กระจกวิเศษ ตอนที่4

ดารินพึ่งตอบตกลงอะไรไร้สาระกับแผงวงจรห่อหุ้มด้วยบานกระจก จะว่าไปถ้าเล่นมันจนเบื่อๆ แล้ว ส่งต่อไปให้พวกนักขายของเก่าก็คงดีไม่น้อย มันอาจดูมีราคาขึ้นอีกหน่อย

“ไหนล่ะ....นานแล้วนะ” เธอคุยกับมันต่ออย่างอดไม่ได้

กระจกวิเศษเงียบไปในทันที ปรากฏแค่ใบหน้าเธอส่องไปมาเท่านั้น มันจะจริงได้อย่างไรก็แค่การต่อประโยคไร้สาระของเธอกับอิเลคทรอนิคส์กวนอารมณ์ นับหนึ่งถึงสิบในใจรอการตอบกลับ ก่อนจะตัดสินใจวางมันลงข้างๆ ตัวอย่างช้าๆ

“หลับตาสิดาริน” อยู่ดีๆ มันก็พูดขึ้นมา ขณะที่กุญแจกำลังจะไขรถ ช่างเจรจาจริงเจ้ากระจก ว่าจะไม่สนมันอยู่แล้วเชียว

อยากกลับบ้านไปพักสบายๆ ไกลจากห้างนี่ได้ยิ่งดี มันจะได้ไม่ตอกย้ำมากนักว่าสถานที่ๆ เธอเหยียบเป็นของอดีตคนรักกับแฟนคนใหม่อย่างเป็นทางการ แล้วเจ้ากระจกจอมกวนจะมาไม้ไหนอีกล่ะ สั่งเชียว คงไม่ส่งคนมาเก็บเธอตอนหลับตาหรอกนะ

ล็อคประตูรถไว้หน่อยก็ดีเหมือนกัน เธอลังเลอยู่สักพักก็ลองทำตามที่มันว่า นึกสนุกอยู่ลึกๆ เกี่ยวกับกลวิเศษชิ้นต่อไปที่กำลังจะมา ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง และ ลืมตา....

........................

วิ้งๆ ๆๆ ๆๆ แสงแดดแผดเผารอบตัวเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เห็นแต่อากาศร้อนระอุ เธอค่อยๆ คลี่เปลือกตาหนักอึ้งขึ้นช้าๆ ก็พบกับความแปลกตาในทันที เมื่อครู่เธอยังนั่งอยู่ในรถ ตรงลานจอดที่มีร่มเงาของตัวอาคารบดบังแดดแรงจ้า

ทว่าลืมตามาแล้ว กลับพบว่าตัวเองนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ มีหลังคาเล็กๆ ยื่นมาบังป้ายโฆษณาเพียงเท่านั้น มันไม่ได้ช่วยบังแดดร้อนแรงให้เธอเลย

ผู้คนสัญจรไปรอบๆ บริเวณนั้น บ้างแต่งตัวทันสมัย บางก็ดูไม่ได้เลย ใครเอาเธอมาอยู่บริเวณนี้นะ ไม่กลมกลืนกับเธอสักนิด

ดูยัยป้านั่นสิ หน้ามันเยิ้ม แล้วผู้ชายคนนั้นจะรู้มั้ยว่าขาเขาลีบสุดๆ ใส่กางเกงนั้นไม่เหมาะเอาเสียเลย

ผู้หญิงคนนั้นอีก คิ้วจะโก่งเป็นคันศรไปไหน งามจนงดเลยล่ะหล่อน เห็นแล้วอยากเอาดินสอไปวาดให้นางเสียจริง

เธอหรี่ตาเพื่อปรับให้เข้ากับอาการไม่คุ้นสถานที่ มีรถหลายคันวิ่งผ่านไปมาบทท้องถนน แผงขายอาหารตามทางเท้า ผลไม้ดองส่งกลิ่นชวนน้ำลายไหล แต่คนอย่างเธอไม่มีวันซื้อหรอก สะอาดรึเปล่าก็ไม่รู้

เอ๊ะ! แล้วเมื่อกี้ยังอยู่บนรถนี่ ดารินถึงกับตะลึงที่เห็นว่าเธอออกมาจากรถได้อย่างไร

นี่มันบริเวณป้ายรถเมล์ ข้างห้างที่เธออยู่เมื่อครู่นี้ ช่างเป็นการจัดฉากได้อย่างแนบเนียนที่สุดเลย คนที่สามารถทำอย่างนี้ได้ต้องลงทุนไปมากโข อาจเป็นพ่อแม่เธอก็ได้ ท่านคงสงสารลูกสาวเพียงคนเดียวที่พึ่งอกหัก

แต่การเล่นเพียงเท่านี้ก็พอแล้วมั้ง เธอลุกขึ้นยืนเต็มสองเท้าอีกครั้ง พลางรู้สึกถึงความเตี้ยลงอย่างเห็นได้ชัด จึงก้มลงมองเท้าทั้งสอง ก็พบว่าสิ่งที่สวมใส่อยู่นั้นเป็นเพียงรองเท้าแตะเก่าๆ ยี่ห้อนมนาน อันซึ่งเธอไม่เคยใส่มาก่อนในชีวิต

สายตานั้นก็รีบจดจ้องไปยังกางเกง แล้วเธอใส่กางเกงได้อย่างไร กระโปรงสีครีมเบาสบายหายไปไหน แทนที่ด้วยยีนส์เก่าๆ ขาดๆ สวมอยู่บนตัวเธอ ไม่นะ! เสื้อสีสวยเมื่อครู่ มันเป็นเพียงเสื้อยืดคอกลม ดูเหมือนว่าไม่ได้ซักมาหลายอาทิตย์ เก่าได้อีกนะนี่

สำรวจเสื้อผ้าแล้วก็ขำเล็กน้อย คนจัดฉากช่างลงทุนแท้หนอ ค้นหาสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมได้อย่างสิ้นเชิง กลับถึงบ้านคงมีเรื่องคุยกับพ่อแม่ และเพื่อนๆ อีกมากทีเดียว พวกเขาคนใดคนหนึ่งไม่ก็ทุกคนอาจเผยขึ้นมาก็ได้ว่าการจัดฉากครั้งนี้ ฝีมือพวกเขาเอง ซึ้งมันก็ช่วยได้มากจริงๆ ....

ดารินลืมเรื่องอกหักไปเกือบหมด ด้วยความแปลกใจและความร้อนของที่แห่งนี้ เธอเดินตามฝูงคนไปข้างทางเท้าสะพายเป้โทรมๆ เร่งฝีเท้าไปยังที่จอดรถ พลางคุ้ยหากุญแจในกระเป๋าใบเก่า ไม่เอาน่า! คนแกล้งคงไม่เอากุญแจรถไปด้วยหรอก แต่สิ่งที่พบมีแค่กระเป๋าเงินอันเล็ก และเจ้ากระจกวิเศษ

‘มากไปแล้วนะ แกล้งฉันก็ควรทิ้งรถเอาไว้ให้กลับบ้านด้วยสิ’

เธอหยิบกระจกขึ้นมา หมายจะติดต่อกับมันเพื่อถามว่าเอากุญแจเธอไปไว้ไหน หากแต่สิ่งที่เธอเจอะ มันแทบทำให้ลมทั้งยืน อะไร ทำไม เกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด เจ้ากระจกนี่เล่นกลจนน่ากลัว มันไม่เพียงไม่ปรากฏสิ่งที่เธอต้องการเห็น ทว่ามันฉายสิ่งที่เธอไม่เคยได้เห็นต่างหาก

นี่มันหน้าใคร ทำไมมาอยู่ในบานพับ กระจกนี่จดจำได้กี่ใบหน้ากัน เธอลองทำหน้ายิ้ม หน้าเบ้ มันก็ทำตามดังที่เธอลอง

หากที่ใบหน้านั้นมันไม่สวยงามเหมือนเคยเห็น กรามขยายใหญ่ขึ้น ความแห้งกร้านบนใบหน้าเหล่านั้นมาจากไหน สีก็กระดำกระด่าง ไม่เรียบเนียน เท่าใดนัก ดารินตลกที่มันช่างเลือกใบหน้าไม่สวยเอาเสียเลยมาพูดคุยกับเธอ

“เจ้ากระจก เจ้าเล่นกลได้สนุกดีนะ” เธอเปล่งวาจาอย่างเคย หากแต่เสียงและสำเนียงมันไม่ใช่ ไม่ใช่ และไม่ใช่ มันไม่ใช่เธออย่างแน่นอน ถ้อยคำดูเปล่งๆ ด้วยน้ำเสียงที่ไม่เหมือนคนในเมืองใหญ่ ให้ตายสิ! เธอกระแอมไอขับไล่ความไม่คุ้นออกเสียแล้วลองเอ่ยอีกครั้ง

“เจ้ากระจกวิเศษ เอากุญแจรถข้าไว้ไหน” แปลกเช่นเดิม และแปลกกว่าคือคนรอบข้างตัวเธอหันมามองว่าทำไมจึงคุยกับกระจกเน่าๆ อยู่คนเดียว เหมือนเธอเป็นสิงผิดปกติ

‘บ้าแน่ๆ เลย’ ผู้หญิงสองคนถัดไปกระซิบกัน เบะปากแล้วรีบเดินหนีไปห่างๆ

‘นังนี่หลุดมาจากไหนเนี่ย เอาหล่อนไปโมหน้าใหม่ไป๊ คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงในนิทานหรือไงกัน’ หญิงไม่แท้ จับกลุ่มวิจารณ์สภาพเธอ

อะไรกันว้า เธอแค่คุยกับเจ้ากระจก พวกนางๆ คงไม่รู้ว่ามีแผงวงจรราคาแพงฝังอยู่ในนี้ ก็แน่ล่ะสิ คนระดับนี้ไม่ทีทางซื้อได้อยู่แล้วล่ะ คิดแล้วก็น่าสงสาร เธอเชิดหน้าขึ้นเล็กๆ ยอมเก็บกระจกลงกระเป๋าเพื่อลดอาการคนมุง

ระหว่างนั้นก็เหลือบไปเห็นแขนและข้อมือตัวเอง ที่ดูแปลกพิลึก มันกระกร้าน แห้ง และดำขึ้นอย่างที่เธอต้องตกใจในทันที รีบเอามือถูข้อแขนเพื่อลอกสีไม่พึงประสงค์นั้นออก ทำอยู่นานก็ไม่เป็นผล

มันคงจะเป็นเครื่องสำอางชนิดพิเศษ ทนมากล่ะมั้ง แบบนี้ต้องนอนแช่อ่างสบายๆ ค่อยๆ ขัดออกก็ได้ แกล้งกันมากไปละนะ ดารินส่ายหน้า แล้วเดินตรงไปยังประตูห้าง พยามกระแอมเล็กน้อย บางทีเสียงเปล่งๆ นี่อาจเปลี่ยนเป็นอย่างเดิม

ด้วยเวลาเพียงนาทีกว่าที่ก้าวเดิน ไม่ได้ทำให้เธอเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด ทว่าตอนนี้ขากลับชาแทบทรุดลงไปกองกับพื้น ดวงตานั้นพร่าเบลอ เต็มไปด้วยคำถามว่าเป็นไปได้อย่างไร เกิดอะไรขึ้น

ภาพสะท้อนหน้าประตูห้าง มันเป็นภาพใครกัน คนๆ นั้นไม่ใช่เธอ แต่เธอยืนอยู่ตรงนั้น มัน....มันผู้นั้นขยับแขนขาตามเธอ ใบหน้าที่แห้งกร้านนั้นคือเธอเอง ไม่จริงใช่มั้ย เรื่องราวทั้งหมดนี่อาจเป็นการกลั่นแกล้ง แต่มันช่างโหดร้ายเหลือเกิน....

“กรี๊ดดดด” ดารินร้องเสียงหลงเพราะรับไม่ได้อย่างแรง ใครมันเอาหน้าเธอไป ใครมันเอาเสื้อผ้าเธอไป แล้วนางนี่มันเป็นใคร ไม่ใช่เธอ ไม่ช่ายยยย ม่ายยย!!!! เอามันไปไกลๆ

ฉันสวย ฉันรวย และฉันไม่แลดูยาจกขนาดนี้ นังนี่มันใครกัน สภาพนางรับไม่ได้ยิ่งนัก ใบหน้าบานๆ คางสั้นๆ ช่วงขาไม่สมส่วนเอาเสียเลย มันดูอวบเกินกว่าจะเป็นเธอ เอวบางร่างอ้อนแอ้นของเธอไปไหนเสียแล้ว

ท่อนแขนนังนี่อย่างกับท่อนซุง ดูไม่ต่างจากคนทำสวนบ้านเธอ ใครมาเห็นเธอในสภาพนี้คงหัวเราะจนฟันร่วงหมดปากเป็นแน่

พ่อจ๋า แม่จ๋า เอาหนูกลับบ้านที มีคนมาเล่นตลกกับชีวิตฉัน ใครก็ได้พาออกไปจากการหลอกลวงนี่ที ทำใจไม่ได้ มันเลวร้ายเหลือเกินไปแล้ว ให้ฉันกลับไปนั่งเศร้าอย่างเดิมเถอะ ฉันไม่ต้องการหาคำตอบให้กับอะไรอีกต่อไปแล้ว เอาใบหน้าผู้ดีมีตังค์คืนม๊า! เอานางยาจกขี้เหร่นี่ไปเก็บ เสื้อผ้ามันใส่แล้วผื่นจะขึ้นมั้ยเนี่ย ไม่สิ! มันขึ้นเรียบร้อยแล้ว ดูแขนขวาสิ มีรอยถลอกสีจางๆ เหมือนผื่นขึ้นไม่มีผิดเพี้ยน อร๊ายยยย....เธอกำลังจะตายในร่างนี้

“ไอ่กระจกเน่า” เธอหยิบกระจกขึ้นมาต่อว่า ไม่สนผู้คนที่กำลังมองดู มันต้องส่งชีวิตแสนดีของเธอคืนมา เอาคืนมาน๊าาาา

ยอมจ่ายเงินให้สิบล้านเลยเอ้า เลิกเล่นตลกกับเธอเสียที ไม่ๆๆ ให้ห้าสิบล้านเลยก็ได้ ขอแค่เธอเอาหน้าตานี่ออกไปได้....

มันไม่ตอบกลับ ไม่คุยกับเธออีกเลย ไม่แม้แต่จะพูดอธิบายว่ามันต้องการอะไรกันแน่ หรือว่าเธอต้องลองหลับตาอีกครั้ง เผื่อว่าลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองนั่งอยู่ในรถคันงาม

‘เอาฉันกลับไป เอาฉันกลับไป’ เธอหลับตาลงแล้วพึมพำดังๆ พยามตั้งสมาธิกับตัวเอง ตะโกนให้ดังขึ้นเพื่อกลบเสียงซุบซิบรอบด้าน

เธอวิ่งไปมาไม่คิดชีวิตราวกับว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องฝันไป สักพักก็คงจะลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่ามันไม่จริง ฝูงคนมุงดูนับสิบมองมาราวกับว่าเธอเป็นตัวประหลาด อาละวาดกลางห้าง ซ้ำรองเท้าแตะที่เธอใส่ตอนนี้มันหลวมหลุดเพราะอาการคลั่งที่วิ่งไปมาอย่างไม่มีทางออก สองมือสองไม้ตีอกชกหัว หวังเพียงจะลืมตาตื่นได้เสียที ความฝันนี้ช่างน่ากลัวที่สุด ให้เธอฝันว่าอกหักครั้งที่ร้อยยังกลัวน้อยกว่าฝันเช่นนี้

ไม่นานนักเธอสังเกตเห็นจากรอยแยกของฝูงคนว่ามีหน่วยรักษาความปลอดภัยสามสี่นายกำลังวิ่งตรงมา พวกเขาดูตื่นตระหนกไม่แพ้กัน สงสัยคงไม่เคยเจอคนบ้ามาอาละวาดหน้าห้าง

แล้วคนบ้านั่นใครล่ะ ถ้าไม่ใช่! ....ตัวเธอนี่นา ไม่ได้แล้ว ใครจะยอมให้จับได้ง่ายๆ กันเล่า ถึงเป็นแค่ความฝัน แต่โดนจับหน้าห้าง ‘นังชั่ว’ ไม่ยอมแน่ๆ ค่ะ

ดารินแหวกกลุ่มคนซึ่งมีแววตาตัดสินการกระทำของเธอเหล่านั้นออกมาได้ พวกนั้นอยากรู้อยากเห็นว่าคนบ้าอย่างเธอจะไปไหนต่อ ทำอะไร และตำรวจจะมาพาตัวไปเมื่อไหร่ เสียงดังอื้ออึง วิ่งเต็มอยู่ในสองรูหู

เธอสามารถแยกแยะได้ทันทีว่าคนเหล่านั้น บางคนก็อยากเห็นเธอบ้าต่อไป เพราะมันเป็นเรื่องสนุกที่ได้เห็นอะไรแปลกใหม่ ดารินจึงออกวิ่งโดยไม่หันเหลียวมองทางใดทั้งสิ้น ฝูงจำนวนมากหลั่งไหลมายืนขวางข้างทาง จดจ้องมายังเธอ

แต่นี่มันไม่ใช่เรื่องจริง วิ่งไปทางนั้นคงไม่ตายหรอกน่า ตัดสินใจวิ่งฝ่ารถไปคันที่หนึ่ง พร้อมกับเสียงแตรบีบไล่หลัง คันที่สองเสียงแตรและคำด่าหยาบคาย....และสุดท้าย อั่ก!

สิ่งที่เห็นแวบแรกคือกลุ่มคนพวกนั้นมองมายังเธอแสดงอาการน่าสมเพชเวทนา บางคนทำท่าอยากจะช่วย แต่บางคนก็ลังเลว่าคนบ้าอย่างเธอจะทำร้ายพวกเขาหรือไม่ มันน่าสลดใจเสียจริง....

ไม่นานเจ้าของรถคันงามก็ยอมลงมาดูอย่างเสียไม่ได้ เพราะตัวเธอล้มลงขวางหน้ารถอยู่ จะหนีก็คงไม่พ้น ส่วนอาการบาดเจ็บของเธอนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล เพราะมันแทนที่ด้วยอาการตกใจขั้นรุนแรงเสียมากกว่าที่เห็นว่าหน้าตาคนขับรถ เป็นใบหน้าเดียวกับที่ติดป้ายโชว์หราอยู่เหนือห้าง และเป็นหน้าเดียวกับที่เธอพึ่งสาดกาแฟใส่ไปเมื่อไม่นานมานี้....

........................