กระจกวิเศษ ตอนที่9

ดารินยืนเขม่นหลังของนีรนุชอยู่นานสองนาน บางทีเธอก็เผลอกัดกรามจนใบหน้าบูดบวมขึ้นมาบ้าง แม่นี่นอกจากชอบแย่งแฟนคนอื่นแล้วยังเลือกเสื้อผ้าเครื่องประดับได้ห่วยที่ซู้ด มันเข้ากันซะที่ไหนล่ะยะ ดูแพงก็จริง แต่รวมๆ กันแล้ว บอกได้เลยว่าไม่ผ่านค่ะ

“ตัวนี้ ดีกว่าค่ะคุณนุช” เธอทนไม่ไหวในที่สุด แรกว่าจะให้นางใส่ไปเรื่อยลงไปแล้วค่อยมานั่งหัวเราะเอาทีหลัง แต่หากใครรู้ว่าเธอเป็นคนช่วยเลือกแล้วล่ะก็ เสียหายนะคะ

“เหรอๆ งั้นเอาตัวที่เธอว่าเลย” ยัยคุณหนูออกจะเชื่อเธอซะด้วยสิ มันก็จริงนี่ เธอเลือกได้ดีเลยทีเดียว

“งั้นฉันขอตัวนะคะ” เธอรีบเอ่ย นึกถึงที่รับปากป้าสายเอาไว้ เมื่อวันก่อน ตอนนี้ก็ช้ามาแล้วจะเป็นชั่วโมง เพราะยัยนี่แท้ๆ

“เดี๋ยวๆ ฉันให้” ยัยคุณหนูหยิบอะไรสักอย่างที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง เธอพอจะเดาออกว่าหล่อนอยากขอบคุณด้วยโลชั่นแสนแพง ทว่าสำหรับเธอแล้วมันก็แค่ของมือสองที่เปิดใช้แล้วนั่นเอง

เธอก็ไม่รังเกียจจะรับไว้ หากมันมาจากคนอื่น แต่สำหรับยัยนุช ลำไยอย่างเธอยอมมือแห้งต่อไปอีกสามเดือนดีกว่าค่ะ ไว้ค่อยไปเข้าคอร์สบำรุงผิวทีหลังก็ยังไม่สาย

“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอเลี่ยง แล้วพยามจะเดินออกไปให้ได้

“เดี๋ยวสิ.... เอาอันนี้ละกัน” หล่อนรีบเปิดใต้ตู้ หยิบกิ๊ฟเซตที่ใหญ่กว่าเดิมมาให้ มันเป็นของใหม่แกะกล่องเสียด้วยสิ ทำเอาดารินลังเลที่จะรับ แหมๆ ถ้าต้องทนอยู่อย่างนี้อีกสามเดือนคงขาดใจ แม่นี่คงเห็นว่าเธอไม่อยากใช้ของต่อจากใครด้วยล่ะมั้ง เอ๊ะ! แต่จะว่าไปแล้ว เธอควรรับของศัตรูมั๊ยเนี่ย

“ไม่เป็นไรค่ะ” ปฏิเสธไม่เต็มเสียงนัก

“รับไปลำไย ช่วยเอาไปใช้ที ฉันใช้ไม่ทันน่ะ” นางเดินมาดึงมือเธอให้รับเอาไปแต่โดยดี เอาก็เอาวะ ของฟรี จะเอาไปทาส้นเท้าด้วยละกันค่ะ

“ขอบคุณค่ะคุณนุช” แล้วเธอก็เดินออกห้องมา พลางแปลกใจทีเดียว นี่มันแพงพอควรเลยนะเนี่ย ยัยคุณหนูไม่หวงของบ้างรึไง ยี่ห้อนี้เธอก็มีอยู่สองสามขวด และที่สำคัญมันต้องขึ้นเครื่องบินไปหลายชั่วโมงถึงจะได้มันมาเพราะมันมีขายในอีกทวีปนึงเลยไงล่ะ

........................

กลิ่นอาหารฟุ้งกระจุยกระจายไปทั่วห้องครัวใหญ่ มันดูน่ากินต่างจากทุกๆ มื้อ ตั้งแต่เธอมาอยู่ นั่นมันกุ้งมังกรตัวใหญ่ที่จะเห็นได้ในภัตตาคารหรูๆ  ผักนั่นก็คัดมาอย่างดีเท่าที่เคยเห็นมา และเหมือนว่าบ้านนี้จ้างกุ๊กต่างแดนมาเลยทีเดียว สงสัยจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าล่ะมั้ง ชักอยากล้มงานนี่ซะละ หึ้ย! ถ้าทำได้อ่ะนะ

ดารินยืนล้างผักที่ถูกแกะไว้ แลดูแล้วเป็นอะไรที่ง่ายกว่าการยืนอยู่หน้ากระทะร้อนๆ ป้าสายดูวุ่นวายกับการรับคำสั่งจากกุ๊กชื่อดังแบบเงอะงะๆ เธอจึงมีโอกาสได้ขยำผักจนช้ำไปสามสี่ใบ ช่างมีความสุขที่ได้แก้แค้นทางอ้อม

“ลำไย เดี๋ยวเอาถาดนี่ไปให้แก้วหน่อยนะ” มือเธอว่างได้ไม่นานงานก็เข้ามาอีกรอบ

ถาดใส่แก้วแชมเปญนี่หนักชะมัด แอบบ่นในใจ แล้วก็เดินอ้อมไปทางด้านข้างของห้องโถง เหล่มองหาแก้วที่กำลังยืนจัดเตรียมชุดอาหารอยู่แถวนั้นก่อนจะส่งให้คนอื่นๆ ดำเนินการต่อไป

เป้าหมายของเธออยู่ไม่ไกลนี่แล้ว เธอจะได้หมดภาระหนักอึ้ง แล้วรีบไปรับภาระอื่นๆ ต่อแทน ทว่าถาดนี่คงไม่ถึงมือเพื่อนแก้วได้อีกต่อไป

........................

‘เพล้ง!’ มันหล่นกระจัดกระจาย เหมือนภาพสโลโมชั่นที่เห็นในหนังก่อนมันจะกระทบพื้นหินอ่อนสีครีม พร้อมกับใบหน้านังทิพย์ที่ยืนตกใจอยู่ข้างๆ

นางตอแหลชัดๆ ขารีบหดกลับไป คงไม่สามารถบอกใครได้ว่ามีตัวร้ายมากลั่นแกล้งขัดขา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ในเรื่องนี้ เธอเป็นคนทำมันหล่นนั่นเอง และแย่ไปกว่านั้นก็คือ บรรดาแขกเหลื่อคนสำคัญหยุดเสียงพูดคุยครึกครื้น ต่างจ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาเดียวกัน

โอว! มันเป็นอะไรที่ย่ำแย่เหลือหลาย แอบเหลือบไปเห็นสายตาคุณผู้ชายคุณผู้หญิงของบ้านหน้างอเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะหันไปเรียกบรรดาแขกชวนสนทนาเรื่องอื่นๆ ต่อแบบไม่สนใจเรื่องผิดพลาดร้ายแรงนี้

งานใหญ่ขนาดนี้หากเป็นบ้านเธอแล้ว คนอย่างลำไยคงถูกไล่ออกในวันรุ่งขึ้นโดยที่เธอเป็นคนตัดสิน ทว่าตอนนี้เธอรู้อะไรเพิ่มมาอีกอย่างหนึ่งก็คือ เธอไม่ควรจะไล่คนอย่างลำไยออก แต่ต้องจัดการกับตัวการทำให้เรื่องเกิดขึ้นต่างหาก ส่วนเวลานี้ต้องรีบเก็บซากความล้มเหลวที่เกลื่อนอยู่ทั่วพื้น ทิพย์ทำเป็นก้มลงช่วยแล้วก็ส่งยิ้มร้ายๆ มาให้เธอ

“ไม่เป็นอะไรนะ” เพื่อนคนสำคัญรีบตามมาช่วยในทันที

ไม่นานนักทุกอย่างก็กลับเป็นอย่างเดิม ตามที่มันควรจะเป็น เหล่าบรรดานักธุรกิจหน้าตายยังคงทำหน้าที่เจรจาเรื่องของตนเอง

บางคนในนี่เธอก็รู้จักเป็นอย่างดี เพราะเคยติดต่อกันมาเนิ่นนาน และอีกหลายคนหน้าใหม่ในนี้ก็เคยร่วมงานกันมาก่อน สงสัยห้างใหม่ของยัยคุณหนูจะไปได้สวยเลยล่ะ

แต่เดี๋ยวรอก่อนเถอะนะ เธอจำหน้าพวกนี้ได้บ้างแล้ว คอยให้เธอเป็นดารินเต็มตัวเสียก่อน เธอจะส่งบัตรเชิญร่วมรับประทานอาหารที่บ้านบ้าง แล้วจัดการให้ข้อเสนอดูดีกว่า หึหึ! เธอจะซื้อห้างนี้ทั้งหมด เพราะมันเป็นหุ้นของอดีตคนรักเธอร่วมกับยัยนีรนุช อร๊าย แค้นฝังจิต

อยากจะให้อภัย แต่มันเจ็บใจลึกๆ ดูหน้านางยิ้มอย่างมีความสุข แล้วข้างๆ ที่นั่งด้วยนั่นมัน.... กวิน คนที่บอกว่ารักเธอหมดใจเมื่อห้าเดือนก่อน ตอนนี้เข้ายิ้มหน้าตาเฉยกับความสำเร็จที่ร่วมกันสร้างกับยัยชอบแย่ง น้ำตาแทบหลุดเมื่อทั้งสองยิ้มและกระซิบคุยกันถึงเรื่องที่เธอไม่รู้ พวกนั้นดูรักกันดี เป็นสิ่งที่เธอต้องกำจัด

“ลำไย ป้าสายบอกว่าเอาอาหารพวกนี้ไปวางที่โต๊ะตรงนั้นที” นังทิพย์ตัวร้ายสั่งอย่างได้ใจ เพราะนางรับคำมาจากป้าสายอีกที ว่าให้ช่วยจัดการตรงส่วนนี้ แล้วเธอก็ดันยืนอยู่ตรงนั้นซะด้วยสิ

ดารินยกถาดใหญ่ๆ ไปวางเรียงกันให้พวกชนชั้นสูงได้เลือกพิจารณา ตามมาด้วยเพื่อนแก้วที่โดนใช้งานไปด้วยอีกคน ส่วนคนสั่งก็ยืนชี้นิ้วอย่างมีความสุข รอให้ป้าสายออกมาก่อนเถอะ เธอจะไม่ทำตามที่นางพูดเลยสักอย่างเดียว

........................

“ไม่เป็นไรนะ” เสียงยัยคุณหนูคุยกับเธอแบบนั้น เธอหันมาสบตาแล้วรีบก้มหน้าหงึกๆ สิ่งที่เธอรับรู้ในใจยัยนี่ มันน่ากลัวจริง เพราะเมื่อครู่คุณหญิงแม่ของนางสั่งกับป้าสายว่าให้ไล่เธอออกในทันที แต่นังคุณหนูนี่ขอเอาไว้

เกือบไปแล้ว ฉันเกือบจะตกที่นั่งลำบาก อยากเอ่ยขอบคุณยัยนี่บ้าง แต่คนที่อยู่ข้างๆ นาง ดันเป็นคนคุ้นเคยของเธอน่ะสิ เธอรีบอ่านใจเขาในทันที แล้วสิ่งที่รู้คือความว่างเปล่า กวินไม่ได้คิดอะไรในตอนนี้ เธอต้องสุมไฟสักหน่อยแล้วล่ะ

“คุณนุชกับคุณกวินดูรักกันดีนะคะ” เป็นสิ่งที่ไม่ควรพูด แต่จะมีเวลาไหนเหมาะสมไปเท่านี้อีกล่ะ เธอสงสัยเรื่องนี้เองไม่ใช่เหรอจึงต้องแลกเปลี่ยนกับเจ้ากระจกนั่น จะมัวมากลัวอะไรอีก

ใบหน้าของคุณหนูดูยิ้มๆ แต่ภายในใจของคู่รักนี้กับแปลกใจที่เธอถาม กวินนั้น มันมีบางอย่างที่เธอแอบดีใจปนตกใจอยู่บ้าง เขาก็ไม่แน่ใจว่าเขารักยัยนุชนี่มั้ย และแวบหนึ่งเขาเอานางไปเปรียบเทียบกับดาริน ดารินเป็นอะไรที่เขาชอบมากกว่าเสียด้วยซ้ำ แต่ยัยนุชนี่ก็ตกลงอะไรง่ายเหลือเกิน เท่านี้คือสิ่งที่เธอรับรู้ได้ ก่อนเขาจะขอตัวเดินไปหยิบเครื่องดื่ม ส่วนยัยคุณหนูนี่รู้สึกจะปลาบปลื้มเสียเหลือเกิน นางยิ้มน้อยๆ ให้เธอแล้วก็หันไปพูดคุยกับแขก ไม่ได้ใส่ใจอะไรในคำถามกึ่งประโยคบอกเล่าซึ่งเธอจุดชนวนให้คิด

มันน่าน้อยใจนัก บอกเลิกกับเธอทั้งๆ ที่คิดว่าเธอมีดีกว่ามากมาย เขาไม่คิดเหรอว่าถ้าเธอรู้ จะเสียใจแค่ไหน ใช่สิ เขาไม่รู้ว่านางคนใช้ชื่อลำไยที่ยืนอยู่ตรงนี้คือคนที่เขาเคยเห็นว่าสำคัญ

เธอไม่อาจทนยืนจัดอาหารตรงนั้นได้นานนักหรอก ดีไม่ดีจากที่ทำถาดแก้วตก จะกลายเป็นการจงใจขว้างปาอาหารจานเป็นแสนแถวนี้ก็เป็นได้ ดารินฝากงานตรงนี้ไว้ให้แก้วจัดการเองก็แล้วกัน ไม่ว่ากันนะ ก็คนมันปวดใจ

ห้องครัวก็ไม่มีอะไรที่เธอช่วยได้มากไปกว่านี้ หนีงานเดี๋ยวก็โดนป้าสายดุเอาได้ ดารินจึงมายืนแถวขอบห้องโถง ยอมโดนนางมารร้ายที่ขัดขาเธอจิกใช้งานเป็นว่าเล่น เธอก็ยอมๆ ทำไปตามนางสั่ง เพราะอย่างน้อยการโมโหยัยนี่ก็ทำให้เธอลืมมองคนรักทั้งสองยิ้มแย้มให้กันลงได้บ้าง

“เร็วหน่อย ชักช้า ทำอะไรก็ไม่เป็นแบบนี้ ใครจ้างเธอเสียเงินเปล่า” เสียงบ่นเปรยๆ เป็นที่รู้กันว่าหล่อนไม่ชอบเธอสักเท่าไหร่ ก็ไม่รู้ว่าทำไม หรืออะไรที่เป็นเหตุ ยังไงก็ต้องขอบคุณละกันที่ทำให้เธอลืมอะไรไปได้เยอะเลย

“ค่ะ ได้ค่ะ”

นอกจากทิพย์แล้วยังมีป้าสาย ใช้เธอยกนั่นนี่เอาไปเก็บไว้ในครัว และทุกครั้งที่ยกเธอก็มักจะอยู่ห่างๆ นังทิพย์ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุกลั่นแกล้งแบบเมื่อครู่ เธอก็อยากเอาคืนบ้างหรอกนะ แต่รอจังหวะตั้งนาน นางก็ไม่ยอมยกอะไรหนักๆ เสียที

ช่างเอาเปรียบคนอื่นเสียจริง คนแบบนี้มีมากบนโลก ทุกครั้งที่เธอเจอก็มักจะหลีกเลี่ยง ถ้าหลีกไม่ได้จริงๆ ก็ชนมันล้มเลย ให้มันรู้กันไปว่าคนทำงานจะแพ้มนุษย์เอาเปรียบ

จะว่าไปแล้วเธอก็เป็นหัวหน้างานที่แย่เหมือนกัน บางทีเธอก็ไล่คนที่ถูกกลั่นแกล้งออกงาน แล้วขึ้นเงินเดือนให้พวกขี้ประจบ เพียงเพื่อตัดภาระคิดมาก จบๆ สิ้นๆ ไป แต่คราวนี้เธอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำเช่นนั้นอีก เจอกับตัวเองมันรู้สึกแบบไหนพึ่งจะรู้ ความยุติธรรม ความลำเอียงจะไม่มีอีกต่อไป

ดารินได้แต่คิดถึงหน้าคนนั้นคนนี้ที่เธอเคยไล่พวกเขาออกงาน ทั้งๆ ที่รู้ว่าพวกนั้นขยันแค่ไหน บางคนไม่ผิดเลยสักนิด

เธออยากกลับไปขอโทษ ยกตำแหน่งสูงกว่าให้ อยากไล่พวกเอาเปรียบ พวกกินแรงงาน พวกสิ้นคิดและการเมืองในบริษัท หรือเครือบริษัทของเธอต้องสูญสิ้น แต่รอไปก่อนนะจ๊ะ ฉันยังต้องยกจานมีแต่เศษอาหารอยู่เลย.... แง แง แง

จัดเลี้ยงรอบนี้พึ่งเริ่มได้ไม่นาน ดารินก็สังเกตเห็นว่ามีแขกบางคนเดินวนไปวนมาอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเดินมาทางพวกพนักงานบริการอย่างเธอ เขามองดูคนนั้นคนนี้ และสุดท้ายก็เลือกหยุดที่ทิพย์

นักธุรกิจหน้าใหม่คนนี้ดูมีบางอย่างที่อยากจะบอก เขาเอ่ยบางสิ่งกับทิพย์ และทำมือไม้ไปมา และเธอก็เห็นว่านังทิพย์ ยืนยิ้ม ลุกลี้ลุกลนแปลกๆ ดารินก็ไม่เข้าใจนักหรอก ทว่าไม่นานนัก ป้าสายก็เดินไปสมทบข้างๆ แล้วทั้งสองก็ยืนยิ้มแบบไม่ค่อยจะสู้ดีนัก

สีหน้าของป้าสายชักไม่ค่อยดี เริ่มหันมองไปทางโต๊ะที่คุณหนูของบ้านนั่งอยู่ ป้าเหมือนจะต้องการตัวช่วย เอ๊ะ! หรือว่าเขาบ่นอะไรที่ไม่ถูกใจ บางทีเธอควรจะเดินเข้าไปสมทบ อยากรู้เหลือเกินว่านังทิพย์จะหวาดกลัวแค่ไหนในเวลานี้ อาจเป็นนางทิพย์ก็ได้ที่ทำให้เขาไม่พอใจ ขอให้นางโดนด่าเถอะ หรือไม่ก็เอานางออกไปก็ดี ชีวิตสามเดือนของเธอจะได้สงบสุข ฮ่าๆ

“มีอะไรเหรอคะป้า” ดารินแกล้งเดินเข้าไปถามแบบไม่รู้อะไรจริงๆนะ  เห็นวุ่นวายกันเลยแค่เดินมาดูน่ะค่ะ

“ผมไม่กินเนื้อสัตว์....มีอะไรอย่างอื่นมั้ยครับ” เขาลองพูดอีกครั้งแบบเกร็งๆ ภายในใจก็เกรงเจ้าของบ้าน เพราะเป็นการขอร้องที่น่าอายเล็กๆ คนในนี้อาจว่าเขาเรื่องมากก็เป็นได้

“มีค่ะ สักพักจะมีสลัดผัก และซุปที่ทำมาจากผักค่ะ รบกวนรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวดิฉันจะไปบอกพ่อครัวให้” เธอตอบไปตามที่จำได้ว่าเมนูวันนี้มีอะไรบ้าง สังเกตเห็นแขกคนนั้นยิ้มตอบกลับมาให้ กล่าวขอบคุณ แล้วเดินไปหาน้ำดื่มรอไปก่อน

เรื่องแค่นี้เอง หรือว่าป้าสายกับนังทิพย์เกิดจำเมนูไม่ได้ขึ้นมากระทันหัน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเลย แค่แขกคนนี้ไม่กินเนื้อ

ดารินหันเดินไปทางห้องครัว หมายจะบอกกับพ่อครัวว่าให้เร่งทำสองเมนูนี้ด้วย แต่ก็ถูกป้าสายดึงตัวเอาไว้ก่อนที่จะได้ทำอะไร

“ลำไย” ป้าดึงแขนเธอให้หันมา พร้อมกับทำสีหน้า และท่าทางตื่นๆ บวกกับความแปลกใจบางอย่าง ไม่ใช่แค่ป้านะ นังทิพย์ก็ด้วย สองนางแปลกใจอะไรมากมายไม่ทราบ

“อะไรคะป้าสาย” เธอถามออกไปในที่สุด อยู่ดีๆ ก็มาทำเหมือนเธอเป็นตัวประหลาดซะอย่างนั้น นังทิพย์อีก ลูกตาแทบหลุดออกจากเบ้า เธอไปทำอะไร เอ๊ะ! หรือว่าจะไปยุ่งเรื่องที่พวกนี้ควรจะเป็นคนบอก

“เธอรู้เรื่องเหรอ” นังทิพย์ปากเร็วกว่าป้า อย่างน้อยก็ไม่ต้องรอเวลานานกว่าป้าสายจะพูดอะไรออกมาสักคำ

“คะ รู้สิคะ” เอิ่ม! แค่ภาษาจีนเอง ง่ายแค่นี้คนที่นี่น่าจะพูดกันได้สิ เอ่อ แบบว่าเธอลืมตัวไปน่ะ ไม่นะ! ดันคิดว่าคนที่นี่เค้าจะรู้อย่างที่เธอรู้ ตายแล้วฉัน คงไม่มีใครเห็นความผิดปกติหรอกนะ ฉันไม่น่าเล้ย

ดารินเริ่มจะร้อนรนแทน ไม่คิดว่าป้าทิพย์จะไม่รู้ เพราะแม่บ้านของเธอถูกฝึกให้เข้าใจคำง่ายๆ เกี่ยวกับงานในครัว งานบ้าน อาหาร และอื่นๆ ที่จำเป็น บ้านเธอจัดงานบ่อยกว่าหลังนี้ล่ะมั้ง เธอคิด

“เค้าพูดว่าอะไร” ป้าสายถามทันที มีนางทิพย์ที่ยืนจังก้าไม่ขยับไปไหน คงอยากรู้ว่าการสนทนาที่หล่อนทำได้ยืนงงเป็นเป็ดตาแตกอยู่นั่นมันคืออะไร

“เค้าไม่กินเนื้อสัตว์ ฉันเลยแนะนำเมนูที่ไม่มีเนื้อสัตว์ให้ ตอนนี้ขอไปบอกพ่อครัวให้เร่งทำก่อนนะคะ เห็นว่ากำลังจะเริ่มเมนูเนื้ออีกอย่าง เดี๋ยวช้าไป แขกจะรอนาน” เธอรีบขอตัว อยู่นานเดี๋ยวพวกนี้ได้สงสัยกันพอดี

“เดี๋ยว....ลำไย” ป้าสายยังคงรั้งเธอไว้อีก ไม่เข้าใจว่าจะอะไรกันมากมายหนอ แค่เธอรู้สิ่งที่แขกสื่อสารมันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ จะมามัวงงงวยกันทำไม๊ ปล่อยฉัน ฉันจะรีบไป

“เธอเข้าใจที่กุ๊กพูดเหรอ” คราวนี้ทั้งสองถามพร้อมกันเป็นเสียงประสาน

“เอ่อ ขะ เข้าใจ” ดารินตอบ ก็เมื่อกี้เห็นป้ายังคุยกับเค้าเหมือนจะรู้เรื่องอยู่เลย

ดารินรีบอ่านใจป้าสายก็พบว่าป้าพยามแทบตายกว่าจะเข้าใจแต่ละอย่างที่เขาบอกมา นางทิพย์เลยได้ออกมาเสนอหน้าออกมายืนเสิร์ฟอาหารแทนไปก่อน

โอว! ภาษาที่สองที่คนใช้ในบ้านเธอรู้ แต่แย่แล้วสิ! เมื่อกี้ในครัวมีเธอที่รู้อยู่คนเดียวสินะ รู้อย่างนี้อ่านใจพวกนั้นก่อนก็ดี ไม่น่าเลยฉัน เอ๊ะ! แต่อะไรที่แย่ล่ะ เธอรู้ก็ดีแล้วนี่นา จะได้ช่วยคนพวกนี้ทำงานได้สะดวกขึ้น ไม่เห็นมีอะไรน่าตกใจถึงขนาดนั้นเลย ดารินส่ายหน้าแบบงงๆ ก่อนจะเดินอ้อมไปหลังครัว ช่างมันเถอะ หน้าที่ของเธอคือต้องบอกพ่อครัวตอนนี้ ไมใช่นั่งกังวล

........................