ดอกเบี้ย ตอนที่10



[---] “รู้ว่ารีบก็ยังจะมามัวเพื่อนเก่าเล่าใหม่อยู่” อรวีพูดขึ้นมาขณะขับรถ อันที่จริงเธอก็คุยอยู่นานสองนานกับเจ้าของร้าน หากแต่ช่วงเวลาที่สองคนนั้นอยู่ด้วยกันมันเหมือนนานเป็นปี เกลียดความรู้สึกนี้เหลือเกินกับวันเวลาที่พวกเค้ารู้จักกัน เธอได้แต่ยืนดู เอ๊ะ แล้วเธอไปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ



[---]“ขอโทษค่ะ” ไอรดาเหลือบมองคนขับ เริ่มรู้สึกถึงความไม่พอใจที่แผ่กระจายออกมา เธอไม่อยากพูดต่อความยาวสาวความยืด เพราะตอนนี้อะไรก็หยุดความสุขในใจเธอไม่ได้ เพื่อนเก่ากับความลับในใจที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง มันยังคงเป็นความลับที่บีบหัวใจเธอเสมอมา ความรู้สึกดีๆ นี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงกันเธอเองก็จำไม่ได้ แต่นับวันมันยิ่งเพิ่มเป็นเท่าทวี



[---]จวบจนวันที่พวกเธอเรียนจบและต้องแยกย้ายไปตามทางของตัวเอง ไอรดาไม่ได้ติดต่อเพื่อนรักอีก เพราะปัญหาที่รุมเร้าเธอจนดูดกลืนเอาความรู้สึกอื่นไปจนสิ้น ทว่าตอนนี้ทุกอย่างเริ่มจะลงตัวแล้ว และถ้าตอนนี้เธอแก้ปัญหาที่ยังค้างคาได้ ความสุขที่ยังวนเวียนอยู่ภายในหัวใจนี้เธอจะรื้อฟื้นมันขึ้นมาเอง



........................



[---]เมื่อทั้งสองขับรถมาถึงโรงแรมที่ดูคล้ายกับบ้านพักตากอากาศมากกว่า เป็นไปอย่างที่พ่อเธอบอกไว้ว่าคุณประสิทธิ์มาพักที่เชียงใหม่สองสามวัน และจะเดินทางไปต่างประเทศอีกเป็นเดือน ถ้าจะมาติดต่อธุรกิจควรจะรีบมาตอนนี้ เพราะเขาอุตส่าห์โทรคุยกับประธานบริษัทว่าอยากต่อสัญญาไปอีก แต่มีเวลาอยู่ที่เชียงใหม่ไม่กี่วัน คุณมนตรีจึงบอกว่าจะส่งคนไปเจรจาด้วยความเต็มใจ เขาโทรจองห้องพักกับทางโรงแรมทันที และมาปรึกษากับลูกสาวเพราะตัวเองนั้นไม่ว่างมาพูดคุย



[---]“ยิ้มอะไรมากมาย หยิบเอกสารออกมาได้แล้ว” อรวีเร่งเลขาที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่นาน มันน่ารำคาญจริงๆ อารมณ์ดีเกินไปแล้ว มาทำงานนะ จริงจังหน่อยสิ



[---]“ค่ะคุณอร” เธอตอบไม่วายส่งยิ้มหวานมาให้อีก แต่ด้วยอะไรก็แล้วแต่ อรวีหมั่นไส้ยัยเลขานี่ขึ้นมาทันที จะดีใจอะไรนักหนาแค่เจอเพื่อนเก่า ถึงกับเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือเลย แม้เธอจะจิกกัดยังไงก็ยังทำเฉย



[---]“โอ้ยๆ คุณอรจะหยิกฉันทำไม” ไอรดาลูบต้นแขนอย่างตกใจ ไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย ส่งแววตาคาดโทษมาให้เธอทำไมกัน



[---]“เดินเร็วหน่อย อีกสิบนาทีจะถึงเวลานัดแล้วนะ”



[---]“นี่เราก็มาถึงหน้าห้องอาหารแล้วไงคะ” เจ้านายหยุดความรื่นรมย์เธอไปได้เยอะเลย หรือผู้หญิงคนนี้จะทนเห็นคนอื่นมีความสุขบ้างไม่ได้หรือยังไงกัน



[---]“ทางนี้ครับๆ” เสียงหนึ่งเรียกขึ้นหยุดอารมณ์ที่กำลังเชือดเฉือนกันทางสายตาให้หันตามไป



[---]“สวัสดีค่ะ คุณประสิทธิ์” เขารับไหว้ทั้งสองอย่างเป็นกันเอง



[---]“ทานอะไรกันดีครับ” โบกมือให้พนักงานนำเมนูของทางโรงแรมมาให้สองสาว



[---]จากแวบแรกที่ไอรดาเห็น เขาไม่เหมือนนักธุรกิจพันล้านเลย ด้วยดูจากอายุที่มากกว่าพวกเธอไปสิบกว่าปี การแต่งกายที่ดูลำลอง เหมือนคนทั่วไปที่มาท่องเที่ยวมากกว่า บุคลิกท่าทางเป็นกันเอง ยิ่งดูยิ่งไม่เหมือนคนมีเงินหลายล้านบาทอยู่เลยสักนิด



[---]อรวีจัดแจงนำของกำนัลเล็กๆ น้อยๆ จากทางบริษัทมอบให้เขาที่แสดงออกอย่างปิดไม่มิดว่าดีใจกับของสะสมชิ้นใหม่



[---]“ชุดนี้ผมยังไม่มีเวลาว่างไปหาซื้อเลย กลัวว่าจะหมดไปก่อน” เขารับมันมาพิจารณาอยู่นาน



[---]การสนทนาเรื่องราวทั่วไปเริ่มขึ้นจนอาหารบนโต๊ะพร่องไปมาก เจ้านายกับเลขาจึงค่อยๆ คุยเข้าเรื่องธุรกิจ ซึ่งกินเวลาไม่มากนัก เพราะเขาต้องการรายละเอียดตามสัญญาเดิม เพียงแต่ต่อระยะเวลาให้นานขึ้นเท่านั้น



[---]“นี่ค่ะตามที่คุณสิทธิ์ เสนอมาค่ะ” ไอรดายื่นเอกสารสัญญาของทางบริษัทไปให้เขา



[---]“ผมไม่มีปากกาด้วยสิ” เขาควานหาตามกระเป๋าเสื้อผ้า



[---]“ใช้ของฉันก็ได้ค่ะ” ไอรดายื่นปากกาให้ สังเกตเขาที่ดูมีท่าทางลังเล คงไม่คิดมาเปลี่ยนใจเอาตอนนี้หรอกมั๊ง เธอคิด



[---]“ไม่ดีกว่าครับ อย่าว่าผมเลยนะครับคุณเลขา ต้องใช้ปากกาของผมเท่านั้น มันเป็นเคล็ดน่ะครับ”อรวีมองเขาอย่างรู้ทันว่าอาการที่เขาทำอยู่นี่เหมือนเป็นการเรียกร้องบางสิ่งที่เขายังต้องการอยู่ เขามาเที่ยวคนเดียวบางทีอาจต้องการเพื่อนคุย เพราะดูจากท่าทางแล้วก็เหมือนเหงาๆ ที่ต้องอยู่คนเดียวที่นี่ เธอจึงยิ้มอย่างตั้งคำถามให้เขาที่ยังถือเอกสารไว้



[---]“เอาอย่างนี้แล้วกัน เย็นนี้ผมยังไม่มีเพื่อนทานข้าวด้วยเลย ไหนๆ คุณสองคนก็ไม่ได้รีบกลับกันวันนี้ อยู่ทานข้าวเป็นผมอีกสักมื้อได้ไหมครับ ผมสัญญาว่าจะไม่ลืมปากกานำโชคอีกแล้ว”



[---]โอกาสดีของเขาแท้ๆ กว่าจะนึกแผนได้นี่ก็คิดอยู่นาน มาเที่ยวคนเดียวมันเหงา ถ้าได้สองสาวสวยแสนฉลาดมานั่งคุยด้วยคงดีไม่น้อย เผื่อมีทัศนะทางธุรกิจมาแลกเปลี่ยนกันอีก กำไรสองต่อเลยทีเดียว



[---]“ได้สิคะ ยังไงพวกเราก็พักที่โรงแรมนี้อยู่แล้ว” อรวีตอบ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่มาทานข้าวมื้อเย็นกับคุณประสิทธิ์อีกครั้ง แต่เย็นนี้เธอคงจะส่งไอรดามาก็พอเพราะเธอต้องไปที่อื่น



[---]“ขอบคุณมากครับ” เขายิ้มดีใจ



........................



[---]ไอรดาเดินกลับมายังห้องพักพร้อมเจ้านาย เธอต้องมาอยู่ห้องเดียวกับคนขี้โมโหนี่อีกกี่ชั่วโมงกัน ยังดีที่เตียงมีสองเตียง ไม่งั้นเธอคงจะ....โอ๊ย จะอะไรก็ช่างมันเถอะ ส่ายหัวไปมาเมื่อความคิดสองขั้วมาประสานงากันอย่างจัง



[---]“ไอรดา ตอนเย็นเธอไปพบคุณประสิทธิ์คนเดียวได้ไหม” เจ้านายถาม เธอรู้ว่ายังไงคุณประสิทธิ์ก็ต้องเซ็นเอกสารแน่นอน เพียงแค่เขาต้องการเพื่อนคุยเท่านั้นจึงยังไม่ยอมเซ็นง่ายๆ



[---]“ได้สิคะ คุณจะไปไหนเหรอ”



[---]“นี่ไง ฉันนัดหมอไว้ ช่วงนั้นพอดี” เธอชูแขนที่พันผ้าขาวไว้



[---]“ไปตอนนี้ก็ได้นี่คะ” เวลาก็ยังเหลือจะได้ไปกับอรวีด้วย



[---]“หมอเป็นเพื่อนฉันเอง เค้าว่างช่วงเย็น ว่าจะทำแผลให้ฟรี แล้วฉันก็ชวนเค้ากินมื้อดึกต่อ ฝากบอกคุณประสิทธิ์ด้วยแล้วกันว่าฉันไปจัดการผ้าพันแผลนี่ก่อน”



[---]“ค่ะ” ไอรดาตอบ ทิ้งตัวลงนอนเตียงข้างๆ เหมือนเจ้านายที่ตอนนี้หลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย



[---]เลขานอนมองอรวีอยู่นาน พลางนึกว่าถ้าเธอวาดภาพบนตัวหล่อนบ้างจะโดนวีนขนาดไหนนะ เธอจึงย่องเข้าไปคุกเข่าลงข้างเตียงของคนหลับ จ้องไปที่ใบหน้าเนียนที่หากตื่นขึ้นมาแล้วคงบ่นอะไรอีกแน่ แต่ตอนนี้ยังหลับอยู่นี่นา ถ้าจะเขียนอะไรนิดหน่อยคงไม่ว่าหรอกมั๊ง มือบางจึงค่อยเอื้อมไปจับแก้มคนหลับอย่างเบามือเพื่อให้ถนัดต่อการลงสี เกิดเสียงงึมงำเบาๆ ขึ้นทำให้ต้องหยุดการเคลื่อนไหวลง มือเธอจึงติดอยู่เสมือนหมอนรองหนุน ยอมรับว่าหัวใจจะวายเอา ถ้าคนตรงหน้านี่บังเอิญตื่นขึ้นมาพอดี



[---]ครั้นเมื่อสบโอกาส เธอจึงใช้มือที่ว่างอยู่ละเลงลิปสติกสีลงที่ริมฝีปากบางนั่น เริ่มลากเส้นตรงจากปลายจมูกจรดลงตรงแก้มอีกข้าง วาดพระจันทร์เสี้ยวตรงหน้าผาก ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ และเธอก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะมือของคนที่หลับอยู่จับแขนเธอไว้แน่น



[---]“เช็ดออกเดี๋ยวนี้เลยนะไอรดา” เจ้านายสั่งขณะที่ตายังปิดอยู่



[---]“คุณหลับอยู่นี่นา” เลขาอุทานออกมา



[---]“นี่ไม่ใช่เวลานอน ฉันแค่งีบเท่านั้น และก็รู้ตั้งแต่เธอมานั่งจ้องหน้าฉันอยู่ตั้งนาน ไม่นึกว่าจะกล้าทำจริงๆ” เธอลืมตามองคนวาด ยังจะมาทำหน้าน่ารักกลบเกลื่อนอีก



[---]“....” ไอรดาส่งยิ้มแห้งๆ กลับไป อย่างคนโดนจับได้ เธอเตรียมพร้อมรับมือกับคำด่าหลังจากนั้นไว้หมดแล้ว จะว่าอะไรว่ามาเลย คงไม่ต่างจากการดูถูกทางอ้อม ไม่ก็วีนแตกหาเรื่องไปเรื่อยตามประสาหล่อน



[---]“เธอนี่นะ” อรวีถอนหายใจไม่รู้ว่าจะด่าอย่างไรดี เพราะนึกไม่ถึงว่ายัยเลขาจะกล้าเอาคืนบ้าง



[---]“ห๊า จะเอาทิชชู่นั่นมาเช็ดหน้าฉันเหรอ” เธอมองตามไอรดาที่คว้าทิชชู่ข้างเตียงจะมาเช็ดรอยลิปสติก



[---]“ก็....ใช่ค่ะ” มองอย่างสงสัย เจ้านายจะมาทำไฮโซหาสำลีเช็ดเครื่องสำอางตอนนี้คงไม่มีหรอก เดินทางมาไม่กี่วัน เธอแทบไม่ได้พกเครื่องสำอางมาเลยด้วยซ้ำ



[---]“มานี่เดี๋ยวนี้เลย” อรวีรั้งคอเลขาเข้ามาใกล้ จิกผมที่มวยไว้หลวมๆ ไม่ให้ดิ้นไปไหน แววตาที่มองมานั้นคงตกใจอยู่ไม่น้อย แต่เธอไม่ได้จะฆ่าจะแกงยัยนี่สักหน่อย



[---]“คุณอร” เลขาเรียกอย่างตกใจ ก่อนจะมีการดิ้นไปมากกว่านี้ อรวีจึงจรดหน้าผากที่วาดด้วยพระจันทร์เสี้ยวลงบนหน้าผาก แก้มข้างที่มีรอยลิปสติกปาดเข้ากับแก้มของอีกคน



[---]เธอหัวเราะน้อยๆ กับอาการเหวอหวาของเลขาที่ถูกเล่นงานคืนแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน แต้มสีไว้ที่ไหนก็จะเอาคืนตรงที่หล่อนจงใจวาดนั่นแหละ และริมฝีปากเปื้อนสีที่เหลืออยู่นั่นก็โน้มลงใกล้กัน ตาของทั้งคู่ที่มองสบกันอยู่ ปนไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่อรวีไม่สามารถเข้าใจ จนเธอต้องรีบหยุดความหวั่นไหวนี้ ผลักยัยตัวแสบออกห่างทันที ส่วนยัยเลขานั่นเบือนหน้าหลบสายตาเธอไปยังทิศไหนก็มิอาจทราบ อรวีจึงตัดสินใจเชยคางหล่อนขึ้น หันหน้าข้างที่ยังไม่เปื้อนสีมาปาดริมฝีปากเข้าที่แก้มข้างนั้นอย่างรวดเร็ว แก้มหล่อนมันช่างนิ่มจนเธอผวากับเสียงหัวใจตัวเองซะนี่



........................



[---]ความเงียบเข้ามาครอบคลุมบรรยากาศในห้องนี้อีกครั้ง เมื่ออรวีเดินเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ และไอรดายืนเช็ดลิปสติกอยู่อย่างเหม่อลอย



[---]“อ่ะ กุญแจห้อง” ไอรดาสะดุ้งจากภวังค์ แม้เธอจะดูเหมือนยืนเช็ดหน้าอยู่แต่มือนั้นปาดไปมาไม่อยู่ที่เก่าจนรอยแดงอ่อนๆ เริ่มปรากฏ



[---]“เธอนี่แปลกๆ ดีเนอะ” อรวีพูดขึ้นเมื่อเห็นเลขาเช็ดไม่ตรงจุดเสียที ทั้งๆ ที่ยืนส่องกระจกอยู่



[---]“ฉันแปลกยังไงเหรอ”



[---]เจ้านายไม่ตอบ ดึงทิชชู่ออกจากมือ เดินไปชุบน้ำให้หมาด แล้วจัดแจงเช็ดหน้าให้อีกคน ที่ยืนหลับตานิ่งเมื่อเห็นว่าเธอจะเช็ดหน้าให้ สีนั้นหายไปจนจะหมดแล้ว อรวีจึงเอ่ยบางอย่างที่ทำเอาคนฟังไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี



[---]“สวยดีนะ มิน่าหลายคนถึงหลงกันนักหนา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพ่อถึงติดเธอจัง” เธอพิจารณาใบหน้านั้นดู ปากรึ จมูกรึ มันช่างได้รูปจนน่าหมั่นไส้ เธอควรจะอิจฉาสินะ แต่ทำไมไม่รู้สึกอย่างนั้นเลย กลับอยากรู้ขึ้นมาจริงๆ ว่าปากนั้นจะนิ่มเหมือนกับแก้มที่พึ่งได้สัมผัสไปรึเปล่า



[---]“....” ไอรดาไม่รู้จะตอบว่ายังไง หากแต่ครั้งนี้ที่เจ้านายเอ่ยถึงคุณมนตรีทำให้เธอรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย



[---]“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ ฉันอุตส่าห์ชมนะ” อรวีจับท่าทีว่าคนตรงหน้าไม่ได้รู้สึกกับคำชมเท่าไหร่ แต่กลับผิดปกติไปเมื่อเธอเอ่ยถึงพ่อ



[---]“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่มึนหัวนิดหน่อย” ปฏิเสธหน้าตายตรงข้ามกับสีหน้าโดยสิ้นเชิง



[---]“ก็ดี ฉันรู้นะว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอจะคิดยังไงกับพ่อฉัน ฉันไม่รู้ และก่อนหน้าที่จะคบกับพ่อฉันเธอจะผ่านมากี่คนฉันไม่สนหรอก เพราะมันสิทธิ์ของเธอ แต่ตอนนี้ขอให้หยุด จนกว่าเธอจะเลิกกับพ่อแล้ว หวังว่าคงเข้าใจนะ” เพราะบางอย่างในสีหน้าไอรดาทำให้เธอรู้สึกว่าลึกๆ เจ้าหล่อนไม่ได้ชอบพอพ่อเธอเลย



[---]“ฉันไม่ได้....”



[---]“พอเหอะ ฉันจะออกไปข้างนอก เอากุญแจไว้ที่เธอละกัน”



[---]เจ้านายออกไปแล้วทิ้งให้เธอยืนอึ้งอยู่ตรงที่เก่าด้วยความรู้สึกเสียใจราวกับว่าหัวใจดวงนี้สูบฉีดน้ำกรดที่ไหลไปทั่วร่างแทนที่เลือดสีสดอย่างที่ควรจะเป็น นั่นหรือคือความคิดที่อรวีมีต่อเธอ เธอคงเป็นผู้หญิงที่ผ่านโลกมานักต่อนัก จนมาเจอกับคุณมนตรีเพื่อหวังประโยชน์จากเขา ซึ่งอย่างหลังมันคือเรื่องจริงที่ทำให้เธอปฏิเสธไม่ได้



[---]“จะให้ฉันทำยังไงล่ะ” เธอพึมพำเบาๆ กับตัวเอง ด้วยหยดน้ำใสๆ ไหลอาบแก้ม ไอรดาทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างหมดหวัง โดยที่ไม่รู้ว่าเธอจะหวังอะไร ไม่เข้าใจว่าทำไมคำพูดร้ายกาจของอรวีที่ผ่านมา ไม่สามารถทำให้เธอระคายได้แม้แต่น้อย หากแต่ครั้งนี้มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น


........................