หนี ตอนที่1
ปัง! ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นท่ามกลางพายุลูกใหญ่ที่กำลังโหมกระหน่ำภายใต้ป่าทึบ เพียงแสงสลัวจากดวงจันทร์ช่วยสาดส่องให้ธนิตาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเท่าที่แรงยังพอมี เธอยอมเดิมพันทุกอย่างที่มีอยู่ ณ เวลานี้ เพื่อเอาตัวให้รอดจากสถานที่ที่จากมา ความเป็นความตายมีค่าเท่ากัน หากเป็นจำต้องทุกข์ทน ยอมไปตายเอาดาบหน้าเสียดีกว่า
สองเท้าบางเปลือยเปล่าอาบชุ่มไปด้วยเลือดแดงสด ซ้ำร้ายกิ่งไม้และก้อนหินคมกริบค่อยๆ บาดลึกตลอดการย่ำเหยียบ แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ทำให้แรงฮึดของเธอลดลง อย่างน้อยที่สุดมันก็มีค่า เพราะเธอได้พยามแล้ว แม้แขนขาจะต้องขาด แม้ลมหายใจนี้จะต้องดับสูญ แต่ทั้งหมดมันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เธอกำลังจะเป็นอิสระ
พุ่มไม้ขนาดย่อมเป็นที่ซ่อนตัวชั้นดีจากคนที่ตามล่าธนิตาตลอดค่ำวันนี้ เงาแมกไม้เล็กๆ กำบังร่างกายซูบผอมได้เป็นอย่างดี และมันถ่วงเวลาได้มากพอให้เธอได้พักเหนื่อยสักระยะ
รอยยิ้มหยันปรากฏอยู่บนใบหน้าโทรมทรุดเปื้อนดินโคลนของหญิงสาว แววตาสะใจเพียงเล็กน้อยฉายเด่นต้องแสงจันทร์ท่ามกลางหนทางที่มืดบอด ปราการคุมขังจะแข็งแกร่งสักเพียงไหน ก็แพ้ให้กับเธอล่ะว้าาา....
เธอ....หนี....ออกมาได้
"มันอยู่ไหน" เสียงตวาดดังลั่นของผู้หญิงอารมณ์เกรี้ยวกราดคนนั้นปะทุขึ้นจากทิศทางไหนไม่อาจทราบได้
ร่างกายผอมโซรีบเบียดตัวหนีเข้ากับพุ่มไม้ ที่พักพิงชั่วคราวหลังจากวิ่งหนีราวกับคนบ้ามาเนิ่นนาน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเวลาผ่านมานานเท่าใด วันนี้เป็นวันที่เท่าไหร่ เพราะช่วงเวลาทุกข์ทรมานเหล่านั้นมันแสนนานเหลือเกิน นานพอที่จะยอมเสี่ยงเอาชีวิตที่เหลือออกมาจากขุมนรกนั่น
ธนิตาหรี่ตาปรือเกือบปิดมองรอดผ่านแสงสลัวจากเงาของพุ่มไม้ เงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าทั้งหมดอย่างใจเย็น ลมหายใจสั่นคลอนจนเกือบจะไม่หลงเหลือกระทบกับอากาศเย็นหนาวเหน็บ ช่างหดหู่ยิ่งนัก ถ้าเพียงแต่เธอมีร่างกายที่แข็งแรงกว่านี้ พวกนั้นคงได้ยินเสียงหอบเหนื่อยจากเธอไปแล้ว
แต่ไม่เลย ลมแผ่วเบาที่ไหลเวียนในร่างกายเธอนั้นช่างน้อยนิดจนไม่สามารถการันตีได้ว่าปอดทั้งสองข้างนั้นจะทำงานได้นานอีกสักเท่าใด หากสมองกับร่างกายเธอจะรอดมาได้เพียงเท่านี้ ก็นับว่าคุ้มค่าแล้วล่ะ ขอยอมตายที่นี่เสียดีกว่าถ้าต้องกลับไป
พวกที่ตามมาเงียบลงไปแล้ว บางทีพวกมันอาจย้อนไปหาอีกทางหนึ่ง ภาวนาขอให้มันเป็นเช่นนั้น ธนิตาค่อยๆ ก้าวเดินออกจากพุ่มไม้อย่างเชื่องช้า พยามให้เงียบกริบที่สุดเท่าที่บรรยากาศรอบข้างนี้จะเอื้ออำนวย ย่องออกจากที่กำบังขนาดย่อม เริ่มต้นวิ่งอีกครั้ง แม้จะไม่รู้ทิศทางมากนัก หากแต่ตามแนวต้นไม้ที่ปลูกเป็นแถบนี้ออกไป มันคงจะพบทางออกได้อย่างแน่นอน คิดว่าคงเป็นเช่นนั้น
ปัง! ปัง!
มีเสียงปืนดังขึ้นไม่ไกลนัก ฝีเท้าเธอเร่งถี่ขึ้นให้ห่างออกจากเสียงนั่นอีกครั้ง พลันรู้สึกชาวาบที่ต้นขาด้านหนึ่ง มันอาจเป็นกิ่งไม้ที่เกี่ยวรั้งเธอไว้ก็เป็นได้ ร่างกายซูบซีดออกวิ่งด้วยหน้าตาตื่นตระหนก เพียงเพราะเสียงหัวเราะชัดเจนที่ดังก้องอื้ออึงในหู
อาจเป็นภาพหลอน ก่อนความตายจะมาเยือนเธอกระมัง น้ำเสียงก้องกังวานราวกับแก้วใสเคลือบยาพิษ ความถี่เป็นจังหวะฟังดูน่าประหวั่น
เธอยอมรับว่าหวาดกลัวจนเริ่มรนราน มือทั้งสองควานหาทางออกอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาคู่นี้ก็หนักขึ้นมากทุกที หรือจะหมดเวลาของเธอแต่เพียงเท่านี้ อีกนิดเดียวเท่านั้น ขอให้วิ่งผ่านตรงนี้ไปได้ ขอเพียงเท่านี้จริงๆ
หากแต่เสียงภาวนานั้นไม่เป็นผล ร่างกายบางเบาเริ่มรู้สึกถึงเรี่ยวแรงที่เหือดแห้ง จมูกแดงระเรื่อเพราะวิ่งฝ่าความหนาวยะเยือกพยามสูดอากาศเข้าปอดอย่างโหยหา สองขาช่างเหนื่อยล้าเหลือเกิน นี่คงถึงคราวเธอแล้วสินะ มัจจุราช ทำไมมาช้าจัง....
ปัง! อีกครั้งที่ตัวเธอชาจนไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอันใดอีกต่อไป ดวงตาปรือมองไปยังขาข้างที่เฉื่อยอย่างสังเวชใจ ลูกดอกอาบยาสลบถึงสองอันปักอยู่
อาาาา....จบสิ้นแล้วกับความพยามทั้งหมดที่มี ไม่มีอะไรหลงเหลือให้เชยชมกับความสำเร็จในความกล้าบ้าบิ่น....เธอหนีไม่พ้น
"จับมันไปขัง"
................................