กระจกวิเศษ ตอนที่8

เช้าวันนี้เป็นวันที่ดารินออกมาสายกว่าปกติถึงครึ่งชั่วโมง เพราะหน้าที่เธอไม่ได้มีมากนัก มีก็แต่ต้องทำให้เสร็จทันตามเวลาเท่านั้นเอง ซึ่งเธอลองคำนวณเวลาดูแล้ว ไม่ถึงสามชั่วโมง พื้นห้องกับสิ่งตกแต่งก็มันวับด้วยฝีมือของเธอ

จะว่าไปแล้วบ้านนี้จ้างคนสิ้นเปลืองมาก เงินเดือนก็ได้ ที่พักก็มี กินอยู่ก็ฟรี แต่หากเปลี่ยนอาหารบ้างก็คงจะเลิศกว่านี้ ไม่สิ ต้องเปลี่ยนคนครัวมากกว่า หล่อนคิดเมนูซ้ำซากได้น่าเบื่อนัก

คนในโรงอาหารดูเหลือน้อยกว่าปกติ เป็นอะไรที่เธอรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ไม่ต้องนั่งยิ้มแย้มพูดคุยกันในเรื่องที่เธอไม่ค่อยจะรู้

พวกเขามีความเป็นไปต่างไปจากเธอ ใช่ว่าเธอไม่อยากเปิดใจ แต่เธอไม่เข้าใจต่างหาก บางคนก็เล่าเรื่องคนงานคนก่อนที่ขอลาออกไปแต่งงานอย่างสนุกปาก ก็ไม่เข้าใจว่าจะมานั่งพูดถึงคนที่ออกไปแล้วทำไม ในเมื่อมันก็คืออดีตอยู่ดี และบางคนร้ายยิ่งกว่านั้น เขาหยิบแก้วน้ำส่วนรวมมาใช้แล้วคว่ำไว้ที่เดิม

เพียงเพราะความขี้เกียจ กับไม่มีใครเห็น และอีกหลายคนแอบใช้ของใช้ของเจ้านายตอนที่ไม่อยู่บ้าน มันไม่หลุดลอดไปจากสิ่งที่เธออ่านใจพวกนั้นได้หรอก น่ากลัวเสียจริงกับการกระทำเช่นนี้ คิดว่าที่บ้านของเธอก็คงไม่ต่างกัน แบบนี้ต้องติดวงจรปิดไว้ทุกที่เสียแล้วสิ

ดารินทิ้งตัวลงนั่งบนโต๊ะอาหาร แก้วเพื่อนคนเดียวที่เธอสนิทคงไปทำงานก่อนหน้านั้นแล้ว หรือไม่ก็คงอยู่ในห้องพักของตัวเอง เธอรู้สึกเหงาบ้างเมื่อต้องนั่งกินอาหารอย่างโดดเดี่ยว โดยมีสายตาของคนคุมงานเมื่อวานจ้องมองมาอย่างอาฆาต ดารินไม่ได้ไปเหยียบหางหล่อนเลยนะ แต่อีกหน่อยก็ไม่แน่

“ป้าสาย วันนี้ฉันไม่สบาย ขอหยุดสักวัน หาคนไปแทนให้ที” เสียงแหบแห้งบอกกับป้าแม่บ้าน รู้ได้ว่ามันโกหกสิ้นดี หล่อนดัดเสียงจนฟังดูน่าเชื่อ ทั้งยังหน้าซีดๆ กับปากแห้งๆ นั้น มันก็เข้ากันได้อย่างลงตัว

แต่ความหน้าด้านของทิพย์ไม่ได้ทำร้ายเธอโดยตรง หากมันกระทบเธอทางอ้อมเต็มๆ เพราะในความคิดของป้าสายตอนนี้ กำลังหาคนทำงานแทน และเธอก็เป็นตัวเลือกแรกๆ ที่สั่งงานไปแล้วจะไม่อิดออด

ไม่นะป้า อย่ามองมาทางนี้ ไข่ต้มติดคอฉันพอดี เธอรีบก้มหน้ามองแต่อาหารที่กำลังจัดการอยู่เงียบๆ ทำเป็นว่าไข่ต้มลูกนั้น มีเปลือกติดอยู่เต็มไปหมดและมันแกะยากเหมือนแงะแผ่นหิน

“ลำไย” ไม่อยากได้ยินเอาตอนนี้เลย เธอจำเป็นต้องเงยหน้ามองป้าสายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และก็รู้ทันทีว่าเธอได้งานนี้ไปเต็มๆ นังทิพย์หนอ ช่างแกลังกันได้ ฉันเหนื่อยเป็นสองเท่ากับงานที่ไม่เคยทำมาก่อน ยังต้องมาเหนื่อยอีกสามเท่าเพราะภาระที่เพิ่มขึ้น

“คะ ป้า” ขานรับแม้ในใจจะรู้อยู่เต็มอก

“วันนี้ไปเช็ดห้องคุณหนูให้ด้วยนะ” ป้าสายพูดกึ่งสั่งกึ่งขอร้อง ก็พอเข้าใจนะว่าคนไหนป่วยก็ต้องมีคนทำแทน และเธอก็พึ่งมาใหม่ โดนใช้เต็มๆ แน่นอน จะบ่นก็คงไม่ได้แล้วล่ะแบบนี้

“ได้ค่ะ” ดารินกลืนไข่ลูกเมื่อกี้ลงคอไปทั้งลูก คิดว่าถ้ามันติดคอตายคงเป็นทางรอดทางเดียวของเธอ

ป้าสายบอกทิศทางห้องของนังนีรนุชมาคร่าวๆ เธอก็รับปากมาดิบดี บางทีไปในห้องนางอาจได้แกล้งอะไรคืนบ้างก็ดีเหมือนกัน อยากรู้นักว่ากวินทำไมเลือกนางแทนที่จะเป็นเธอ แม้ว่าเธอจะทำใจได้แล้ว หากแต่ความสงสัยเล็กๆ ยังคงไม่หายไป และเธอก็ยอมแลกเปลี่ยนในสิ่งที่ไม่อยากแลกที่สุดไปแล้ว ต้องใช้ช่วงเวลาเหล่านี้ให้คุ้มหน่อยละกัน

........................

หลังจากปิดท้ายด้วยส้มไปหนึ่งผล ดารินก็เตรียมพร้อมด้วยอุปกรณ์หลากหลายชนิด พกพาไปจัดการกับห้องโถงเล็กด้วยเวลาอันรวดเร็วกว่าที่คิดไว้มาก มีความสุขเสียจริง งานที่ไม่เคยทำสำเร็จไปด้วยดี ทว่ามันยังเหลืออีกห้องนี่สิ หวังว่าห้องนั้นคงไม่กว้างกว่าห้องเธอที่บ้านนักหรอกนะ ภาวนาขอให้มันเล็กกว่าด้วยเถิด ไม่เช่นนั้นพลังงานคงแทบไม่เหลือ

ประตูที่สี่ขวามือจากทางเดินปูพรมสีอ่อน เจ้าของห้องคงออกไปทำงานแล้วกระมัง สายขนาดนี้แล้ว หากไม่เข้าบริษัท งานการคงเสียหายหลายแสน ดารินเปิดประตูเข้าไปช้าๆ ดันเอาอุปกรณ์ตามเข้ามาอย่างลำบาก ไม่รู้หรอกว่าห้องนี้ต้องทำอะไรบ้าง ก็เลยขนมันมาหลายชิ้นด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นไม่ถูพื้น ไม้ปัดฝุ่นถังใส่น้ำยา ผ้าขนหนู และอื่นๆ ที่พอจะหยิบฉวยมาได้ เพราะการเดินวนกลับไปมา มันเสียเวลาพอสมควรเลยทีเดียว

ความคิดแรกเมื่อได้เข้ามาเหยียบคงเป็นอาการน่าขบขันปนสะใจเล็กน้อยที่เห็นว่าห้องนังคุณหนูที่อดีตแฟนเก่าของเธอปันใจให้ ใหญ่โต และหรูหราเทียบได้เพียงครึ่งของห้องนอนเธอเท่านั้น ฮ่าๆ ฉันชนะนางก็ตรงนี้แหละ ไหนจะยังห้องน้ำที่ดูแคบไปนิดนึง แต่ก็นะ มันก็กว้างอยู่ดีหากเธอต้องทำความสะอาด

ดารินเริ่มจากการหยิบเอาผ้าปูที่นอนกองขมวดของหล่อนมาพับให้เข้าที่ พลางคิดไปว่ายัยนีรนุชนี่สงสัยไม่มีใครอบรมว่าให้พับผ้าปูตอนตื่น ถึงเธอจะเอาแต่ใจแค่ไหน เธอก็ไม่ปล่อยผ้าปูให้ขมวดอยู่แบบนี้หรอก

ผ้าปูเสร็จก็เป็นหมอนเอามาตบๆ อย่างไม่ใส่ใจสองสามทีแล้ววางเรียงไว้บนเตียงดังเดิม ส่วนสายตาก็เลื่อนไปเห็นรูปภาพคุ้นตาของอดีตแฟนตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอน

ข้างๆ เขาเป็นเจ้าของห้องนอนยืนยิ้มหน้าระรื่น ทั้งสองคนดูมีความสุขที่ได้ไปเที่ยวที่ไหนสักแห่งด้วยกัน

ภาพลักษณะนี้ก็มีในห้องเธอ เป็นเธอที่ยืนยิ้ม ไม่ใช่ผู้หญิงชั่วร้ายคนนี้ หล่อนแย่งชิงคนรักไปจากเธอ

ดารินหยิบกรอบรูปมาบีบไว้แน่น แวบหนึ่งเธอแทบจะปามันลงกับพื้น เอาเศษกระจกโรยลงบนเตียงนอนให้เจ้าของที่ถูกบาดเข้าสักหน่อย แต่แล้วก็ต้องปล่อยมันหลุดมือเสียเอง....

“ลำไย....” เสียงนั้นทำให้เธอตกใจรีบหันกลับไปดูในทันที

เจ้าของห้องตอนนี้มีผ้าขนหนูบางๆ พันตัวออกมาจากห้องน้ำ ยืนแปลกใจที่เห็นเธออยู่ในห้อง และนางคงแปลกใจเพิ่มเข้าไปอีก เพราะเห็นกรอบรูปข้างเตียงแตกเกลื่อนอยู่บนพื้น ซึ่งไม่ต่างจากดารินในคราบลำไยแม้แต่น้อย เธอรู้สึกตกใจอย่างมากที่ปล่อยกรอบรูปหลุดมือ เพราะรู้ว่าสถานะของตัวเองตอนนี้เป็นเช่นไร

“ขอโทษค่ะ....” เธอกล่าวออกมาช้าๆ ก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตา ไม่อยากให้รู้ว่าลึกๆ แล้วไม่มีความรู้สึกผิดในคำกล่าวนั่นเลย เป็นแค่ความกลัวจะถูกตำหนิเท่านั้น

“ไม่เป็นไร....แล้วเธอเข้ามาทำไม” เจ้าของห้องไม่ได้สนว่าเธอจะทำของชิ้นไหนแตกหักสักเท่าไหร่ แต่สนว่าเธอเข้ามาห้องนี้ทำไม มีจุดประสงค์อันใดมากกว่า

“ฉัน..เข้ามาทำความสะอาดค่ะ” ดารินตอบขณะที่ยังก้มหน้าอยู่กับที่

“อ้าว แต่ฉันบอกทิพย์เมื่อวานแล้วนะว่าวันนี้ไม่ต้อง.... แล้วเข้ามาอย่าลืมเคาะประตูด้วย”

โดนเข้าจังๆ เลย นังทิพย์แกล้งเธอเสียแล้ว เมื่อเจ้าของห้องบอกว่าไม่ต้อง แต่เหตุการณ์เมื่อเช้า ทิพย์บอกว่าไม่สบายหาคนแทนที แบบนี้จงใจชัดๆ แล้วน้ำเสียงของยัยคุณหนูในต้อนนี้ก็เริ่มจะโมโห ดารินก็ไม่แน่ใจ เพราะไม่สามารถรับรู้ได้ว่าโมโหเรื่องที่เธอเข้ามา หรือเรื่องไม่ได้เคาะประตูกันแน่ แต่ที่รู้ๆ สาเหตุมาจากเธอ

“ฉันไม่รู้ว่าคุณนีรนุชจะอยู่ ฉันขอโทษค่ะ” เธอก้มหน้าก้มตาเก็บเศษกรอบรูป ลงถังผงที่เตรียมมาด้วยอย่างรวดเร็ว กวาดๆ เศษผงที่เหลือ วางรูปภาพที่ไม่ได้แตกลงข้างเตียง ลอบสังเกตนีรนุช หล่อนยืนกอดอกพิจารณาอาการลุกลี้ลุกลนของเธอ

“ทำไมทำหล่นได้ล่ะ” หล่อนสงสัยขึ้นมา ก็ในเมื่อของมันก็วางอยู่ห่างจากจุดตกไกลพอสมควร

“ฉันหยิบขึ้นมาเช็ด แต่ตกใจก็เลยทำหลุดมือค่ะ” เธอตอบเมื่อกวาดเศษสุดท้ายเข้าถังผง

ดารินไม่อยากมองหน้ายัยนี่ตรงๆ นักหรอก พยามหลีกเลี่ยงเสียจะดีกว่า กลัวจะแสดงอาการริษยาออกไปให้เห็น แม้กริยากับคำพูดเธอไม่ได้สื่อเช่นนั้น หากแววตานั่นไม่ยอมทำตาม อีกทั้งตอนนี้เธอก็ควรทำตัวให้เหมือนคนใช้ รอเวลาให้มันครบกำหนดจะได้ไปๆ เสียที

“เหรอ งั้นช่วยบอกป้าสายที ว่าหากรอบรูปใหม่ให้ฉันด้วย แล้ววันหลังถ้าจะเข้ามาเคาะทุกครั้ง อย่าคิดไปเองว่าฉันไม่อยู่” นังนี่บังอาจใช้น้ำเสียงนี้กับเธออย่างนั้นเหรอ หล่อนดูถูกเธอเล็กๆ เมื่อมองมือที่กร้านของเธอตอนหยิบจับไม้กวาด

ยัยเจ้าของห้องไม่ได้สนใจเธอแล้วในตอนนี้ หลังจากพูดเสร็จก็ไม่ได้รอการขานรับแต่อย่างใด เป็นที่รู้กันว่าเธอต้องเข้าใจในคำสั่ง เธอเห็นหล่อนหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กๆ อีกอันขึ้นมาซับผม นั่งหันหลังให้กับคนใช้อย่างเธอ และเธอเองก็ไม่ควรอยู่ที่นี่นานนักหรอก

“ได้ค่ะ” ดารินขานรับแล้วมุ่งหน้าไปยังประตู สงสัยจังว่าทิพย์สามารถพูดคุยอย่างสนิทสนมกับคนๆ นี้ได้อย่างไร อาจทำงานมานานล่ะมั้ง ไม่อยากคิด ครั้งนี้คงเป็นครั้งเดียวที่จะได้ขึ้นมา รอบหน้าจะแกล้งไม่สบายหนักๆ ไปบ้าง ไม่รับทำแทนแล้ว

........................

“เดี๋ยวลำไย....” คุณหนูของบ้านเรียกเธอตอนที่นิ้วมือเพียงสองนิ้วจากห้าแตะลงกลอนประตู อะไรกันน๊า หรือนางจะยังด่าเธอไม่พอ คงจะเรียกมาต่อว่าอย่างที่เธอชอบทำกับคนงานในบ้าน

“คะ คุณ” จำใจต้องหันกลับมาอีกครั้ง ดารินมองดูยัยคนนั่งหน้ากระจก ยกผมขึ้นมาม้วนทรงต่างๆ อยู่สักพัก พลางลอบสังเกตผิวพรรณแลดูผุดผ่อง ไม่ต่างจากเธอยามที่ไม่ใช่ลำไย ผมดัดส่วนปลายเล็กน้อย ไม่มีสักเส้นแห้งกรอบ ปากแดงๆ ดูมีสุขภาพ เรือนร่างนั่นแทบจะเรียกได้ว่าไร้ไขมันส่วนเกิน มันสวยงาม เฉกเช่นเดียวกับเธอทุกประการ แต่สิ่งใดเล่าในความเหมือนนี้ทำให้คนรักเก่าของเธอเลือกนังนี่ มันมีอะไรที่ต่างกันอย่างนั้นหรือ เธอถอนหายใจเงียบยืนรอคำสั่งต่อไป

“เธอว่า.... ฉันม้วนผมขึ้น หรือว่าปล่อยผมดีล่ะ” หล่อนถามขึ้นมา น้ำเสียงเปลี่ยนไปจากเดิมมาก เมื่อครู่ยังมีความโมโหปะปนมาอยู่เลย แต่ตอนนี้มันเหมือนไม่สนใจเรื่องราวเหล่านั้นแล้ว กลับกันถ้าเป็นเธอ คงสั่งตัดเงินเดือน ไม่ก็ดุด่ามากกว่านี้เป็นแน่

“คุณนีรนุชจะไปไหนเหรอคะ” ถามก่อน จะได้ดูสถานการณ์ได้ถูก

“ต้อนรับนักลงทุนเย็นนี้ไง ป้าสายคงบอกแล้ว .... เรียกฉันว่านุชก็พอ เรียกเต็มๆ มันยาวไป ไม่คุ้นน่ะ”

บอกให้เธอเรียกแบบนั้นได้เหรอ ใจจริงอยากเรียกนังนุชด้วยซ้ำไป เหอะๆ รำคาญสุดแสนที่ต้องเห็นยัยนี่ทำตัวตีซี้กับคนไปทั่ว หรือว่ากวินคงชอบผู้หญิงแบบนี้ ไม่ถือตัวเอาบ้างเลย

“ฉันว่ามวยขึ้นแล้ว ปล่อยปลายลงมานิดนึงดีกว่านะคะ หรือถ้าจะปล่อยก็ต้องดูแบบเสื้อที่คุณจะใส่ก่อน ถ้าเข้ากันได้ดีก็ปล่อยค่ะ”

ดารินตอบไปแบบที่ใจเธอคิด อย่างน้อยการเลือกสรรสิ่งตกแต่งให้กับตัวเอง เธอจะไม่หลอกใครให้เลือกไปเรื่อยแล้วออกมาดูไม่เหมาะ มันต้องไม่ใช่คำแนะนำที่มาจากเธอล่ะแบบนั้น แม้ว่าจะไม่ชอบยัยนี่เลยก็ตาม แต่ก็ขอแนะนำตามที่คิดก็แล้วกัน

“เธอว่าอย่างนั้นเหรอ แล้วปล่อยปลายแบบไหนล่ะ” หล่อนดูสนใจขึ้นมาทันที อยากรู้ว่าแบบไหนที่เธอเสนอไป

“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะคุณนุช .... คล้ายๆ แบบแรก .... ไม่ใช่ค่ะ” ดารินชักจะทนไม่ไหวเห็นนางพยามม้วนไปก็ม้วนมาไม่เข้าที่เข้าทางสักที จึงเดินเขาไปยืนข้างๆ

“แบบนี้รึเปล่า” คนพยามก็ยังจะทำแบบที่มันดูแล้วหลุดรุ่ยไม่สวยดังที่เธอคิดอยู่ดี

“ให้ฉัน....” เธอยื่นมือเข้าไปใกล้กับปลายผม แล้วก็หดกลับในทันใด เพราะรู้สึกถึงกระแสความรังเกียจในมือกร้านของเธอแวบหนึ่ง ซึ่งทำให้ดารินยืนดูเงียบๆ อย่างเก่าจะดีกว่า

“ไม่เป็นไร ลองสิ” คำพูดที่เธอไม่คิดว่ายัยนี่จะพูดก็หลุดปากออกมาจนได้ เหมือนหล่อนอยากจะรู้ว่าทรงที่เธอพูดถึงมันเป็นยังไง

“ได้เหรอคะ” ถามเพื่อความแน่ใจอีกรอบ

“ได้ ลองเลย” เหมือนว่าคุณหนูจะนั่งไขว่ห้าง มีตื่นเต้นเล็กๆ รอดูว่าเธอจะทำทรงผมแบบไหนให้

ดารินเอื้อมมือไปจับผมนุ่มสลวยนั้น พลางคิดภาพว่าถ้าเธอได้กระชากมันหลุดติดมือมาสักสามสี่กำ โยนลงถังขยะจุดไฟเผาก็คงดี

เฮ้อ! ยังทำไม่ได้ เธอจัดการม้วนผมนางไปมา ใช้กิ๊ฟติดผม และอุปกรณ์ต่างๆ อย่างคล่องแคล่ว เหมือนตอนทำให้ตัวเองเวลาที่รู้ว่างานเลี้ยงจัดขึ้นแบบจวนตัว

“แบบนี้ค่ะ....ให้เห็นต้นคอ ดูปราดเปรียวขึ้นมาเยอะเลย ทิ้งปรายหน่อยไม่เป็นทางการมากไป เพราะต้อนรับในบ้านเรา แล้วส่วนหน้าเก็บตรงนี้นิดนึง เอาล่ะ ดูดีแล้วค่ะ” ไม่ถึงห้านาทีกับการจัดทรงผมมืออาชีพที่ลงตัวสุดๆ หล่อนดูอึ้งๆ กับปรากฏการณ์ใหม่ในทันที มันดูดีอย่างที่คนทำว่าไว้ แต่....ทำไมลำไยถึงรู้ล่ะ

“เธอทำหน้าที่อะไรเหรอตอนอยู่ที่เก่า” ว่าแล้ว ต้องมีคำถามนี้

“ฉันช่วยคุณผู้หญิงอยู่บ่อยๆ น่ะค่ะ” พึ่งคิดคำโกหกได้เฉียดฉิว เกือบหลุดปากไปว่า ก็ของมันแน่อยู่ละ แค่นี้เรื่องพื้นๆ เธอไม่รู้เหรอยัยนุช

“แล้วเธอแต่งหน้าได้รึเปล่า” สงสัยจังนะ ฉันทำอะไรได้มากกว่าที่เธอรู้เยอะค่ะ สวยกว่า รวยกว่า และเก่งกว่าหล่อนเยอะ ฮ่าๆ

“ก็พอได้บ้างค่ะ” เธอตอบแบบถ่อมตัว ไม่อยากหัวเราะออกมาให้นังนี่รู้เล้ยยยย เราคนละชั้นกันนะคะ กร๊ากๆๆ อุ้ย! ผู้ดีหลุด สงสัยอยู่ร่างลำไยนานไปหน่อย

“งั้นลองเลยๆ” ยัยคุณหนูนี่ดึงเธอมายืนตรงหน้า ชี้มือชี้ไม้ไปยังเครื่องสำอางบนโต๊ะเครื่องแป้ง

หล่อนลืมเรื่องรังเกียจเธอไปแล้ว ตื่นเต้นที่เห็นคนอย่างเธอมีอะไรพิเศษ ไม่คิดว่าคนใช้ธรรมดาๆ จะมีความรู้อย่างนี้ด้วย หล่อนอยากลองของนั่นเอง และความตื่นเต้นนั้นก็ทำให้ลืมไปอีกว่าสิ่งที่ปกปิดบนตัวอยู่ มีแค่ผ้าขนหนูพันไว้ชั่วคราว จึงทำให้ดารินเหลือบมองเห็นร่องบางอย่างเต็มสองตาได้อย่างง่ายดาย

ตายละ! ฉันแพ้หรือนี่ ไม่จริง นางไปกอบโกยมาจากไหนเยอะแยะ เสริมมาชัวร์ ปลอมชัดๆ เธอคิดปลอบใจตัวเอง

“มองอะไรลำไย” อ่าว แย่แล้วสิ เผลอมองนานไปหน่อย แล้วเหมือนยัยนุชจะรู้ว่าเธอมองส่วนไหนเสียด้วย เดี๋ยวแม่ก็เอามาสคาร่าจิ้มตาบอดเลยนี่ บอกให้มองบนๆ มามองตาเธอทำไมคะ รู้กันพอดี

“ปะ เปล่าค่ะ” เธอตอบเลี่ยงๆ เอื้อมไปหยิบอุปกรณ์ชิ้นอื่นมาแทน ทำเป็นว่าไม่สนใจสิ่งที่กำลังกระเพื่อมไปมาอยู่ตรงหน้า

“คุณแม่ให้มาเยอะน่ะ”

ต๊ายตาย หล่อนบอกอย่างไม่เกรงอกเกรงใจคนใช้ตัวปลอมอย่างเธอเลยนะยะ ถึงอ่านใจไม่ออกก็วิเคราะห์จากน้ำเสียงและคำพูดได้เลยว่าภูมิใจที่ไม่ใช่ของปลอม

ชิ! นังนุช ฉันมีพอดีๆ หรอกย่ะ ไม่ต้องมาอวด

ลำไยหรือดาริน ใช้ความสามารถที่เธอถนัดจัดการหน้าของคนที่เธอไม่ชอบได้ไม่นานนักก็ถอยออกมาพิจารณาผลงานตัวเองอยู่ข้างๆ มันดูดีเลยทีเดียว

หน้ายัยนี่มันสวยอยู่แล้วหรือว่าฉันเพิ่มความงามเข้าไปกันล่ะ สงสัยฉันจะเพิ่มให้มากไป ไม่น่าเล้ย ไม่น่าทำเต็มที่....คิดแล้วเซ็ง

“โห....” ยัยคุณหนูนั่นพูดแค่นั้น

แต่เธอรู้ว่าหล่อนชื่นชมตัวเองอยู่ไม่น้อย ถึงไม่พูดแต่หน้ามันฟ้องย่ะ ไม่เก็บออมอาการบ้างเลยนะ หลงอยู่หน้ากระจกสักพัก หล่อนก็พึ่งนึกได้ว่าเธอยืนอยู่ข้างๆ แล้วก็อดชมเธอไม่ได้

“ลำไยนี่ก็เก่งเหมือนกันนะนี่ วันหลังมาช่วยฉันอีกนะ....ไม่ๆ เย็นนี้เลย พอดีฉันไม่ได้หาช่างแต่งหน้าไว้น่ะ แล้วช่วยเลือกชุดให้ด้วยสิ เธอว่าตัวไหนดูดีกว่ากันเหรอ” คิดใช้เธอย่างนั้นเหรอ นั่นๆ ทำเป็นรีบไปเปิดตู้ คุ้ย เสื้อผ้าออกมาให้เธอเลือก

“แต่ฉันต้องไปช่วยป้าสายเสิร์ฟอาหารนะค่ะ” พยามเลี่ยงให้ไม่ต้องมาช่วยยัยนี่ เดี๋ยวนางจะงามเกินไป รับไม่ได้อย่างแรงค่ะ

“ไม่เป็นไร ช่วยฉันก่อน เดี๋ยวฉันบอกป้าสายให้ เธอไปช้าก็ไม่เป็นไรหรอก คนออกจะเยอะแยะเนอะลำไย”

ม่ายยยย! คือสิ่งที่ใจเธอสั่งการ แต่ตอนนี้สมองต้องอยู่เหนือกว่า ดารินจึงจำใจต้องตกลง เพราะถ้านางไม่พอใจอาจไล่เธอออกบ้าน แล้วจะมีที่ไหนให้เธอไปได้อีกล่ะ ใครจะยอมจ้างงานเธอง่ายๆ ไม่ถามไถ่อะไรมากมายอย่างยัยนี่อีก คิดแล้วก็ไม่น่าเล้ย ไม่น่าไปแสดงออกว่าฉลาดเลย อร๊าย เซ็งค่ะเซ็ง

........................