กระจกวิเศษ ตอนที่3

ดารินรีบจัดการธุระให้เรียบร้อย ลังเลเล็กน้อยว่าจะกดสิ่งที่เธอสะใจให้ไหลลงน้ำหรือว่าให้คนที่มาเข้าต่อทีหลังเห็นว่าห้างนี้น้ำไม่ไหลดี

แต่ด้วยความเป็นผู้ดีที่กลัวว่าจะมีคนมาเห็นตอนเธอเดินออกมา ทำให้ต้องกดมันไหลลงน้ำไป รีบออกมาล้างมือที่อ่างน้ำข้างนอก เป่าลมใส่มือให้แห้ง

ช่วงเวลานี้ไม่มีใครเข้าห้องน้ำหรืออย่างไรกัน บางทีเธอน่าจะปล่อยสุขาทิ้งล้างไว้ให้คนถัดไปมาเจอ

แต่ช่างมันเถอะ ตอนนี้สิ่งที่น่าสงสัยคือ มีใครแอบย่องเข้าห้องนอนของเธอรึเปล่าถึงได้กล้าดีเอากระจกบานเมื่อเช้าที่เธอวางมันลงในถังขยะในห้องน้ำ มาใส่ไว้ในกระเป๋า อีกทั้งยังรู้ล่วงหน้าด้วยว่าเธอจะหยิบกระเป๋าใบนี้ เดี๋ยวดูกล้องวงจรปิดในบ้านก็รู้ จะได้จัดการให้ถูกคน

เธอหยิบกระจกบานเล็กนี้ขึ้นมามอง มันไม่สวยงามเอาเสียเลย ไม่มีทางที่คนอย่างเธอจะซื้อในราคาแพงขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่ช่วงที่กำลังเสียใจหลังจากโดนบอกเลิกมาหมาดๆ

‘ลงถังไปซะเถอะแก’

มันไม่ต่างจากความซวยที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่เมื่อวาน แม้จะแพงแต่หากทิ้งไปมันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้าเธออยากได้กระจกจริง หาซื้อที่มันสวยที่มันมันดูดีกว่านี้ก็ย่อมได้ ฝังเพชรเม็ดเล็กๆ สักสี่สิบห้าสิบอันรอบบานให้มันสวยวิ้งๆ เลยเป็นไง แล้วเธอก็ยื่นมันออกมาจะปล่อยลงถังขยะภายในห้องสุขา แต่แวบหนึ่งก็คิดขึ้นมาได้ว่า

‘มันทำอะไรผิดถึงต้องถูกทิ้ง’

เธอไม่แม้แต่จะใช้มันเลยสักครั้ง มันคงเสียใจที่อย่างน้อยครั้งหนึ่งเธอก็เลือกมัน ไม่นานก็โยนมันทิ้งอย่างไม่ไยดี เพียงเท่านี้น้ำตาก็รื้นขึ้นที่ขอบตาซึ่งบวมอยู่เป็นทุนเดิม เธอสงสารกระจกหรือนี่ มันมีค่าแค่ถูกทิ้งไม่ต่างจากเธอเลยใช่ไหม

เอ๊ะ! แต่ไม่สิ ถ้าเธอเป็นกระจก มันก็ต้องสวยกว่านี้แน่นอน โฮะๆ

‘เอางี้ ฉันจะใช้แกครั้งหนึ่งก็แล้วกัน อย่าหาว่าฉันใจดำนะ’

เธอเปิดบานพับเล็กๆ นั่นออก แอบกลัวว่ามันจะหักไปเสียก่อนที่เธอจะได้ใช้ มือน้อยๆประคองมันไว้ แล้วยกขึ้นมาส่องให้เสมอใบหน้า พร้อมกับมองไปรอบๆ ห้องน้ำที่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีใครเดินเข้ามา

“กระจกวิเศษบอกข้าเถิด ข้างามเลิศที่สุดในปฐพีใช่มั้ย .... ต้องใช่สิ! ไม่ต้องบอกข้าก็รู้” ดารินหัวเราะเล็กๆ อย่างภูมิใจ ปิดมันลง แล้วก็คิดในใจว่าเธอได้ใช้มันส่องแล้วอย่างน้อยก็หนึ่งครั้ง ตอนนี้ก็จงลงไปนอนในถังได้แล้วล่ะ ลาก่อน เธอก้มลงยื่นมันทิ้งลงถังใต้ฐานรองอ่างล้างมือ

“แน่ใจเหรอ....ข้าว่ามีผู้ที่งามเลิศในปฐพีอยู่เยอะนะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาภายในห้องที่เธอยืนอยู่ สำเนียงการพูดและการออกเสียงไม่ต่างจากเธอแม้แต่น้อย หรือแทบเรียกได้ว่าเลียนเสียงเธอได้เหมือนที่สุด

“ใครน่ะ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ” มันไม่ตลกเอาเสียเลย ต้องเจอกับเสียงที่ไร้ตัวตนดังขึ้น ซ้ำเสียงนั้นก็ยังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลตัวอีกด้วย

“เปิดข้าอีกครั้ง แล้วเจ้าจะรู้ .... เอาข้าออกมาจากถังเน่าๆ นี่ด้วย!” มันพูดขึ้นมาอีกครั้ง จนเธอแน่ใจได้แล้วล่ะว่าต้นกำเนิดเสียงมาจากสิ่งที่เธอปล่อยลงถังขยะว่างเปล่าเมื่อสักครู่

กระจกผีสิงอย่างนั้นเหรอ ดารินคิดได้เท่านี้ ณ เวลานี้ และไม่ต้องการเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง เธอจึงใส่เกียร์หนึ่งให้เท้าตัวเอง พุ่งออกมาจากห้องน้ำนั่นในทันที เธออาจเป็นจุดสนใจหากวิ่งเร็วขนาดนั้นผ่านกลุ่มคน แต่สิ่งที่เธอต้องการอยู่ในตอนนี้คือการไปถึงรถให้เร็วที่สุด

ขับมันกลับไปยังบ้านกว้างใหญ่ ขดตัวอยู่บนเตียง อาจสั่งให้แม่บ้านตามหมอ หรือเอาชาร้อนๆ มาให้เธอสักแก้ว เพื่อกำจัดอาการเสียใจที่ทำให้หลอนตัวเองได้ถึงเพียงนี้

........................

เมื่อถึงจุดหมายแห่งการรอคอย อย่างน้อยการได้อยู่ในที่ๆ เป็นของเธออย่างเช่นรถคันนี้มันก็ยังดีกว่าต้องไปยืนโดดเดี่ยวแถวไหนสักแห่ง เธอสะบัดหน้าเพื่อเรียกสมาธิว่ามาถึงรถแล้ว และพร้อมขับออกไปอย่างปลอดภัย

ดารินวางกระเป๋าลงข้างคนขับ ควานหาเครื่องมือสื่อสารเพื่อโทรบอกแม่บ้านให้เตรียมสระน้ำวนที่บ้านให้เธอด้วย จะได้กลับไปแล้วแช่ตัวให้คลายกังวล แต่สิ่งที่หยิบขึ้นมานั้น....

“แย่มากเลย ทิ้งข้าเอาไว้ในนั้น....”

มันอีกแล้ว ไอ่กระจกบ้านั่นคือสิ่งที่เธอหยิบขึ้นมาแทนมือถือ เธอปล่อยมันกลับไปที่เดิมแล้วนั่งนิ่งหลับตา ภาวนาว่าสิ่งที่เจอมันไม่ใช่เรื่องจริงแม้แต่น้อย เป็นเพียงอาการโศกเศร้าเสียใจจนทำให้เกิดอาการหลอน

“เจ้าถามข้าเองนะดาริน ข้าก็ตอบแล้วไง คนงามเลิศในปฐพีมีอยู่เยอะ” มัน....มันพูดอีกแล้ว

ชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันอาจเป็นเครื่องมือสื่อสารหรืออะไรสักอย่างที่ทันสมัยพอจะเลียนเสียงและสำเนียงเธอ แล้วก็หุ้มเปลือกมันด้วยกระจกเก่าๆ

“อย่าเอาข้าไปทิ้งในถังอีกนะ” ดารินหยิบมันขึ้นมาพิจารณา

อาจมีใครสักคนเล่นตลกอยู่ก็เป็นได้ เค้าคนนั้นสร้างไอ่กระจกเก่าๆ นี่ไว้หลายๆ อัน แอบเอามาใส่ไว้ในรถ ในกระเป๋า ในห้องน้ำ หรือแกล้งปลอมตัวเป็นคนหาบเร่มาขายให้เธอ

“ใครทำเจ้าขึ้นมา” ดารินถามกับกระจกเหมือนพูดอยู่คนเดียวเลย

“ข้าไม่รู้ ข้าจำไม่ได้ แต่เจ้าซื้อข้ามา ก็ใช้ข้าด้วยสิ อย่าเอาไปทิ้ง ค่าตัวข้าแพงนะ” มันยังประชดที่เอามันไปทิ้งอยู่

“ใช้….ใช้ยังไง กระจกข้ามีเป็นสิบ รูปร่างหน้าตาก็ดีกว่ากระจกเน่าๆ นี่อีก” เธอตอบกลับ แอบยิ้มไปด้วยว่าคุยกับกระจกนี่ก็สนุกดีนะ มันโต้ตอบเธอแบบไม่กลัวเกรง

“อย่าดูถูกข้าดาริน....เปิดข้าออกแล้วเจ้าจะรู้ว่าข้ามีประโยชน์มากกว่านั้น” แหมๆ มันยังพยามจะเถียง สงสัยโปรแกรมที่ตั้งเอาไว้จะทำมาอย่างดี เริ่มคุ้มค่ากับราคาที่ซื้อมาเสียแล้วสิ ตอบโต้ได้ลื่นไหลดีแท้ นี่ถ้าหาตัวคนสร้างเจอ จะสั่งผลิตอีกหลายพันเอามาวางขายแทนตุ๊กตาขนปุกตาปรือที่เค้านิยมใส่ถ่านเพื่อให้มันพูด อย่างน้อยกระจกนี่ก็บางเบากว่าเยอะ

ดารินค่อยๆ เปิดมันออกแบบกลัวว่าฝาพับอันกระท่อนกระแท่นจะหักเอาเสียก่อน เธอยกมันขึ้นมาส่อง แล้วยิ้มเยาะเย้ยเจ้ากระจกปากดี

“เห็นมั้ยล่ะ ข้ามีประโยชน์” คราวนี้น่าตกใจเป็นที่สุดเพราะเงาที่เธอส่องเข้าไปในกระจกคือใบหน้าเธอ โต้ตอบกับตัวเอง เล่นเอาการกลืนน้ำลายลงคอนั้นแสนลำบากขึ้นมาเฉยๆ

“อยากรู้อะไรอีกล่ะดาริน” เจ้ากระจกนี่ถามเธอด้วยใบหน้าเธอที่ขยับพูด ไม่นะเธอไม่ได้ขยับปากหรือเปล่งเสียงเลยสักหน่อย หรือว่ามันอาจมีแผงวงจรจดจำใบหน้าเธอไว้และสร้างกราฟิกที่ดูเสมือนจริง ใช่แน่ๆ ชักอยากเจอคนสร้างมันไวๆ แล้วสิ

“เจ้าตอบข้าได้หมดจริงหรือ เจ้ากระจกเน่า” ลองหยั่งเชิงดูก่อน

“ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าอยากรู้อะไร .... ห้ามเรียกข้ากระจกเน่า”

“ไม่ให้เรียกกระจกเน่า จะให้เรียกอะไรล่ะฮึ เจ้ากระจก”

“ข้าคือกระจกวิเศษ!” คำตอบนี่ทำให้เธอแทบจะหัวเราะไปกับมัน เพราะใบหน้าที่แสดงออกมานั้นคือใบหน้าเธอที่เหมือนกำลังงอนอยู่จริงๆ

“โอเค เจ้ากระจกวิเศษ งั้นจงบอกข้ามาว่าเจ้าทำอะไรได้บ้าง” ดารินก็อยากจะรู้ว่าไอ้ที่มันบอกว่าวิเศษ คงจะทำได้แค่เลียนเสียงกับใบหน้าเธอเท่านั้นล่ะมั้ง

“ท่านก็จงบอกข้ามาสิ ว่าท่านอยากให้ข้าทำอะไร” ว่าแล้วไอ่กระจกยอกย้อน มันคงทำได้เท่านั้นจริงๆ เธอคิด

“งั้นข้าซื้อเจ้ามาเท่าไหร่ล่ะ”

“สองแสนสามหมื่นเจ็ดพัน....เป็นเงินในกระเป๋าทั้งหมดที่ท่านมี หลังจากอกหักดังเป๊าะ และก็หยิบข้ามาจากคนพเนจร” พูดจบเจ้ากระจกก็ยิ้มกริ่มแบบก่อกวน

“....” มันรู้ได้ยังไง หรือว่าจะมีคนคาดเดาเหตุการณ์ที่เธออกหัก แล้วมาหลอกขายกระจกบานนี้ในราคาสูงลิบ

“ไม่ต้องตกใจ ข้าแสนรู้นะ และก็รู้ว่าท่านกำลังเสียใจด้วย”

“คนถูกทิ้งใครก็เสียใจทั้งนั้นแหละ” ตอบไปตามหลักความจริง

“มันก็จริงนะ .... ว่าแต่ท่านอยากรู้หรือไม่ล่ะ ชายผู้นั้นคิดอย่างไร” มันพยามถามจี้ใจดำในสิ่งที่เธออยากรู้มากมาย ทำไมเขาไม่รักเธอเลยหรือ

“ไม่ เพราะเวลานี้ เค้าไม่รักข้าแล้ว รู้ไปก็เท่านั้น” เธอเลี่ยงในสิ่งที่ตรงข้ามกับใจ เพราะกลัวเหลือเกินหากสิ่งที่เจ้านี่พูดออกมา อาจทำร้ายเธอซ้ำซาก

“ไม่อยากรู้หน่อยเหรอ อยากรู้หน่อยสิ ข้าอยากบอก”

“พอแล้ว จะขับรถ” เธอวางมันลงที่เบาะรถ

“งั้นอยากรู้มั้ยว่าทำไมเจ้าไม่เจอรักแท้ ถูกปฏิเสธด้วยถ้อยคำสวยหรูแต่ไร้ซึ้งเยื่อใย....ไม่หรอก เจ้าไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้น....ขับรถไปเถิดดาริน” มันเงียบไป ไม่ต่างจากเธอที่นั่งนิ่ง ไม่แม้แต่จะสตาร์ทรถ

........................

ดารินหยิบเจ้ากระจกขึ้นมาอีกครั้ง มองมันด้วยสายตาว่างเปล่า เธอเปิดมันส่อง เห็นเพียงใบหน้าสะท้อนกลับมาเป็นเงาเดิม เจ้านี่มันรู้ใจเธอถึงขนาดนั้นได้ยังไง เธออยากเจอใครสักคนที่หยุดที่เธอ ไม่อยากต้องเสียใจอีก และอีกหลายๆ เหตุผลว่าคนพวกนั้นทำไมถึงทิ้งเธอไป

เจ้ากระจกนี่มันจะตอบข้าได้เยี่ยงไร อุ้ย! คุยกับมันมากไป เอาใหม่ เจ้ากระจกนี่จะตอบฉันได้ถึงสิ่งที่ฉันสงสัยที่สุดเหรอ....

รักแท้ไม่มีอยู่จริงใช่มั้ย มันเป็นเพียงเปลือกนอกที่ใครต่อใครหลงใหล ดารินที่สวยฉลาดพร้อมไปด้วยทรัพย์สมบัติเงินทอง ชาติตระกูล ความสุข ความรักจากทุกคนที่รายล้อม หากแต่รักแบบที่เธอไม่มีวันได้เจอ ไม่มีวันได้ครอบครอง มันไม่มีอยู่จริง หรือมันไม่มีเลยกันแน่ และถ้าเจ้ากระจกเก่าๆ เน่าๆ บานนี้จะสามารถบอกเธอได้ มันก็คงจะดีไม่น้อย

ลองถามมันดูหน่อยจะเป็นไรไป เทคโนโลยีอัดมาเต็มสูบขนาดนี้ ก็คงจะได้คำตอบที่น่าฟังอยู่บ้างล่ะน่า

“นี่....เจ้ากระจกวิเศษ ทำไมเค้าถึงไม่รักข้า .... แล้วรักแท้มีอยู่จริงมั้ย” ตัดสินใจถามมันจนได้ เพราะความอยากรู้ที่คาใจมาตั้งแต่รักแรกล่มสลายลง ต่อมาก็รักที่สอง ที่สาม และสี่ ในระยะเวลาสามปีติดต่อกันมานี้ คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเธอไม่อยากรู้อีกต่อไป ดารินกลั้นใจนับหนึ่งถึงสิบช้าๆ รอฟังคำตอบจากเจ้ากระจกวิเศษ

“อยากรู้จริงหรือดาริน” นานกว่ามันจะตอบเธอ เล่นให้รอแล้วยังมาตอบด้วยคำถามอีก เดี๋ยวแม่ก็ยัดลงถังซะหรอก

“ใช่ ข้าอยากรู้ ว่าแต่เจ้าจะตอบข้าได้มั้ยเจ้ากระจกแสนวิเศษ” เธอประชดมันบ้าง บอกก็รีบบอกมาเถอะ ลีลาทำไมมากมายหนอ

ถ้าคำตอบออกมาไม่น่าฟังเธอก็จะได้ทำใจ และไม่พยามค้นหาความรักที่ไม่มีอยู่จริง แต่หากคำตอบออกมามีหวัง เธอก็พร้อมจะให้เวลานำพาเรื่องทั้งหมด ไม่ว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน เจ้านี่ก็ตอบได้ช้ามาก สงสัยระบบประมวลผลคงจะใกล้พัง

“ช้าจัง ตอบข้ามาเร็วๆ หากเจ้าไม่บอกก็จงเงียบไปเสีย แล้วไม่ต้องมาถามนั่นนี่เพื่อให้ข้าอยากรู้”

“เจ้าจะรีบร้อนไปใย ว่าแต่ไม่อยากลองหาคำตอบด้วยตัวเจ้าเองหน่อยเหรอดาริน”

“ไม่ ข้าหามาเพียงพอแล้ว เหนื่อยที่จะหาต่อ” เบื่อจะเล่นลิ้นกับเจ้ากระจกไร้คำตอบนี่อีก มันคงไม่รู้อย่างที่เธอไม่รู้นั่นแหละ ถึงบอกให้เธอไปหาคำตอบเอาเอง ดารินจึงลดมือลง วางมันไว้ที่เก่า แล้วกำลังจะขับรถกลับบ้านไป

“ก็ได้ๆ ข้าบอกเจ้า แต่ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน” ตอนนี้มันฉายหน้าเธอให้เห็น เป็นใบหน้าที่ช่างดูเจ้าเล่ห์แบบที่เธอชอบทำเวลาต้องการสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

“หากข้าให้ได้ ข้าจะให้ แต่หากไม่ ก็คงจะไม่ได้นะเจ้ากระจก” เธอบอกตามความจริงที่รู้สึก

พยามเดาไปต่างๆ นาๆ ว่าเจ้านี่ต้องการอะไร เงินรึ? อยากได้เท่าไหร่ว่ามาเลยเจ้ากระจกขี้งก

“บอกมาก่อนสิว่าได้”

“ไม่ได้ เจ้าต้องบอกข้าก่อนว่าเจ้าต้องการสิ่งอันใด” เธอต่อลอง

“ข้าบอกได้แต่เพียงว่าสิ่งที่ข้าต่อรองกับเจ้า ข้าจะคืนให้เจ้าทั้งหมดเมื่อถึงเวลาอันควร”

“อะไรกัน ข้าจะแรกสิ่งที่ข้ามีกับสิ่งที่ข้าไม่รู้งั้นเหรอ ไม่มีทาง”

เหอะๆ เจ้ากระจกขี้งก ถ้าเกิดมันขอทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่เธอมี แล้วมาคืนในเวลาอันควร อย่างเช่นเมื่อเวลาผ่านไปแล้วหกสิบปี เธอไม่แก่เกินจะใช้ทรัพย์สมบัติเหล่านั้นหรอกหรือ เจ้านี่คิดมาได้กับสิ่งแลกเปลี่ยนแบบนี้

“ไม่ใช่เงินทอง ไม่ใช่สิ่งที่ท่านกังวล แต่เป็นเวลา” เจ้ากระจกรีบพูดก่อนที่มันจะถูกโยนลง

“อะไรนะ เวลาหรือ กี่ปี กี่เดือน นานแค่ไหน เจ้าไม่รู้ก็ไม่ต้องต่อรองหรอก” เริ่มงงกับสิ่งที่มันเรียกร้องแล้วสิ

“ข้าขอเวลาท่านสามเดือน ดังที่ท่านได้บอกว่าจะลาพักร้อนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนมิใช่หรือ”

“ใช่” ว่าแต่....มันรู้ได้ยังไงน้อ

“งั้นระหว่างสามเดือนนั้น ข้าขอทุกสิ่งที่ท่านมี และจะมอบทุกสิ่งที่ท่านไม่มีให้เป็นการแลกเปลี่ยน”

“ว่าแล้ว เจ้ากระจกขี้งก เจ้าเอาเงินข้าไปหมด แล้วข้าจะเหลืออะไรล่ะ” เอาทั้งเงินทั้งเวลา มากไปแล้วนะเจ้านี่ พักร้อนสุดสบายของเธอเอามาแลกไม่คุ้มเลย

“ข้าคิดว่าข้าขาดทุนนะดาริน ข้าสัญญาว่าข้าจะคืนทุกอย่างให้เจ้า ทั้งหมด และจะให้สิ่งที่คุ้มค่าพอสำหรับข้อเสนอนี้....สามเดือนเองดาริน เจ้าพักร้อนอีกเมื่อไหร่ก็ได้ แต่สามเดือนนี้เจ้าจะได้คำตอบ” ช่างยุเสียจริงเจ้ากระจก จะให้ข้าตกลงให้ได้ใช่ไหม

“แล้วข้าจะรู้ได้ยังไงว่าข้าจะไม่เสียใจที่แลกเปลี่ยนในวันนี้” เธอถามด้วยความสงสัย มันจะคุ้มค่าได้อย่างไรหนอ

“ข้าให้สัญญาว่าเจ้าจะไม่เสียใจที่เจ้าได้แลกเปลี่ยนกับข้า....ดาริน”

มันพูดจริงจังพร้อมใบหน้าเธอที่ดูแล้วน่าเชื่อสุดๆ เวลาเธอพูดความจริง

วันหยุดของเธอก็คงไปเที่ยวที่นั่นนี่ตามลำพัง อย่างที่เคยทำมา เพื่อฆ่าเวลาของความเสียใจ

แต่หากครั้งนี้ได้คำตอบ บวกกับตัวเธอก็ได้ทุกสิ่งที่เจ้ากระจกนี่เอาไป คืนกลับมาเหมือนเดิมด้วย ก็คงจะดีไม่น้อย และเรียกได้ว่าคุ้มทีเดียว ฮ่าๆ

“ก็ได้....เจ้ากระจกสุดวิเศษ....ข้าตกลง”

........................