ดอกเบี้ย ตอนที่9



[---]ไอรดายืนรอเจ้านายตรงทางเข้าเป็นเวลานานกว่ายี่สิบนาทีแล้ว พร้อมกระเป๋าเอกสารหนึ่งใบ และกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่ใสเสื้อผ้าสองสามชุดกับเครื่องสำอางนิดหน่อย เธอมาก่อนเวลานัดหมาย เจ้านายจะได้ไม่บ่นเอาได้ว่าหาเธอไม่เจอ ไม่รู้ว่าคนขี้บ่นจะได้รับข้อความที่เธอส่งให้หรือไม่ คงจะได้อยู่แหละ เพราะเมื่อคืนหล่อนโทรกลับหาเธอหลายครั้ง แต่ใครจะอยากรับล่ะ การกระทำเมื่อคืนของเธอถือว่าเสียมารยาท ก็มันน่าน้อยใจนัก คนอุตส่าห์เป็นห่วงกลับถูกตะคอกใส่ เธอจึงตัดสินใจกวนประสาทเจ้านายกลับโดยการตัดสายทิ้งแล้วส่งข้อความไปแทน



[---]แปดโมงยี่สิบนาที เห็นอรวีมาแต่ไกล หล่อนมาช้าได้เสมอ แต่กลับเธอแม้เพียงวินาทีก็โดนด่า เธอเห็นเจ้านายเธอเดินมาพร้อมกับคู่หมั้น ล่ำลากันราวกับว่าจะไปอยู่เป็นปีๆ เลขายืนมองด้วยอาการไม่พอใจนัก อาจเพราะเธอยืนรอมานานกว่าผู้ร่วมเดินทางจะมาถึง



[---]“ฉันรอคุณตั้งนาน” เธอพูดเบาๆ เมื่อเจ้านายล่ำลาเป็นที่เรียบร้อยแล้วเดินตรงมายังเธอ



[---]“แล้วยังไง” อรวีเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์



[---]ไอรดาเลยไม่คิดจะพูดอะไรต่อไป เธอไม่พอใจบางอย่างที่เธอเองไม่สามารถหาเหตุผลได้ เธอจึงเดินไปพร้อมกับเจ้านายอย่างเงียบๆ จัดการเรื่องตั๋วเครื่องบิน นั่งรอเวลาออกเดินทางโดยไม่ปริปากหรือสนใจคนข้างๆ ที่ตอนนี้ดูราวกับว่าไม่สนใจเธอเช่นกัน



[---]สังเกตเจ้านายที่ไม่ได้จัดกระเป๋ามาแบบอลังการอย่างที่คิด มีเพียงเป้ใบเดียว ซึ่งดูขัดกับเครื่องแต่งกายในตอนนี้ สุภาพเป็นทางการ ผิดกับเป้นักเดินทางใบขนาดไม่ใหญ่ ที่วางอยู่ข้างๆ เสมือนว่าพร้อมลุยไปได้ทุกที่ เรียบง่ายดีจังนะอรวี



[---]“ฉันจะหลับ ได้เวลาปลุกด้วย” อรวีหยิบกระเป๋าเอกสารออกจากเลขา แล้วเอนตัวลงหนุนตักคนข้างๆ อย่างไม่สนใจสถานที่เท่าไหร่นัก จะมัววางมาดอยู่ทำไมกัน ในเมื่อผู้โดยสารบางรายยังเอนตัวพิงกระเป๋าเดินทางอย่างสบายอารมณ์



[---]“กระเป๋าคุณก็มีนี่คะคุณอร” เลขาสาวสะดุ้งเมื่อเห็นว่าเจ้านายกำลังจะหลับไปจริงๆ



[---]“มันไม่นุ่มน่ะ” อรวีตอบแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า เมื่อคืนเธอแทบไม่ได้หลับเลย เพราะอาการหงุดหงิดเกินเหตุที่เลขาวางสายใส่เธอ แต่กว่าความเครียดจะจางหายไปก็กินเวลาอยู่นาน ความเงียบยามวิกาลกับแสงไฟมืดมิดในห้องนอนกลับมาหลอกหลอนเธออีกครั้ง และยัยเลขาตัวแสบนี่ก็เป็นต้นเหตุให้เธอหลับดึก ถ้าเธองีบบนเป้ เธอก็จะถูกสายตาของคนบางกลุ่มมองว่าไม่ถูกที่อยู่คนเดียวน่ะสิ แต่เธอหนุนตักยัยนี่ เธอก็ไม่ใช่คนเดียวหรอกที่จะถูกมองด้วยสายตาเช่นนั้น



........................



[---]ตลอดการเดินทางจนลงมาถึงสนามบินที่หมาย อรวีงีบหลับเหมือนคนอดหลับอดนอน การหลับระยะเวลาสั้นๆ นี่แหละช่วยเรียกความสดชื่นของสมองเพิ่มขึ้นอีกนิด ส่วนยัยเลขาน่ะเหรอ เห็นนั่งเตรียมเอกสารอยู่ หวังว่ายัยนี่คงไม่ลืม ถ้าลืมสิ จะด่าให้ซึมไปเลยคอยดู ยิ่งหงุดหงิดอยู่ด้วย



[---]“ไอรดา เธอเตรียมของขวัญสวัสดีคุณประสิทธิ์รึยัง” เธอเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน



[---]“ค่ะ เหรียญสะสม ฉันได้มาจากธนาคารเมื่อวานนี้เอง เหลือสองเหรียญสุดท้ายด้วยแต่ไม่รู้คุณประสิทธิ์จะมีแล้วหรือยัง” ไม่ลืมหรอกที่จะอ่านบันทึกข้อความข้างแฟ้มที่อดีตเลขาได้จดเอาไว้ นักธุรกิจไฟแรงคนนี้ชอบสะสมเหรียญต่างๆ ที่จัดทำขึ้นจำนวนจำกัด หรือเหรียญเก่าโบราณ เหรียญหายากทุกประเภท



[---]“อืม งั้นก็ดี”



[---]สองสาวเดินตามกันมาจนเห็นป้ายที่ทางโรงแรมเขียนชื่อคุณอรวีโบกไปมาน้อยๆ บริการจัดคนมารับส่งนี่สำหรับลูกค้าที่เงินถึงเท่านั้น ทั้งคู่เดินตามพนักงานรับส่ง ไปขึ้นรถที่มีสัญลักษณ์ของทางโรงแรมแปะติดไว้อย่างสวยงาม



[---]“เชิญครับคุณผู้หญิง” พนักงานเอ่ยและวางกระเป๋าสองใบที่ยกมาให้พวกเธอข้างหลังรถ ยังเหลือเวลาอีกเกือบสองชั่วโมง ก่อนจะถึงเวลานัดหมายกับคุณประสิทธิ์



[---]“คุณคะ ช่วยรบกวน ไปส่งที่ร้านเช่ารถด้วยค่ะ ส่วนกระเป๋าเดินทางฝากทางโรงแรมนำไปไว้ที่ห้องพักให้หน่อยนะคะ” อรวีบอกกับพนักงานขับรถ เขารับคำสั่งและมุ่งตรงไปยังร้านเช่ารถที่เธอต้องการ แล้วจากไปพร้อมกระเป๋าเดินและกระเป๋าเอกสารทางของพวกเธอ



[---]“จะเช่ารถทำไมเหรอคะ เรียกแท็กซี่ก็ได้นี่คะ” ไอรดาถามอย่างสงสัย ไม่มีความจำเป็นเลยที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม อีกอย่างนั่งในรถสองคนกับเจ้านาย เธอไม่รู้จะชวนหล่อนคุยยังไงนี่สิ ถ้ามีคนขับแท็กซี่ด้วยก็คงคลายบรรยากาศเงียบงันลงไปได้บ้าง



[---]“เธอเคยมาที่นี่รึเปล่า” อรวีเห็นไอรดาส่ายหน้าจึงพูดต่อ



[---]“แท็กซี่ที่นี่ก็มีเหมือนกัน แต่น้อยมากเมื่อเทียบกับที่ๆ เรามา และแม้จะมีรถโดยสารให้เราโบกเหมือนแท็กซี่ ก็สะดวกดี แต่พรุ่งนี้ฉันต้องไปซื้อของฝากเยอะเลย จะหอบหิ้วของเยอะๆ แล้วเดินทางหลายๆ ที่ ฉันว่าเช่ารถสะดวกกว่า”



[---]เธอรู้ดีว่าที่นี่เป็นยังไง เพราะแม่เธอเกิดและเติบโตที่นี่ ในความจำวัยเด็กที่เลือนรางไปบ้าง เธอมาเที่ยวแบบครอบครัวพ่อแม่ลูก ที่นี่บ่อยครั้ง และคุ้นเคยกับสถานที่เป็นอย่างดี



[---]“คุณมาบ่อยเหรอ” เลขาสาวชวนคุย



[---]“ก็บ่อยนะ แต่พักหลังไม่ค่อยได้มา รู้มั๊ยครึ่งหนึ่งฉันเป็นคนเชียงใหม่ ที่นี่น่าอยู่นะ ฉันมาเที่ยวออกบ่อย พี่พิชก็ชอบอาหารทางเหนือ ใครมาเป็นต้องฝากซื้อ” เธอยิ้มเมื่อเอ่ยถึงคู่หมั้น



[---]ไอรดาพึ่งรู้แต่ก็ไม่แปลกใจมากมายนัก เพราะผิวขาวเหลืองออกไปทางสว่างมากกว่า คงมาจากทางแม่ของหล่อนอย่างไม่ต้องสงสัย



[---]“ไม่แปลกใจที่คุณขาวกว่าคุณท่าน” คุณมนตรีออกจากแทนๆ มองแล้วเหมือนชายไทยทั่วไป แต่ลูกสาวเขากลับดูแตกต่าง หล่อนก็น่ารักอยู่หรอก ถ้าเพิ่มรอยยิ้มอีกสักนิด อุ้ย! แค่คิดหล่อนก็ยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้เธอจริงด้วย



[---]“แต่เธอซีดกว่าฉันอีก” เจ้านายว่าพลางหัวเราะ เปิดประตูเข้าไปยังร้านเช่ารถ ทิ้งให้เลขายืนงงกับสายตาและรอยยิ้มของเจ้านายที่มองเธอหัวจรดเท้า แล้วก็นึกได้ว่าอรวีคงเห็นเธอเกือบทุกส่วนในวันนั้นเองที่เธอโดนวางยา



........................



[---]ร้านเช่ารถแห่งนี้ไม่ใหญ่โตเท่าไหร่ มีลานไม่กว้างมากอยู่ข้างๆ จอดด้วยรถเก๋งสามคัน กระบะอีกหนึ่ง และมอเตอร์ไซค์อีกสี่ห้าคัน นี่เป็นร้านเช่ารถประจำของอรวี เธอใช้บริการเช่าเสมอยามมาเที่ยวพักผ่อน หรือมาทำงาน จนเจ้าของร้านจำเธอกับพ่อได้ เพราะทราบดีว่าครอบครัวนี้มีเครดิตดีเพียงไร



[---]“อ้าว สวัสดีค่ะคุณอรวี มาเที่ยวเหรอคะ” เจ้าของร้านทักทาย



[---]“ครั้งนี้มางานค่ะ รถคันเดิมยังอยู่มั๊ย คันนั้นขับสบายดี” อรวีพูดถึงเก๋งอีโก้คาร์คันเล็กที่ไปไหนได้สะดวกสบาย หาที่จอดข้างทางเพื่อแวะซื้อของก็ง่าย



[---]“อยู่ค่ะ จะเช่ากี่วันดีเอ่ย”



[---]“วันนี้ กับพรุ่งนี้ค่ะ ถ้ายังไงพรุ่งนี้หกโมงเย็นให้คนไปเอารถที่สนามบินด้วยนะคะ” อรวีบอกกับเจ้าของร้าน



[---]“ได้ค่ะคุณอรวี...ทำไมรอบนี้กลับไวจังคะ” เธอยิ้ม แล้วเรียกให้ลูกจ้างในร้านไปนำรถคันดังกล่าวมาจอดเตรียมไว้ให้ลูกค้า



[---] “ที่บริษัทงานเร่ง นี่ถ้าไม่ติดงานลูกค้ารายใหญ่อรคงหาเวลามาเที่ยวช่วงว่างยาวดีกว่า ที่นี่ไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่เลย” เธอชอบกับสภาพเดิมๆ ของเมืองแห่งนี้เสมอ มันอบอุ่น เย็นสบาย ไม่รีบร้อน ดังเช่น เมืองที่เธอพึ่งเดินทางมา ทุกอย่างเร่งรีบไปหมด คิดแล้วก็อยากย้ายมาถาวรเลย



[---]“ดีแล้วค่ะ ถ้าคนแห่กันมาเปลี่ยนแปลงที่นี่ไปมากกว่านี้ เมืองจะแออัดเปล่าๆ บรรยากาศคงไม่สวยอย่างเดิม”



[---]“ก็จริงนะคะ บางที่เห็นมีตึกสูงมาก่อสร้าง ใจหายไม่น้อยเลย บดบังบรรยากาศหมด” อรวีคิด



[---]“เอ่อ แล้วนั่น แขนไปโดนอะไรมาเหรอคะ” เจ้าของร้านถามเมื่อสังเกตเห็นผ้าพันแผลโผล่พ้นออกจากเสื้อแขนยาว



[---]“อุบัติเหตุนิดหน่อย กรรไกรบาดเอา”



[---]“กี่เข็มล่ะคะ”



[---]“สองเองค่ะ ไม่มากๆ” เธอเปิดแขนให้คนตรงหน้าดู



[---]“ว้าา เสียดายแขนเป็นแผลเป็นกันพอดี” เธอบอกอย่างรู้สึกเสียดายแทนที่แขนขาวๆ ของลูกค้าจะต้องมีรอยไปตลอด



[---]“อีกไกลกว่าจะถึงหัวใจค่ะ” อรวีพูดพลางรับกุญแจจากลูกจ้างที่เดินเข้ามาในร้าน แล้วอ่านเอกสารเช่ารถผ่านๆ ก่อนจะเซ็นตรงท้ายเอกสารเหมือนทุกครั้ง



[---]“มา เดี๋ยวเดินไปส่งคุณอรวี” เจ้าของร้านเช่ารถเดินตามลูกค้ากิตติมศักดิ์ออกไปข้างนอกร้าน



........................



[---]ไอรดายืนรออยู่ข้างนอก ลูกจ้างขับรถมาจอดริมทางที่เธอยืนอยู่ รถอีโก้คาร์คันน้อย สีเดียวกับรถสปอร์ตของเจ้านาย แต่จุของได้พอตัว อรวีคงเป็นคนเลือกคันนี้เองแน่ๆ



[---]เธอมองดูรถอย่างพิจารณา แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อลูกจ้างที่เดินลงจากรถยักคิ้วหลิ่วตาให้เธอ เขาคงไม่รู้ว่าที่เธอยืนอยู่ข้างทาง ก็เพราะรอเจ้านายที่เป็นลูกค้าของทางร้าน เพราะถ้าเขารู้เขาคงไม่หลีเธอดังที่ทำอยู่



[---]“ทำไมเหรอ” ถามไปเลย ดีกว่าให้เขามายืนจ้องหน้าเธออยู่อย่างนี้



[---]“รอใครครับน้อง ให้พี่ไปส่งมั๊ย”



[---]“เพื่อนค่ะ กำลังเข้าไปในร้านเมื้อกี้นี้เอง” เธอยิ้มแล้วชี้ไปยังร้านที่เขาทำงานอยู่



[---]“ครับๆ” เขาหลบสายตารีบเดินเข้าไปในร้านทันที ไอรดาส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย เจ้านายเธอก็ช้าเหลือเกินกว่าจะออกมา เธอพึมพำกับตัวเองว่าเบื่อจัง



........................



[---]“บ่นอะไรไอรดา” เสียงหนึ่งโพล่งขึ้นมาราวกับมีหูทิพย์



[---]“ไม่นี่คะคุณอร .... ฝ้าย” น้ำเสียงที่เบาลง เมื่อเธอเอ่ยชื่อของอีกคนที่เดินตามออกมา



[---]“ไอ” เจ้าของร้านเอ่ยขึ้นเมื่อสบตาอยู่กับใบหน้าสวย เธอจึงเดินเข้าไปหา ยกแขนขึ้นเล็กน้อย ไอรดากอดเธอเอาไว้ในทันที



[---]“คิดถึงฝ้ายนะ” ไอรดาเอ่ยเบาๆ อ๊ารู้สึกดีที่สุด ได้เจอเพื่อนสนิทสมัยเรียน โชคดีจริงๆ ที่ตามอรวีมาเช่ารถด้วย



[---]“คิดถึงไอเหมือนกัน”



[---]“ฝ้ายทำงานที่ร้านนี่เหรอ” ไอรดาถามเมื่อคลายอ้อมกอดออกอย่างเชื่องช้าเสมือนว่าคนๆ นี้มีความหมายกับเธอมาก



[---]“ใช่ แล้วไอมาที่นี่ได้ยังไง” เธอตอบอย่างไม่คิดจะอวดว่าเธอนี่แหละเป็นเจ้าของร้าน



[---]“มากับคุณอรน่ะ ไอเป็นเลขาคุณอร”



[---]“จ้า ฝ้ายติดต่อไอหลายครั้งก็ไม่ติด เปลี่ยนเบอร์ใช่มั๊ยเนี่ย” เจ้าของร้านลืมนึกไปว่ามีลูกค้าอีกคนที่ยืนมองอยู่ด้วยอาการเลิ่กลั่กอย่างบอกไม่ถูก



[---]“เปลี่ยนนานแล้ว เบอร์นี้ไม่มีใครรู้เท่าไหร่น่ะ”



[---]“แล้วไม่โทรหาฝ้ายบ้างอ่ะ เสียใจรู้ป่าว”



[---]“ขอโทษ มันมีเรื่องวุ่นวายเยอะแยะไปหมด”



[---]“เรื่องอะไร ทำไมไม่บอกกัน ฝ้ายพร้อมช่วยไอเสมอนะ”



[---]“ตอนนี้ก็เริ่มจะลงตัวแล้วล่ะ เอามือถือมาเดี๋ยวไอเมมเบอร์ให้”



[---]เจ้าของร้านซ่อมรถควานหามือถือตามกระเป๋าไปมา แต่ก็ไม่พบ



[---]“สงสัยอยู่ในร้านน่ะ แป๊ปนะ” ก่อนที่จะได้ทันทำอะไรต่อ เสียงกระแอมเบาๆ เหมือนมีก้างมาขวางคอของอรวีก็ดังขึ้น เป็นเชิงเตือนว่าตรงนี้ยังมีเธออยู่อีกคน และก็รีบจะไปที่อื่นต่อ



[---]“เอ่อ งั้นเดี๋ยวไอยิงไปเครื่องฝ้ายละกัน ไอจำเบอร์ฝ้ายได้อยู่น๊า” เธอเริ่มเกรงใจเจ้านายที่แสดงออกว่ากำลังรีบ



[---]“ฝ้ายก็เปลี่ยนเบอร์เหมือนกัน งั้นเอานี่ไป เบอร์ของที่ร้าน โทรมาได้ตลอดเวลานะ ไว้ค่อยบอกเบอร์ไออีกทีละกัน” ฝ้ายยื่นนามบัตรของที่ร้านให้เพื่อนรับไว้



........................



[---]เจ้าของร้านยืนส่งทั้งสองคนออกเดินทางด้วยหัวใจที่เต้นระรัวอย่างปิติยินดีเหลือเกิน เธอได้พบกับคนที่เคยกุมหัวใจเธอเอาไว้ และยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่



[---]แม้เวลาจะผ่านมานานหลายปี ก็ยังจำวันแรกที่ได้เจอกับไอรดาได้ ผู้หญิงคนที่เป็นเชียร์ลีดเดอร์ของคณะเหมือนกับเธอ แรกเริ่มเดิมทีก็หมั่นไส้ในความสวยของเจ้าหล่อน หากแต่พอได้พูดคุย หัวใจเธอก็เริ่มไม่ปกติอย่างที่ควรจะเป็น



[---]ไอรดาไม่เคยเลือกคบใครสักคนที่เฝ้าตามจีบหล่อน ซึ่งก็มีมากมายในสายตาเธอ คนพวกนั้นก็สุดแสนจะมีความพยามเหลือเกิน เขาเหล่านั้น บางคนจะรูปหล่อพ่อรวย หรือนิสัยดีแค่ไหน หล่อนไม่เคยชายตามอง ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอแอบดีใจอยู่ลึกๆ



[---]คนภายนอกอาจมองว่าไอรดาดูหยิ่งจองหอง แต่นั่นทำให้เธอเองเริ่มสงสัยว่าทำไม ทั้งๆ ที่ไอรดาคนที่เธอรู้จักเป็นคนน่ารักกับเพื่อนฝูง เป็นกันเองกับทุกคนที่ไม่พยามจะจีบเจ้าหล่อน



[---]เธออยากจะบอกกับหล่อนเหลือเกินว่าหัวใจเธอมันหวั่นไหวแค่ไหนเมื่ออยู่ใกล้ แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะเอ่ยปากถึงสิ่งที่เธอรู้สึกกับเพื่อนคนนี้ เพราะถ้าทำอย่างนั้นแล้ว กลัวเหลือเกินว่าจะถูกเมินอย่างพวกที่พยามจะตามจีบไอรดา และกลัวมาตลอดว่าความเป็นเพื่อนที่มีจะต้องหมดลงไปพร้อมกับคำว่ารักที่ถูกเอ่ยออกไป



[---]นั่นทำให้ความรู้สึกทั้งหมดถูกซ่อนไว้หลังหน้ากากของความเป็นเพื่อนสนิทแสนดีที่คอยช่วยเหลือ ใกล้ชิดอย่างแยบยล ทว่าบางอย่างที่เธอสัมผัสได้นั้นหากไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป บางสายตาที่สื่อว่าต้องการเธอมากมายนั้น เพื่อนสนิทคนนี้คงคิดไม่ต่างจากเธออย่างแน่นอน และเสมือนว่าช่วงเวลาจะให้โอกาสเธออีกครั้ง หากมันไม่สายจนเกินไป เธอจะรวบรวมความกล้าที่มีอยู่บอกกับไอรดา คนที่เธอรักจนหมดใจ



........................