หนี ตอนที่2



เช้าตรู่ของวันที่อากาศแจ่มใสเมื่อไม่นานมานี้.... 
นกสองตัวร้องรำทำเพลงอยู่ข้างหน้าต่างบานเก่า ที่ซึ่งเธอมักจะหนีมาหลบอยู่คนเดียวยามเหงา เศร้า เสียใจ หรือแม้กระทั่งดีใจ สถานที่ผ่อนคลายภายในบ้านหลังใหญ่ ที่ๆ ไม่มีใครคิดว่าจะตามหาเธอเจอ หรือบางทีพวกเขาอาจตามหาเธอเจอ แต่เลือกที่จะไม่เข้ามาขัดจังหวะเวลาสบายอารมณ์ของเธอมากกว่า วันนี้ก็เช่นกัน....

[---]ความสุข เป็นความสุขที่ทุกคนพึงจะมี เธอก็มี มันเป็นความสุขเอ่อล้นอยู่เต็มสี่ห้องประตูหัวใจ หากแต่มันว่างเปล่า เดียวดายอย่างไรบอกไม่ถูก อาจเป็นเพราะตอนนี้เธอมานั่งอยู่คนเดียวก็ได้กระมัง ความเหงาทำไมเกาะกุมหัวใจดวงน้อยนี้ได้ช่างรวดเร็วนัก เพียงแค่นั่งทอดสายตาเฉยๆ ก็เหงาได้แล้ว

[---]อึกๆ ชาอุ่นๆ ถูกยกขึ้นมาจิบ พลันอีกมือที่ว่างเปล่ากำลังควานหาคุกกี้อบ แต่มันคงจะหมดเพราะกวาดมือไปบนจานนั่นเท่าไหร่ก็ไม่มี จนในที่สุดภวังค์ความสุขเล็กๆ นี่ก็พังทลายลง เพราะคุกกี้หมด....

[---]ธนิตาตวัดหางตาไปยังจานคุกกี้ว่างเปล่า เธอมาอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่แล้วหนอ คิดว่านานจนทำให้ขนมจานใหญ่นี้หมดลง แล้วเธอจะอ้วนมั้ยเนี่ย คิดว่าคงไม่ คริคริ เป็นการปลอบใจตัวเองเล็กๆ

[---]บ่ายสองสามสิบหก นาฬิกาไม้เรือนทองสลักมือเรือนใหญ่บอกเวลาไม่ผิดแน่ๆ อีกเดี๋ยวคงมีแขกมาหาเธอ ต้องไปต้อนรับสักหน่อย

[---]เจ้าของความสุขเล็กๆ เมื่อครู่ ยกจานและแก้วเดินออกจากห้องโถงเก็บของ ห้องใต้หลังคาที่ดูเหมือนว่าจะถูกทำความสะอาดและจัดตกแต่งเป็นอย่างดีมากกว่าห้องอื่นๆ นั่นแปลว่าทุกคนในบ้านรู้ว่าเธอชอบมานั่งเล่นคนเดียวที่นี่ ไม่งั้นฝุ่นคงขึ้นไปแล้ว ซ้ำบางวัน ยังมีชุดชากับขนม วางอยู่แถวๆ นี้อีกต่างหาก ที่ส่วนตัวกลายเป็นที่ไม่ส่วนตัวไปจนได้ แต่ยังดีที่ไม่มีใครมารบกวน

[---]ธนิตาย่างก้าวอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่มีความสุขหรือทุกข์อันใดในเวลานี้ จนมาถึงห้องของเธอนั่นแหละ ประตูห้องได้ถูกแง้มออก ใครกันบังอาจมาเปิดห้องนอนฉัน แม่บ้านทำความสะอาดลืมปิดอย่างนั้นรึ เดี๋ยวต้องเตือนกันหน่อยละ

[---]บานพับถูกเหวี่ยงออกเบาๆ ไม่แสดงอาการโมโหใดๆ ในการกระทำ หากแต่ดวงตานั้นมีสีสันของความไม่พอใจเคลือบแฝงอยู่ คอยดูเถอะ ใครมาแตะต้องของๆ ฉัน โดนแน่

[---]“คริ คริ.... ฮ่าๆ ๆ” มีเสียงหัวเราะดังขึ้นหลังม่านแต่งตัว เธอเริ่มเอะใจรีบอ้อมไปดูเสียงต้นทาง

[---]“แอร๊ย วางลงนะยะ เดี๋ยวขาดขึ้นมา ฉันไม่ได้ใส่กันพอดี” เป็นเธอเองที่กรีดร้องขึ้นพร้อมกับเดินเท้าสะเอวยืนตาจิกไปยังเพื่อนทั้งสอง

[---]“แหม่ ขอดูแค่นี้ทำมาหวง” อรวีย่นจมูก โยนชุดเจ้าสาวสีขาวสว่างไสวไปทางกมลชนกแบบไม่ใส่ใจ

[---]“ก็ออกจะแข็งแรง ไม่ขาดง่ายๆ นี่นา” กมลชนกลองดึงแขนเสื้อออกจากตัวชุด แล้วทำหน้าประมาณว่าไม่ขาด ทำเอาเจ้าของชุดต้องรีบมาแย่งกับคืน ไปแขวนไว้กับบานตู้ พร้อมกับโทรสั่งแม่บ้านให้ขึ้นมารับชุดไปตรวจตราความเรียบร้อย

[---]“เข้ามาบ้านคนอื่นไม่เกรงใจเล้ยย” เจ้าของบ้านทำตาขวาง แม้ว่าจะเป็นอาการที่ไม่จริงจังมากเท่าไร นึกว่าเป็นใครมาบุกห้อง ที่แท้ก็เพื่อนสนิททั้งสองของเธอนั่นเอง

[---]“แน่ใจรึว่าคนนี้” กมลชนกหันมาทำหน้าจริงจังราวกับจะเจาะทะลุไปถึงจิตใจเพื่อนสาว

[---]“อ่าว แน่นอนสิคะ ทั้งรักทั้งหวง ดวงเนื้อคู่ ยังไงมันก็ได้แต่งแหละค่ะ คริคริ” ธนิตายิ้มแย้มเจ้าเล่ห์ ทั้งๆ ที่ลึกๆ เธอยังไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ว่าเธอพร้อมสำหรับการมีคู่ชีวิต

[---]เกิดความเงียบขึ้นกะทันหันเมื่อเจ้าบ้านพูดจบ ด้วยความจริงแล้วแววตาไหวหั่นพริบเดียวเท่านั้น กมลชนกก็เลิกคิ้วขึ้นเป็นการยิงคำถาม ทำเอาเธอต้องเมินหน้าหนี ทำเป็นไปจัดชุดให้เรียบร้อย หยิบจัดนั้นนี่ ทั้งๆที่มันไม่มีความจำเป็นต้องจัดเลย อรวีเป็นคนเดียวที่ไม่ทันได้สังเกต เดินอ้อมไปเปิดตู้เย็นหยิบขนมอบของเพื่อนขึ้นมาเคี้ยวดังกรับ

[---]“อื้อหือ กินเข้าไปได้ยังไงกัน แข็งขนาดนี้” แขกผู้มาเยือนคายชิ้นขนมลงถังขยะ ทำท่าจะเอาทั้งถุงทิ้งไปด้วย

[---]“แอร๊ยยย หยุดนะยะ วางไว้ที่เดิมเลย ถุงนั้นต้องเอาจุ่มชาย่ะ แข็งๆ แหละดี” เธอจึงเดินไปแย่งถุงขนมคืนรีบเก็บเข้าที่ นั่นก็ดีแล้วเพราะมันเป็นการทำลายความเงียบของการลังเลที่จะตอบ

[---]“นี่ไม่มีอะไรให้เพื่อนกินเลยรึไง บ้านออกใหญ่โต” กมลชนกเปลี่ยนเรื่อง

[---]“นี่โซนห้องนอนนะคะ จะมีอะไรให้พวกเธอกินมิทราบ ออกมาเลยเร็วๆ อยู่นานเดี๋ยวก็เอายามมาจับเลยนี่” ธนิตากึ่งลากกึ่งจูงเพื่อนๆ ออกมาจากห้องได้สำเร็จ



[---]ณ ห้องอาหาร....

[---]“แต่งไปทำไม แต่งไปเพื่ออะไร แต่งไปเป็นคนใช้ หรือแต่งไปเป็นคนสวน....” เพลงนี้ดังขึ้นแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ขณะที่ว่าที่เจ้าสาวคนสวยสั่งของว่างกับแม่ครัวอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ทำเอาหน้างอไปหน่อย

[---]“หนอยยัยอร ทำมาเป็นแกล้งฉัน เดี๋ยวไม่นานเธอก็ต้องแต่งงาน พี่พิชของเธอรออยู่ไม่ใช่เหรอจ๊ะ” ธนิตาหันไปหาเพื่อนสนิทที่นั่งร้องเพลงกวนประสาทอยู่ ไม่วายพับผ้ารองจานบนโต๊ะอาหารเล่น พวกตัวร้ายพวกนี้รู้ดีว่าเธอชอบให้อะไรดูเรียบร้อยอยู่เสมอ การเจอคนก่อกวนประสาทแบบนี้ เล่นเอาหัวหมุนเหมือนกัน

[---]แต่ด้วยความที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก เธอก็ได้แต่จำใจยอมรับกับพฤติกรรมยั่วโทสะเล็กๆ น้อยๆ นั่น แม้ว่าบางครั้งธนิตาจะงอนไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง พวกนี้ก็ยังไม่สน จนเธอชินไปเอง นี่ยังน้อย.... แก๊งสี่สาวในวัยเยาว์ของเธอยังไม่ครบ หากมีอีกคนแล้วยิ่งไปกันใหญ่ รายนั้นแกล้งได้หน้าตาย หน้าซื่อตาใส ไร้คำใดจะบรรยาย

[---]“ช่ายยค่ะ ฉันแต่งแน่น้ออน แต่อีกนานแสนนาน ต้องเล่นตัวเยอะๆ สินสอดจะได้แพง อิอิ” อรวีจิ้มเชอรี่ในถ้วยพุดดิ้งของเจ้าบ้านมาเคี้ยวตุ้ยๆ ไม่สนใจสายตาลุกเป็นเพลิงเลยสักนิด

[---]“สินสอดอะไรเยอะ ที่บ้านยังไม่พอกินเหรอคะ เห็นนกบอกว่าเหลือเฟือจนแบ่งไปถึงว่าที่แม่เลี้ยงคนใหม่ของเธอเลยนี่” เจ้าของบ้านคนสวยหัวเราะเริงร่าที่จี้จุดอ่อนของเพื่อนสนิทได้สำเร็จ

[---]“แค่กๆ” อรวีสำลักเหมือนเชอรี่จะติดคอ มันก็จริงอย่างที่เพื่อนว่า พ่อเล่นเอาเลขาคนใหม่มาฝากไว้กับเธอ น่าหมั่นไส้ยิ่งนักที่ทำอะไรไม่ได้ นี่ไม่วายโดนเพื่อนๆ ล้อซะอีก แง่ม ว่าแล้วก็แย่งเชอรี่อีกชิ้นเลยละกัน อยากจี้จุดอ่อนดีนัก

[---]“แล้วคุณนกล่ะคะ เห็นเงียบๆ แบบนี้ มีฟงมีแฟนกับเค้ามั่งรึยังจ๊ะ” ทั้งอรวีกับธนิตาปรายตาไปจับพิรุธกมลชนกด้วยท่าทีสงบ

[---]ยากเหลือเกินกับสิ่งที่เพื่อนๆ อยากรู้ที่สุด ยากนักจะออกมาจากปากกมลชนก นั่นรวมถึงสีหน้าท่าทางแล้วด้วย ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวที่จะบอกอะไรได้เลย

[---]“ยังค่ะเพื่อนๆ ว่าจะรอเจ้าชายขี่ม้าขาวมารับลงจากคานอยู่ รอมานานปี ก็ยังไม่มาสักที” หล่อนตอบแล้วก็หลิ่วตาเป็นประกายวิ้งๆ ให้เพื่อนทั้งสอง

[---]“ไม่มั้ง แล้วคนนั้น คนนู้น คนนี้ล่ะ” อรวีนับนิ้วถึงเหล่าบรรดาเจ้าชายทั้งหลายที่เข้ามาจีบเพื่อน หลายคนมากด้วยอำนาจ มากด้วยเงินตรา มากทั้งทั้งอำนาจและเงินตรา บางคนก็พ่วงความดีสุดๆ มาด้วย แต่ก็ไม่วายโดยปฏิเสธตั้งแต่ยังไม่ทันได้พูดคุยทำความรู้จักนิสัยกันเลย

[---]“คนไหนจ๊ะ ฉันโสดแบบนี้มาตลอดนะ” ว่าแล้วก็ยักไหล่ ตักของหวานเข้าปากแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นท่าทางว่าการถามเมื่อครู่หยุดได้แล้ว

[---]“ชักอยากรู้ ให้คนสืบดีมั้ยเนี่ย” ธนิตาพูดลอยๆ

[---]“เอ่อ คิดว่าอย่าเลย” อรวีแย้งทันควัน ด้วยรู้ว่านักสืบสาวอย่างกมลชนกคงไม่มีทางให้ใครตามจับความเคลื่อนไหวได้ง่ายๆ

[---]“ว่าแต่ งานแต่งอันเลิศหรูของคุณเพื่อน จะเริ่มวันไหนคะ เพื่อนเจ้าสาวกี่คนเอ่ย” คนที่ถูกจี้เรื่องแฟนอยู่หมาดๆ เปลี่ยนเรื่องได้สำเร็จ

[---]“ต้นเดือนหน้าไง ทำลืมนะยะ.... ส่วนเพื่อนเจ้าสาว ก็อยากได้ครบแก๊งค์ถ้าเป็นไปได้อ่ะนะ” ธนิตาทำหน้าจ๋อย เธอเป็นต้นเหตุให้เพื่อนสาวอีกคนต้องหลบลี้หนีภัยไปยังต่างจังหวัด

[---]“โถ่ คุณหมอสุดซื่อของเราคงไม่ได้มางานแต่งเพื่อน แล้วก็คงไม่ได้เจอะเจอกันสักพักใหญ่ๆ เพราะใครกันน๊า” อรวีส่ายหน้าช้าๆ

[---]“เอาน่า ยังไงก็มีเราสองคน ไว้ค่อยส่งข่าวให้มาริสาก็ได้ ตอนนี้ให้ห่างๆ กันสักพักจะดีกว่า” กมลชนกบอกกับเพื่อนทั้งสอง



[---]สามชั่วโมงผ่านไปไวยิ่งกว่าโกหก การพูดคุยระหว่างเพื่อนถึงเวลาจบลงในที่สุด เพื่อนทั้งสองจึงขอตัวแยกย้ายหลังจากที่โดนเธอบังคับให้ซ้อมพิธีแต่งงานล่วงหน้า โดยจัดให้ทั้งสองยืนเรียงกันและหันหน้ามาให้พร้อมเพรียงเป็นรอบที่สิบ

[---]ธนิตายอมเดินมาส่งเพื่อนๆ เพราะรู้ดีว่าเพื่อนแอบเคืองที่โดนบังคับ เธอยืนรอให้รถของทั้งสองลับสายตาจากเขตรั้วบ้านไป เป็นการส่งที่ยาวนานมากกว่าปกติ เพราะทางเข้าบ้านสร้างไว้ซะยาวเลย

[---]พิธีแต่งงานของเธอต้องสมบูรณ์แบบ จะไม่มีอะไรมาขัดขวางงานนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็ตาม นั่นอาจหมายถึงเธอด้วย เธอจะไม่ปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้เพียงเพราะความลังเล

[---]เจ้าชายแสนดีของเธอได้เอาสินสอดร้อยล้านมากองตรงหน้า ไหนจะความยินดีของทั้งสองครอบครัวที่จะได้ผูกมัดกันเร็วๆ นี้ เรื่องธุรกิจก็ด้วย มันจะไปได้สวยทีเดียวล่ะ

[---]การแต่งครั้งนี้จะเป็นการคานอำนาจฝ่ายเธอได้มาก คนรักของเธอก็เช่นเดียวกัน เขาจะนำพาชีวิตเธอไปหาสิ่งที่ฝันไว้.... ความยิ่งใหญ่ของงานแต่ง จะมีทั้งความรัก ความสุข ความมั่งคั่งและเงินตรา ใครไหนเลยจะหาเทียบความสุขของเธอ ณ ตอนนี้ไม่ ช่างเป็นอะไรที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบเสียจริง

[---]ธนิตาทิ้งตัวลงนั่งมุมโปรดมุมเดิมมองไปยังนกน้อยที่ทำรังใต้ต้นไม้ พวกมันกำลังกลับลัง หอบหิ้วเอาอาหารจากถาดที่คนงานบ้านเธอใส่ไว้ให้มาป้อนลูกๆ

[---]รังของพวกมันเธอเป็นคนเลือกเอง สีทองอร่ามทาไว้รอบๆ กรง สวยงามยิ่งนัก หาใช่นกน้อยในกรงทอง เพราะเธอปล่อยให้มันบินไปที่ต่างๆ ตามแต่ใจมันปรารถนา แต่มันไม่ไป ด้วยอะไรเธอก็ไม่อาจรู้ ที่นกเหล่านั้นกลับมายังกรงทองกรงเดิม



................................