้วจะทำอย่างไรดี ชญานิลจิกเล็บเข้ากับมือ เธอทำได้เพียงคิดในใจ หาคำถามมามากมาย และมีเพียงเธอคนเดียวที่ตอบคำถามของตัวเอง ส่วนผู้ช่วยคนสำคัญกลับนอนป่วยอยู่ที่บ้าน นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิดปะปนเข้ามาด้วย

[---]เธอไม่ค่อยจะเคารพคุณบีสักเท่าไหร่นัก หล่อนเหมือนพี่สาวที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งแต่จำความได้ บางทีเธอก็ย่ามใจใช้คำพูดที่ไม่สนใจความรู้สึกหล่อน บางทีเธอก็ทำตัวเหินห่างเพราะรำคาญที่หล่อนคอยตามประกบโดยพ่อเป็นคนออกคำสั่ง จะโดดไปไหนตามลำพังก็ไม่ได้ แต่มาตอนนี้ ชญานิลรู้ซึ้งแก่ใจเลยว่าวันใดที่เธอดวงตก พี่สาวคนนี้จะต้องรับแทนเป็นคนแรก

[---]เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ความผิดพลาด ความเอาแต่ใจของเธอทั้งหมด กลับหยิบยื่นมันไปทำร้ายหล่อน หล่อนไม่ควรจะเจ็บกับเรื่องไม่เป็นเรื่องของเธอ อย่างเช่นคราวนี้ที่เธอเลือกนั่งด้านหน้า เพราะอยากคุยได้ถนัด ทั้งๆ ที่หล่อนก็ห้ามแล้ว คุณบีจะไม่เจ็บถ้าไม่ก้มมาบังเธอ ครั้งนั้นอยากขับรถเองทั้งๆ ที่หล่อนก็เตือนแล้ว จนต้องเข้าโรงพยาบาลกันทั้งคู่

[---]ชญานิลกัดกรามแน่น ทั้งเสียใจ ทั้งโกรธแค้น เธอสัญญากับตัวเองว่าถ้าวันใดวันหนึ่ง เธอจะมีโอกาสได้หยิบยื่นความทุกข์ระทมนี้กลับไปยังผู้ที่ก่อมันขึ้นมาบ้าง เธอจะไม่ลังเลเลยที่จะทำ ซ้ำยังจะทบเท่าทวีให้พวกมันเหล่านั้นได้รู้ซึ้งถึงแรงอาฆาตที่บั่นทอนเธออยู่ลึกๆ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา

[---]ไม่มีหรอกคำว่าให้อภัย ไม่มีหรอกคำว่าจบสิ้น หากอีกฝ่ายจะไม่ยอมให้เธอได้ดิ้นรนอ้าปากหายใจบ้าง เธอพยามแล้ว พยามทำทุกช่องทางที่มีเพื่อทำให้ธุรกิจของตระกูล จากดำเปลี่ยนเป็นเทา และก็จะเปลี่ยนให้มันเป็นขาวโดยเร็วที่สุด ทั้งยังทำตัวเหมือนหนี หรือวิ่งหนีออกจากวงจรการเกลียดชังระหว่างสองฝ่าย แต่นั่นดูเหมือนมันจะไร้ผลสำหรับพวกนั้น พวกมันไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเธอต้องการให้จบ และยุติได้เสียที

[---]การที่เธอพยามจะถอนมือออกจากเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่มี กลับยิ่งทำให้อำนาจในการคุมเกมลดลง มันคงไม่ส่งผลอะไรต่อทางเธอและทางนั้นหรอก หากพวกมันจะไม่ชุบมือเปิบ ทำเรื่องให้บานปลายอย่างเช่นทุกวันนี้

[---]กรรมใดใครก่อไม่สนแล้ว กรรมนั้นต้องตามสนองกับพวกมัน ไม่ใช่เธอ ไม่ใช่คนของเธอ ชญานิลหลับตานั่งนิ่ง รับฟังเสียงรถที่จอดสนิท พร้อมกับเหล่าบรรดาลูกน้องพร้อมใจกันวิ่งออกมาคุ้มกันเธอให้เดินเข้าบริษัทได้อย่างปลอดภัย


................


[---]ห้องลับใต้ดินของบริษัท ถูกเปิดออกอย่างระมัดระวัง เธอเดินเข้าไปยังพื้นที่นั่งเล่นซึ่งมีโซฟา ตู้เย็น และห้องนอนติดๆ กัน เหมือนเป็นบ้านพักตากอากาศส่วนตัว แต่บรรยากาศไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไหร่

[---]ในห้องนั้นมีคนสนิทของคุณชาญอยู่จำนวนหนึ่ง กำลังนั่งพูดคุย ปรึกษา และรับคำสั่ง และหนึ่งในนั้นมีคุณเอ หล่อนขอบตาดำดูซูบเซียว แต่ก็ยังคงทำหน้าที่ช่วยพ่อเธออยู่ไม่ห่าง

[---]เธอคาดเดาว่าคุณเอคงไม่หลับไม่นอน ความเป็นแม่ยังไงก็ยังเป็นแม่อยู่วันยังค่ำ ลูกถูกทำร้ายแต่กลับไปหาไม่ได้ นี่คงทำให้หล่อนแทบขาดใจอยู่ตรงนี้ แต่คุณชาญเธอคงไม่ปล่อยให้คุณเอ และลูกน้องมือขวาอันดับหนึ่งซึ่งเป็นพ่อของคุณบีรีบแจ้นกลับไปที่บ้าน เพราะไม่แน่อาจมีคนดักซุ่ม ลอบทำร้ายทั้งคู่ปางตายไปด้วยอีก

[---]“คุณบีปลอดภัยแล้ว” เธอกระซิบพูดเบาๆ ให้ลูกน้องมือขวาของคุณชาญได้ยิน ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับ ภายในแววตาเหมือนคลายปมไปได้ระดับหนึ่ง ส่วนคุณเอนั้นรีบหันมาทางเธอ มือยังคงจดสิ่งที่พ่อเธอกำลังหารือกับพวกพ้อง

[---]ชญานิลเลยขยับปากแต่ไร้เสียงเป็นการส่งสัญญาณที่ดีไปยังคุณเอ ‘ปลอดภัยดี’ เธอแอบเห็นน้ำตาซึ่งคลออยู่ทั้งสองเบ้าตาของหล่อนเพียงชั่วครู่แล้วจางหายไป หล่อนหันหน้ากลับไปร่วมวงสนทนาต่อตามปกติ



................



[---]ชั่วโมงกว่า การสนทนายาวยืดก็จบลง พวกคนสนิทของคุณชาญทยอยเดินออกจากห้อง บางคนหันมายิ้มให้เธอตามความสนิทสนม ซึ่งเธอก็ยิ้มตอบกลับไป บ้างก็ก้มตัวลงเล็กน้อยเป็นการทักทาย

[---]จนพวกนั้นออกไปหมดแล้ว เธอถึงคลายอาการเกร็งตัวให้อยู่ในแบบแผนความนิ่งเฉย กลายเป็นผ่อนคลาย เมื่ออยู่กันแค่คุณเอ มือขวาคุณชาญ และคุณชาญ

[---]“ต้องย้ายที่อยู่มั้ย” เธอถามพ่อทันทีที่บรรยากาศผ่อนคลายลงมาบ้าง และทั้งหมดนั่งเอนตัวอย่างสบายบนโซฟาฟูกนุ่มๆ

[---]“ยังหรอก อีกสามวันเท่านั้นตามกำหนดการงานนรกนั่น....เดี๋ยวกลับบ้านกันหมดนี่แหละ กบดานอยู่ที่บ้านสักสามวัน พ่อสั่งห้ามให้คนของเราทั้งหมดเคลื่อนไหว” คุณชาญเลือกอยู่นิ่งๆ แทนการเปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต

[---]“แล้วเรื่องเสี่ยใหญ่ล่ะ พ่อจะให้นิลเข้าไปคุยมั้ย” หากเป็นเธอคงไม่เลือกคุย และคิดว่าพ่อก็คงทำเช่นกัน

[---]“ได้ข่าวมาว่ารายนั้นเตรียมลงมืออยู่แล้วล่ะ ลูกแค่คอยจังหวะดีๆ งานนี้ต้องให้นิลจัดการต่อแล้วล่ะ....พ่อต้องลงไปคุมโกดังอีกทางกับเจ้านัทสักหน่อย ถ้ามีอะไรผิดพลาดให้รีบบอก คุณเอเค้าจะอยู่ช่วยลูกทางนี้” คุญชาญหลับตาเอนคอลงกับโซฟา เหมือนเป็นการพูดคุยกันกับคนในครอบครัว จะทำตัวผ่อนคลายบ้างก็ไม่ใช่ปัญหา

[---]“คุณหนูคิดจะทำยังไงต่อคะ” คุณเอถาม

[---]“นิลคิดว่า....” เธอค่อยๆ เล่าแผนการทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นแผนที่หนึ่ง แผนที่สอง หรือแผนที่สาม สำรองเอาไว้จากเหตุการณ์ทั้งสามที่น่าจะเป็นไปได้

[---]“ตามกำหนดการวันแต่งของทางนั้น จะเริ่มตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น คิดว่าจะเป็นการจัดที่ยืดเยื้อไปรึป่าว” คุณเอพูดขึ้นนั่นยิ่งทำให้เธอเกิดความสงสัย

[---]“นั่นสิคะ คิดว่ากำหนดการจากดารินเป็นของจริง หรือจากที่เราได้มาเป็นของจริงกันแน่” ชญานิลขมวดคิ้วเป็นที่สงสัยอย่างยิ่ง

[---]ยัยดารินนั่นจะเชื่อได้รึป่าวก็ไม่รู้ ไอ้เชื่อที่ว่าหล่อนร่วมมือด้วยนั้นก็พอเชื่อ แต่ให้เชื่อว่าพวกนั้นส่งการ์ดเชิญให้หล่อนทั้งๆ ที่รู้ว่าหล่อนร่วมมือกับพวกเธอนั้น อาจเป็นแผนลวง

[---]แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วมันก็น่าเสี่ยง หากกำลังเงินจากดารินจะทำให้พ่อถึงกับยอมคุกเข่าอ้อนวอนไม่ให้หล่อนเปลี่ยนใจได้แล้วนั้น ก็คงจะมากพอที่จะทำให้ศัตรูของเธออยากได้หล่อนไปเป็นพวกเอามากๆ

[---]ตี๊ดดดดดดดด !!! เสียงเครื่องมือสื่อสารเธอดังขึ้นขัดจังหวะ เป็นผลให้คนทั้งหมดหันมามอง

[---]“เบอร์ใหม่ค่ะ ไม่มีใครตามได้ พึ่งเปลี่ยนเมื่อเช้า ว่าแต่....” ชญานิลสงสัย ก็พึ่งเปลี่ยนเบอร์มือถือไปเมื่อเช้าแล้วใครจะโทรมาได้ล่ะ ขนาดทุกคนที่นี่ยังไม่รู้เลย ตอนนี้เธอก็ไม่ได้สงสัยคนเดียวเสียด้วย ทั้งพ่อ ลูกน้องพ่อ คุณเอ ก็หันมามองกันอย่างตื่นตระหนก และในที่สุดเธอก็ตัดสินใจกดรับ เอาวะ เป็นไงเป็นกัน

[---]“สวัสดี”ชญานิลกรอกเสียงลงไปให้ดูแข็งขืนสักหน่อย

[---]“อ่อ ยังปลอดภัย....ฉันจะโทรมาบอกว่า งานจะเริ่มในอีกสามวัน ตามกำหนดการที่ฉันให้เธอไปนั่นแหละ ฉันไม่ถามว่าพวกเธอจะทำอะไรยังไง และฉันไม่สนว่าอะไรจะเกิด แค่อย่าให้เงินฉันต้องสูญเปล่าละกัน บาย....” ยะยะ ยายดาริน นางรู้เบอร์โทรศัพท์ของเธอได้อย่างไร ซ้ำยังรู้ด้วยว่าเธอปลอดภัยดี ทำไมนางไปอยู่ทุกที่ทุกทางเลยหรือ แล้วการวางอำนาจสั่งๆ จิกๆ ขนาดนั้น มันน่าจับมาย่างเกลือซะจริง

[---]“ดารินโทรมา....กำหนดการนั่นของจริง” เธอบอกกับทุกคน แน่ชัดแล้วว่ามันไม่น่ามีอะไรเปลี่ยนไปจากกระดาษแผ่นนั้น ก็ในเมื่อคนที่กำลังพูดถึงอยู่ๆ ก็โทรมา

[---]จะว่าไปยัยนี่ก็ร้ายใช่เล่น หล่อนรู้เห็นทุกอย่างราวกับว่ามานั่งอยู่กับเธอด้วย อีกอย่างเธอไม่สงสัยการ์ดนั่นอีกแล้ว เพราะยัยดารินคงไม่กล้าสั่งฉอดๆ ด้วยเงินจำนวนมหาศาลที่หล่อนลงทุนมา มันอยู่กับทางฟากเธอทั้งหมดแล้วนี่ และการพังงานแต่งงานนั่นก็เดิมพันถึงเงินของหล่อนด้วยเช่นกัน ธุรกิจของพวกเธอจะไปรุ่งหรือไปรอดก็คราวนี้แหละ

[---]เธอมีวายร้ายตัวแม่เลือกข้างมาอยู่ด้วยแบบนี้แล้ว คงไม่ใช่เรื่องต้องน่ากังวลใจแล้วล่ะ ขอแค่เสี่ยใหญ่เริ่มเมื่อไหร่ เธอคงตามเหยียบให้พวกนั้นจมมิดเมื่อนั้น.... หึหึ

[---]“กลับไปพักบ้านเรากันเถอะค่ะ” ชญานิลบอกทุกคนอย่างสบายอารมณ์




................................