กระจกวิเศษ ตอนที่12

ก็อกๆ ๆ

“มาแล้วจ้า” ดารินเปิดประตูห้องออกมา ตามเวลานัดที่เธอได้สัญญากับกานเอาไว้ว่าจะสอนภาษา วันนี้แก้วก็มานั่งฟังด้วยเหมือนทุกครั้ง บางทีก็แอบสงสัยว่าเธอมาจากไหนกันแน่ และก็เป็นปัญหาทุกครั้งที่ดารินต้องผูกเรื่องราวให้มันสมเหตุสมผล แต่ไม่ว่าจะผูกยังไง มันก็ดูไม่เข้ากันเลยสักนิด

“วันนี้พี่กานเอาขนมที่เธอชอบมาด้วย” แก้วเดินนำเธอไปที่โต๊ะเล็กๆ มุมหนึ่งของบ้าน มีเอาไว้สำหรับคนงานได้มานั่งผ่อนคลายหรือทำกิจกรรมในบริเวณนั้น

ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ค่อยจะมีใครออกมานั่งกันหรอก เพราะมันติดกับท่อระบายน้ำทิ้ง วันดีคืนดี กลิ่นจากท่อน้ำทิ้งและเจ้าแมลงสาบตัวร้ายจะบินว่อน ร่อนไปมาเหมือนเป็นแหล่งชุมนุมของพวกมัน ทำเอาเธอชนลุกเป็นเกรียวที่ได้เห็น แต่ก็แปลกวันที่เธอจะใช้สถานที่นี้สอนกานทีไร พวกมันไม่เคยออกมาบินเลย

“ขอบคุณนะ” ดารินรับขนมมานั่งกินไปด้วย พลิกหน้ากระดาษเปิดดูบทเรียนที่ทิ้งท้ายเอาไว้คราวก่อน นักเรียนเพียงคนเดียวของเธอ เรียนรู้ได้ไวกว่าที่คิด เขาตั้งใจเก็บเกี่ยวทุกอย่างที่เธอสอน บางทีเธอก็สอนเขาในวิชาคำนวณ หรืออื่นๆ ที่เขาไม่รู้

“แล้ววันนี้ ออกไปที่ไหนมาเหรอ”

ก็ชักจะเบื่อที่นี่พอสมควร ทำงานบ้านเป็นบางวัน บางทีก็ไปช่วยยัยคุณนุช หรืองานอื่นๆ ที่ป้าสายสั่ง แล้วก็กลับมานอนงออยู่บนเตียง เปิดทีวีดูแต่อะไรซ้ำไปซ้ำมา ชีวิตเธอมีอยู่แค่นี้จริงๆ หากมีที่อื่นที่ไม่ไกลมากนักเธอก็อยากออกไปเปิดหูเปิดตาแก้เบื่อได้บ้างก็ดีเนอะ

“กานออกไปเรียน แล้วก็แวะซื้อขนม กับเดินเล่นแถวตลาดนัดที่หมู่บ้านข้างๆ น่ะ” เขาบอก ส่วนแก้วนั้นก็ออกไปแค่ตลาดนัดเท่านั้น

“ตลาดนัดมีอะไรบ้าง”

ดารินไม่เคยไปเลยสักครั้ง มันจะเหมือนแหล่งซื้อของที่เคยไปจับจ่ายบ้างรึเปล่าหนอ อาจมีของใช้บางอย่างซึ่งเธอยังขาดอีกก็ได้ เงินเดือนแรกก็พึ่งได้ไปเมื่อสามวันก่อน เธออยากเอาไปซื้อ อะไรก็ได้เอามาแก้เซ็ง

“มีหลายอย่างเลยล่ะ แต่ตลาดนัดจะเปิดทุกวันอาทิตย์นะ ลำไยอยากไปรึเปล่า” แก้วถาม

“อยากสิ ฉันอยากไป” ไม่ลังเลที่จะตอบ เธอไม่เคยเห็นตลาดนัด เดาได้เพียงมันต้องมีของขาย แต่ของอะไรนั้นไม่รู้หรอก ขอแค่ได้ไป มันก็น่าตื่นเต้นมากพออยู่แล้ว

“งั้นอาทิตย์หน้าเราไปกัน” กานเสนอ ดารินก็ตกลงในทันที แก้วบอกว่าจะพาเธอไปเดินแถวที่มีเสื้อผ้าขาย เธอยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่อยากช็อปให้กระจายเลย

บ่ายแก่ๆ ของวันอาทิตย์หน้าเป็นเวลาที่เธอนับวันคอยเลยล่ะ อยากให้มันเป็นวันพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ นั่งปรับเสาอากาศทีวีเป็นอย่างเดียวที่ทำได้ มันน่าเบื่อทีเดียว เพราะบางวันดารินก็ได้ดูหนังยามดึก จอภาพมีเส้นขีดสั่นไปสั่นมาอยู่ตลอดทั้งเรื่อง

เวลาผ่านไปสักพักดารินเริ่มจับความรู้สึกของแก้วได้ หล่อนแปลกใจเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงดูตื่นเต้นที่จะได้ไปตลาดนัดนัก ผิดกับครั้งก่อนที่แก้วชวนไปห้างสรรพสินค้า ดารินปฏิเสธและไม่สนใจไปแม้แต่น้อย ก็แน่อยู่ละ มันไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นสำหรับเธอ แล้วตอนนั้นเงินเดือนเธอก็ยังไม่ออกด้วย ไม่รู้จะเอาจากไหนไปใช้

ไอ่กระจกก็ให้เงินติดกระเป๋ามาแค่ห้าร้อย มันจะไปพอซื้ออะไรได้เล่า จ่ายแต่ละทีเธอเสียไม่ต่ำหมื่น แต่คราวนี้ล่ะ ขอไปลองช็อปตลาดนัดให้สะใจก่อน เงินเหลือค่อยไปห้างก็ได้

“ตรงนี้ต้องแทนค่าแบบนี้นะ” เธอสอนกานในส่วนของตัวเลข ซึ่งเขาก็หยิบหนังสือวิชานี้มาด้วยทุกครั้ง ตั้งแต่คราวแล้วที่เห็นว่าลำไยสอนเขาได้ และครั้งนี้เขาก็ขนมาทุกวิชาเสียด้วยสิ

“ลำไย จบจากที่ไหนมาเหรอ” แก้วหาโอกาสช่วงที่พี่ชายก้มหน้าก้มตาคำนวณ ถามเธออีกแล้ว ขี้สงสัยจังนะ

“พอดีคุณผู้หญิงที่บ้านก่อนสอนฉันน่ะ” เป็นคำตอบที่เธอพูดเป็นประจำไปซะแล้ว ก็จะให้ตอบว่าฉันคือดารินเหรอจ๊ะ ใครมันจะเชื่อ หน้าตาก็ไม่ให้ละย่ะ

ดารินพุ่งความสนใจไปสอนกานต่อทันที ไม่อยากตอบคำถามที่ยิ่งลึกยิ่งเจอปม เพื่อนแก้วของเธอจะขุดจนเจอปม เธออาจดิ้นไปไหนไม่รอด สุดท้ายเรื่องราวของเจ้ากระจกอาจต้องหยิบยกมาเล่า แล้วคนคงคิดว่าเธอเป็นบ้า พาเธอไปที่โรงพยาบาล จากนั้นลำไยคงไม่ได้เป็นอิสระจนกว่าจะหมดสัญญากับเจ้ากระจก คิดแล้วก็รู้สึกไม่ดี เธอจึงรีบหันไปหาแก้วชวนคุยเรื่องอื่น เพื่อให้จิตที่สงสัยของนางหยุดคิดเรื่องเธอเสียที

“แก้ว ไปตลาดนัดบ่อยมั้ย” เริ่มต้นด้วยคำถาม หากคำตอบกำลังจะหลุดออกมาจากปากแก้ว ก็มีเสียงอื่นมาขัดเสียก่อน

“ลำไย คุณนุชให้มาตาม” ยัยทิพย์ยืนกอดอกเหลือบหางตามองดูเธอ หล่อนหมั้นไส้แทบทุกวินาที ซึ่งมันก็สมควรอยู่แล้วล่ะ เธอเป็นอะไรที่มาแรงในตอนนี้ ทั้งบ้านรู้ดีว่าลำไยคนโปรดของคุณหนู งานที่ลำไยช่วย มันสำคัญอยู่ในระดับที่ดูดีกว่าคนใช้ทั่วไป

แต่ก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่คนอย่างเธอไม่เข้าใจ คือยัยคุณหนูนี่ไม่เอะใจสักหน่อยเหรอว่าเธอมาจากไหน เธอก็ช่วยงานในส่วนที่สำคัญมากๆ บางทีก็เรียกได้ว่าทำแทนเกือบทั้งหมดเลย ยัยนุชไม่ได้ครึ่งของเธอด้วยซ้ำ แต่นางก็พยามเรียนรู้ มันก็ยังน่าแปลกนั่นล่ะ ไม่มีสักนิดที่นางคิดสงสัย หรือว่ากระจกวิเศษจะเสกให้นางโง่ลง ฮ่าๆ ดีเลยกระจกจ๋า

ดารินพยามหาเหตุผล แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ยัยนุชจะโง่ลงได้อย่างไร ในเมื่อคนที่ทำสัญญากับกระจกเป็นเธอนี่นา คนอื่นไม่เกี่ยวด้วยสักหน่อย มันคงไม่ดึงใครเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรอก

“เร็วๆ สิ คุณนุช บอกว่าให้ไปพบเดี๋ยวนี้” ทิพย์ยืนกอดอกเร่งเธอ เหมือนกับว่านางเป็นคุณนุชซะเอง ต่างกันตรงที่ยัยคุณนุชไม่เคยกอดอกแล้วมองเธอด้วยหางตาแบบนั้น

“หมดหน้าที่เธอแล้วก็ไปสิ” เธอบอกกลับไปคล้ายๆ กับประโยคกึ่งคำสั่ง ได้ยินดังนั้น รู้สึกว่านังทิพย์แทบดิ้นเป็นลมบ้าหมู เพราะว่ากริยาที่เธอแสดงมันต่างจากหล่อนมากมาย หากดูบุคลิก ไม่นับเอาหน้าตา จะเห็นว่าเธอคล้ายกับนางพญาของบ้านมากกว่าจะเป็นแค่คนใช้ธรรมดาทั่วไป ข้อนี้เป็นสิ่งที่หล่อนรู้ดีอยู่แก่ใจ และเป็นอีกสิ่งที่หล่อนอิจฉาเธอ แต่ก็แทบจะทุกสิ่งที่เธอทำหล่อนก็อิจฉานั่นแหละ ก็ขี้เกียจไปห้ามความคิดนั้นซะด้วยสิ ปล่อยๆ ไป คนเค้าจะเกลียดเรา ต่อให้ทำดีแค่ไหนเค้าก็เกลียดเรา เอาพิมเสนไปแลกกับเกลือทำไมล่ะ เอ๊ะ! ขอคิดใหม่นะ เกลือมันยังมีประโยชน์ ขอเปลี่ยนเป็นทองคำไปแลกกับขี้หมาดีกว่า ฮ่าๆ สะใจ

เธอเห็นทิพย์กระทืบเท้าอยู่กับที่ ราวกับว่าใต้รองเท้านั้นมีแมลงสาบตัวใหญ่ ดารินเห็นว่าไม่จำเป็นเลยที่ต้องทำกริยาต่ำเช่นนั้นตอบโต้ จึงไม่ใส่ใจปล่อยให้หล่อนกระทืบมันไปจนสุดทาง และลับสายตาไปในที่สุด

“วันนี้ฉันขอตัวก่อนนะ กาน แก้ว” บอกพี่น้องทั้งสองแล้วลุกขึ้น

“ขอบคุณลำไย” กานเอ่ยขอบคุณเธอ เขาซาบซึ้งทุกครั้งที่เธอสละเวลามาสอน ส่วนแก้วนั้นยังคงอึ้งกับทุกการวางท่าของเธอต่อทิพย์ มันสื่อได้ชัดเจนว่าลำไยมีอะไรที่แตกต่าง

ดารินไม่ได้สนใจต่ออีก เพราะตอนนี้เธอต้องไปที่ห้องยัยคุณนุช แล้วก็ช่วยในสิ่งที่เธอถนัดเสียที อยากบอกนางว่าเอามาเลยเอกสารอะไรก็ได้เอามาเลยเธอจะช่วยให้เต็มที่ แล้วคอยดูกันว่าถ้าเธอได้ออกไปแล้วยัยนี่จะเสียหายหลายล้าน ฮ่าๆ เธอจะเอาข้อมูลที่จำได้กลับมาเล่นงานบริษัทของนางให้ขาดทุนย่อยยับ บางทีถ้าเธอยังไม่หายแค้นก็อาจทำให้สาบสูญไปจากวงการเลยก็ได้ คิดแบบนี้ค่อยรู้สึกอยากไปช่วยเร็วๆ ซะแล้ว

........................

ลูกบิดประตูสีทองถูกหมุนเปิดออกหลังเธอเคาะประตูได้เพียงสามครั้ง ที่จริงวันนี้เป็นวันที่เธอต้องได้พัก นังมาดึงเวลาความสุขเล็กๆ ของเธอไปหลายครั้งละ แอบน่ารำคาญที่สุดเลย ไม่เป็นเวร่ำเวลา คนอื่นเค้าก็อยากพักบ้างสิ เรียกใช้ตามอำเภอใจแบบนี้ แม่ออกจากที่นี่ไปได้จะเล่นงานให้สาสมเลยล่ะ โทษฐานที่แย่งหลายอย่างไปจากเธอ รวมถึงเวลาพักผ่อนสบายๆ

“ลำไยๆ ช่วยฉันทีตรงนี้ควรทำยังไงดี” เห็นหน้าปุ๊ปก็ใช้ปั๊ปเลยนะหล่อน ไม่ถงไม่ถามสักคำว่าเธอว่างรึเปล่า

เธอแอบถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินไปดูที่ยัยคุณหนูชี้ จากนั้นก็เริ่มบรรยายให้นางเข้าใจทีละนิดๆ มันเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากเลย เธอเหมือนเป็นพี่เลี้ยงช่วยสอนงานหล่อนอย่างนั้นเหรอ เฮอะ! ยัยนุช หล่อนทำไมไม่คิดเองบ้าง

แต่วันนี้ก็แปลก นางดูซึมๆ ผิดปกติไปบ้าง ไม่รู้ว่าไปเจอเรื่องอะไรมาทุกครั้งนางจะเริงร่า พยามเอาใจเธอให้เธอช่วยเหลือ อาการซึมนั่นทำให้ยัยนี่รับรู้สิ่งที่เธอบอกได้น้อยลง ซึ่งมันขัดใจเธอเป็นอย่างมาก ฉันสอนเธอ เธอก็ควรตั้งใจหน่อยสิยะ ไม่สอนละจัดการเองเลย

“นี่ คุณนุช ฉันว่าฉันทำเองดีกว่า หุ้นตัวนี้ ที่คุณว่าจะซื้ออย่าพึ่ง เอาตัวนี้แทนนะ เชื่อฉันแล้วจะไม่ผิดหวัง.... อีกอย่างนะคะคุณนุช เวลาอารมณ์ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จะเสียใจอะไรก็ตาม อย่าพึ่งทำงาน มันจะออกมาไม่ดี ขาดทุนได้นะคะ” เธอแอบว่ากระทบนางไปนิดนึง ตอกย้ำไปด้วย จะได้เศร้าเข้าไปอีก อิอิ

พอเธอพูดจบ ก็สังเกตว่าหล่อนจะดูท่าทางเศร้าเข้าไปใหญ่ พร้อมน้ำตาที่คลอแบบจะล้นออกมาให้ได้ ดารินคิดว่าเธอน่าจะรู้สึกดี แอบตอกย้ำยัยนี่เพิ่มอีกดีมั้ย หรือจะพูดทำเป็นหวังดี แต่ลึกๆ ประสงค์ร้ายให้นางร้องโฮไปเลย แต่ลองไล่ๆ ถามดูก่อนก็ดีจะได้จี้ใจดำได้ถูกว่าเรื่องอะไร เพราะตอนนี้อ่านใจหล่อนไม่ออกเลย มันดูอึมครึม มืดมัว เศร้าสร้อย หงอยเหงา เบื่อโลก โอ้ว มีหมดเลยนะยะหล่อน

“คุณนุชมีอะไรจะบอกลำไยมั้ย” เธอถามด้วยน้ำเสียงของลำไย มันดูจริงใจแบบที่ทุกคนเชื่อกัน เสียงของลำไยมันซื่อๆ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ซึ่งก็เป็นข้อดีที่ไม่ว่าจะแอบใช้คำกระทบแรงๆ มันก็ดูเหมือนตรงไปตรงมา

“ลำไย....แง” โอวตาย หล่อนร้องไห้ออกมาจริงๆ แล้วก็ลุกขึ้นมาหาเธอทำท่าว่าจะกอด แต่เธอแกล้งโง่นั่งอยู่กับที่ เรื่องอะไรฉันต้องปลอบใจเธอคะ ไม่มีความจำเป็นค่ะ มีแต่ความสะใจล้วนๆ หล่อนจึงย่อลงนั่งชันเข่าเอาหน้าซบตักเธอแทน

“เป็นอะไรคุณนุช” เธอถามเพราะอยากรู้จุดอ่อน ไม่ใช่อยากปลอบใจสักเท่าไหร่หรอก ยัยนี่คงคิดว่าเธอสนใจ เลยกอดเอวแน่นเข้าไปอีก ร้องไห้ไม่หยุด หล่อนดูไว้ใจลำไยมาก เพราะตอนนี้หล่อนเลือกร้องไห้ต่อหน้าเธอแบบไม่มีกั๊ก แถมยังเชื่อใจเธอมากซะด้วยสิ เพราะจากที่จับความคิดได้ ยัยนี่ร้องไห้ต่อหน้าเธอแค่คนเดียว จะว่าไปก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาซะอย่างนั้น

เฮ้อ! ตอนนี้เธอเป็นลำไยนี่นา ยังไม่ใช่ดารินสักหน่อย เอาไว้เป็นดารินค่อยคิดแก้แค้นก็ได้มั้ง ตอนนี้ทำหน้าที่ลำไยไปก่อน คิดแล้วก็เริ่มใจอ่อน เธอจึงเอื่อมมือไปลูบหัวคนเศร้าเบาๆ ไม่ว่ายัยนี่จะเศร้าอะไรมา แต่หล่อนคิดว่าเธอเป็นที่พึ่งคนสำคัญเลยล่ะ ช่วยซะหน่อยจะเป็นไรไปเนอะดาริน ถือว่าเอาบุญ

“ไม่เป็นไรนะคุณนุช ใจเย็นๆ นะ มีเรื่องอะไรเดี๋ยวลำไยช่วย บอกมาค่ะ” เธอใช้คำพูดที่อ่อนลงมาบ้าง แม้จะขัดกับความรู้สึกแต่ก็ช่วยๆ ไป

ยัยนุชไม่ได้เล่าอะไรยังคงร้องไห้อยู่อย่างนั้น เธอก็ทำได้แค่ลูบหัวลูบหลังปลอบใจไป รอให้ร้องจนพอใจก่อนค่อยคาดคั้นถามเอาก็ไม่สาย รู้สึกว่านางจะร้องนานพอสมควรเลยล่ะ เรื่องอะไรมากมายอีกล่ะเนี่ย เธอเมื่อยนิดๆ แล้วนะ

“....” สักพักนางก็ชี้มือไปที่กล่องเครื่องประดับที่วางอยู่บนโต๊ะ ดารินจึงเอื้อมไปหยิบเอามาเปิดดู อืมม มันก็แค่เครื่องเพชรราคาแพง แต่มันก็แสนจะธรรมดาไม่ใช่เหรอยะ เอามาให้ดูทำไม ไม่เข้าใจ

“เครื่องเพชร ทำไมเหรอคะ” เธอถาม

“....” ยัยนุชยังคงสะอื้น ฟุดฟิด ลังเลว่าจะเล่าเรื่องให้ลำไยฟังดีมั้ย ดูท่าทางกำลังเรียงลำดับเรื่องราวในใจ

“บอกฉันเท่าที่บอกได้ก็ได้ค่ะคุณนุช ระบายมาเถอะ จะได้สบายใจ” เธอบอกไป พลางยิ้มนิดๆ

ดารินรู้สึกว่าคำพูดของเธอดูเป็นคนดีมากเลย อิอิ ฉันเหมือนนางเอกสุดๆ เลยนะนี่ นอกจากฉลาดแล้วยังเป็นคนดีอีกนะเรา ฮ่าๆ

“อันนี้คุณแม่ให้ฉันเอาไว้ใช้ในงานแต่งงาน....” แล้วก็เว้นจังหวะสะอื้นเล็กน้อย ทำเอาเธอแทบสะอื้นตาม ยัยนี่จะแต่งงานงั้นเหรอ กับกวิน อร๊ายยย เธอเริ่มเครียดแล้วนะ นางจะมีความสุขงั้นเหรอ จะร้องไห้ฟูมฟายทำไมคะ เธอสิควรต้องนอนงอแงอยู่เพียงลำพังถึงจะถูก

“แต่พี่กวิน ดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่กับงานแต่ง....” สะอื้นอีกครั้งแล้วเล่าต่อ

“เมื่อก่อนพี่กวินเค้าไม่เป็นแบบนี้เลย....เค้าเริ่มเปลี่ยนไป หรือเค้าจะกลับไปหานังดาริน” ยัยคุณนุช หน้าเบี้ยวเตรียมจะร้องอีกครั้ง

อุ๊ยตายแล้ว เธอดีใจอะไรก็ไม่รู้ อยากยิ้ม อยากหัวเราะจังเลย บอกแล้วว่าฉันมีดีกว่าหล่อนย่ะ ไม่ต้องฟูมฟายให้มากมายนะคะ เค้าคิดถูกแล้วล่ะที่จะกลับไปหาฉัน  นี่ถ้านางรู้ว่าฉันคือดารินด้วยแล้วล่ะก็ ฉันคงสะใจกว่านี้อีกเป็นร้อยเท่าเลยล่ะ

“ไม่เป็นไรนะคะคุณนุช เรื่องนี้ต้องใช้เวลา ทำตัวให้เป็นปกติ ไม่ต้องไปสนใจมากมาย แต่งงานไม่สำคัญเลย มันอยู่ที่คนสองคนมากกว่า ว่าจะรักกันรึเปล่า” เธอตอบแบบตอแหล ทำเนียนเป็นคนดี แต่ก็แอบเหน็บประเด็นให้นางคิด

“ฉันกลัวเค้าไม่รักฉันน่ะลำไย” หล่อนร้องไห้ ฟุบลงตักเธออีกครั้ง คราวนี้เธอรู้สึกเต็มใจอยากปลอบนางเป็นที่สุด เรื่องนี้เสียใจได้บ่อยๆ เลยค่ะ ฉันชอบๆ กร๊ากๆ

“รักสิคะ เค้ารักคุณนุชมากว่ายัยดารินอยู่แล้วล่ะ” เธอพูด แล้วก็ไขว้นิ้วมือไว้ด้านหลัง

“ยัยดาริน มารผจญฉันจริงๆ เลย ลำไยคิดดูสิ ขนาดหลบไปเมืองนอกแล้วยังเป็นก้างขวางใจฉันได้อยู่” หล่อนมีแววตาเครียดแค้นรุนแรงกับผู้หญิงที่ชื่อดารินมาก

ทุกครั้งที่เอ่ยชื่อเธอ มันต้องมีความไม่พอใจผสมเข้ามาทุกครั้ง พอจะสังเกตได้มานานละ อยากรู้เหมือนกันว่านอกจากแย่งคนรักกันแล้วยังจะมีเรื่องอื่นที่ต้องน่าห่วงอีกมั้ย หรือเธอเคยไปเหยียบหางยัยนุชนี่มาก่อน

“เค้าไปทำอะไรให้คุณนุชเหรอคะ” เธอถาม

“ลำไย....เจ้านายเก่าเธอล้มละลายมาแล้ว เธอน่าจะรู้จักความร้ายกาจของนังดารินดีกว่าใครเลยนะ” โหวววว นังนี่ไม่ชอบเธอเอามากๆ ถึงขั้นเกลียดเข้ากระดูกดำเลย

“ค่ะ แต่คุณนุชก็ไม่ได้ล้มละลายนี่คะ” นางก็ไม่ได้ล้มละลายสักหน่อย ธุรกิจก็ออกไปได้สวย

“ใช่ แค่เกือบน่ะลำไย ยัยดารินนั่นยึดเอาบริษัทของพ่อแม่ฉันไป เพราะบริษัทนั้นเป็นคู่แข่งและไปขวางผลประโยชน์พันล้าน มันเป็นบริษัทพ่อกับแม่ช่วยก่อร่างสร้างตัวกันขึ้นมา....”

“ตอนนั้นก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรหรอก ช่วงนั้นฉันกำลังเรียนอยู่ เกือบได้หยุดเรียน เพราะดารินยึดเอาทุกอย่างไปเกือบหมด ดีครอบครัวเราคิดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง จนมีวันนี้น่ะ”

“....” ดารินถึงกับอึ้ง เธอเคยเกือบทำให้ยัยนี่ล้มละลายเหร้อออ ไม่มั้ง เธอไม่เคยทำให้ใครเกือบล้มละลาย มีแต่จะทำให้ล้มจนไม่มีทางลุกขึ้นมาต่อกรกับเธอได้อีกต่างหากล่ะ ยัยนี่หลุดรอดมาได้ถือว่าเธอปราณีสุดๆ แล้วล่ะ ยังมีหน้ารอดมาแย่งกวินไปจากเธอได้อีกน้อ

“แล้วเรื่องคุณกวินล่ะคะ ทำไมถึงไป....” นั่นสิ หล่อนไม่พอใจจนไปแย่งคนรักของเธอเลยเหร้อ เล่นแรงนะนี่

“ฉันมารู้เอาตอนหลังน่ะว่าถ้านับเวลาที่ฉันเจอพี่กวิน มันก่อนยัยนั่นซะอีก แต่ข่าวมักจะส่งเสริมไปทางนังดารินคนเดียว ดารินทำอะไรก็มีแต่คนสนใจ สวย รวย เก่ง แบบนั้นสื่อก็สนมากกว่าอยู่แล้วล่ะ” ยัยนุชทำหน้าเศร้าๆ แต่เธอจะถือว่าที่นางพูดมาเป็นคำชมละกันนะคะ สวย รวย เก่ง ฮ่าๆๆ

“แต่พอฉันรู้เลยให้พี่กวินเลือก เขาเลือกฉัน.... พี่กวินยอมไปบอกเลิกกับยัยดารินวันนั้นเลยล่ะ” นางเล่าดูมีความภูมิใจที่เอาชนะเธอได้อย่างน้อยก็หนึ่งเรื่อง เอิ่ม!!!! ที่แท้ยัยนี่เองรึ เป็นตัวการทำให้เธอทุกข์ระทมเสียใจอยู่เป็นวันๆ นี่ถ้ารู้ก่อน เธอจะไม่ใช่คนที่ถูกบอกเลิกแน่นอนคงเป็นยัยนีรนุชที่ต้องเสียใจ....กรี๊ดๆ ในใจไปก่อน

“ก็นั่นไงคะ เค้าเลือกคุณนุช แล้วจะคิดมากทำไม” เธอปลอบใจนางอีกครั้งแบบขอไปที อยากปลอบให้นางหายเศร้าแล้วปิดการสนทนาน่ารำคาญนี่จริงๆ

“ฉันก็แค่กังวลน่ะลำไย....” ทำเสียงอ่อย วางหน้าลงบนตักที่เปียกโชคไปด้วยน้ำตาของหล่อน....อี๋

“ไม่เป็นไรนะ กังวลได้ค่ะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณนุชเอง ไม่ต้องเสียใจหรอกค่ะ” ลำไยคนดีลูบหัวอีกคนเบาๆ ดีที่อายุเธอมากกว่าไม่งั้น ยัยนุชคงไม่ยอมมานั่งซบตักเธอหรอก

“อืม ฉันจะพยามไม่คิดมากละ ลำไยกอดฉันที” อ่านะ เธอแกล้งโง่ไม่กอดปลอบตั้งนาน หล่อนขอเธอซึ่งๆ หน้าเลยงั้นเหร้อออ

“มาๆ” เธอจำเป็นได้ลุกขึ้นกอดยัยนี่แน่นๆ ไม่ทำก็ไม่ได้ นางขอขนาดนี้แล้ว ช่วยไปเอาบุญๆ ว่าแต่ตัวยัยนี่หอมดีจัง ครีมอาบน้ำยี่ห้อนี้ไว้กลับไปจะไปหาติดห้องน้ำไว้บ้าง

เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนที่เธอเป็นอิสระจากการปลอบใจยัยนีรนุช ง่วงแสนง่วง เธออยากพักเต็มแก่ ดารินรีบจัดการกับธุระในห้องน้ำ แล้วทิ้งตัวลงบนเตียง

วันนี้เธอนอนยิ้มอยู่คนเดียวก่อนนอน ป่านนี้ยัยนุชอาจแอบไปร้องไห้เสียใจอยู่แห่งใดอีกรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ลำไยมีความสุขเหลือเกินค่ะ ไม่รู้ว่าทำไมนะคะ ดีใจจังเลย....

........................