ดอกเบี้ย ตอนที่8



[---] “ฮัลโหล ว่าไงคะ ได้เรื่องอะไรคืบหน้าบ้างไหม”



[---]“ยังเลย ไม่ได้สืบอะไรมาก เค้าว่าก็คงเหมือนคนก่อนๆ นั่นแหละ”



[---]“ตัวเองอย่านิ่งนอนใจสิ ถ้าเกิดวันหนึ่งยัยนั่นเป็นแม่เลี้ยงเค้ามาจริงๆ เค้าจะโทษตัวเองจริงๆ ด้วย”



[---]“ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่คนเรานานวันก็ออกลายเองไม่ใช่เหรอ ดูอย่างมีนสิ ไม่น่าเชื่อเลยเนอะ”



[---]“เค้าก็ไม่คิดเหมือนกันว่า มีนจะทำได้ขนาดนี้ ไม่พอยังทำให้เค้าได้แผลมาอีกสองเข็ม คิดแล้วก็เศร้า ถ้าหายแล้วก็ยังเป็นแผลเป็นด้วยอ่า”



[---]“อ่าวเกิดอะไรอีกล่ะ บอกมาเดี๋ยวนี้เลย” อรวีเริ่มต้นเล่าเรื่องเมื่อหลายวันก่อนที่เธอบังเอิญได้ยินเสียงคนโวยวายกันหน้าห้อง แล้วก็ตกกระไดพลอยโจน จำเป็นต้องเข้าไปช่วย ทำให้คมของกรรไกรบาดเข้าที่แขนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้



[---]“นี่หมอยังไม่ให้เอาผ้าพันแผลออกเลยนะ ครบกำหนดอีกสามวัน เค้าล่ะเบื่อจะแย่ ทำอะไรก็ลำบาก”



[---]เธอบ่นเมื่อนึกถึงตอนที่จะอาบน้ำ หมอกำชับนักหนาว่าอย่าให้แผลโดนน้ำ พูดน่ะได้แต่ทำน่ะยากเหลือเกิน



[---]“แล้วได้เอาเรื่องมั๊ย ขอเดานะปล่อยคนผิดลอยนวลใช่ป่าว” เพื่อนสาวเดาได้ถูกทางเสียจริง



[---]“ก็สงสารอยู่หรอก ตกงานมันก็มากพออยู่ละ...ต้นเหตุเกิดจากยัยนั่นเลย ถ้าไม่เข้ามาแต่แรกเรื่องคงไม่วุ่นวาย เค้านะต้องเสียเลขาเก่งๆไปคนนึง เฮ้อ”



[---]“อ่าวตัวเองอย่าคิดอย่างนั้นสิ ดีแล้วที่เราจะได้เห็นธาตุแท้คน ถือซะว่าวันนี้ไม่ได้เป็นคนโชคร้าย เพราะถ้าวันนึง มีนเล่นงานตัวเองแทนที่จะเป็นไอรดา อื้อ ไม่อยากคิด” เพื่อนสนิทบอกตามตรง



[---]“จร้า” อรวีก็พอเข้าใจว่าตัวเองมีอคติมากไปกับไอรดา ยิ่งผู้หญิงคนนั้นเหมือนกับว่ามีพลังงานบางอย่างดึงดูดเธอให้ติดกับ นั่นสร้างความไม่สบายใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว



[---]อยากรู้จริงว่าคนอย่างไอรดาจะมีแผนอะไรรึเปล่า ยิ่งปล่อยวันเวลาผ่านเลยนานเท่าไหร่ เธอเองก็ยิ่งร้อนใจด้วยสาเหตุที่ว่ากลัวหล่อนจะเข้ามาแทนที่แม่ แล้วความรู้สึกแปลกนั่นอีก



[---]อาจเป็นเพราะเกลียดอย่างสุดๆ จนใจสั่นเทิ้ม ใช่แล้ว! มันเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องเร่งกำจัดหล่อนออกไปซะเดี๋ยวนี้ จะปล่อยให้เรื่องราวมันลุกลามไม่ได้ ไม่มีอะไรจะรับประกันได้ว่าภายใต้ใบหน้าสวยงามนั่นจะออกฤทธิ์ออกมาเมื่อไหร่



[---]เธอทำถูกแล้วที่คิดจะตัวเอาตัวปัญหาออก เหมือนตัดไฟแต่ต้นลม เพื่อนนกนี่ก็กระไร ขอไปตั้งนานแล้วทำไมบ่ายเบี่ยงไม่เล่าอะไรให้ฟังเลย สงสัยต้องจับตาให้มากขึ้นอีก เอาให้ดิ้นหลุดไปไม่ได้เลยคอยดู



........................



[---]“ใช่ อรไปจัดการให้พ่อด้วยนะ” มนตรีกำชับครั้งที่สามกับลูก



[---]การนัดพบลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทครั้งนี้จะพลาดไม่ได้ ตัวเขาเองก็ติดประชุมกับทางคณะกรรมการของบริษัท ความหวังจึงตกอยู่ที่ลูกสาวคนเดียวที่เขาวางใจมาตลอด



[---]ลึกๆ แล้วตัวเขาเองก็อยากให้อรวีเข้ามาแทนที่ประธานนี่เสียที หากแต่อรวียังอ่อนด้วยวัยวุฒิ กรรมการคนอื่นๆ อาจไม่พอใจได้ ถึงครอบครัวเขาจะถือหุ้นเกินกว่าครึ่งก็ตาม การรอให้อรวีพร้อมอีกสักหน่อยคงไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหามากเท่ากับการที่อรวีต้องพิสูจน์ตัวเองถึงความสามารถ และงานนี้ที่เขามอบให้เธอก็คงจะทำให้คนอื่นๆ มองเห็นความสามารถในตัวลูกสาวคนเดียว



[---]“ค่ะ อรเคยพลาดที่ไหนกันล่ะ พ่อไม่ต้องห่วง” เธอรับปากบิดา



[---]“พ่อก็มีลูกอยู่คนเดียวนี่ล่ะที่วางใจได้ อีกหน่อยประธานคนใหม่คงฝากความหวังไว้ที่ลูกด้วย”



[---]“เราเหลือกันสองคนพ่อลูก ไม่ต้องหาใครเป็นแม่ให้อรนะ” เธอพูดถึงคนที่กำลังนั่งจามอยู่หน้าห้อง



[---]“ไม่หรอกอร ไม่มีใครแทนแม่แกได้หรอก แกก็รีบแต่งงานสักที ครอบครัวเราจะได้มีคนเยอะๆ พ่ออยากอุ้มหลานกับเค้ามั่ง”



[---]“ยังดีกว่า อรพึ่งจะยี่สิบห้า ยังไม่อยากมีภาระ แต่พ่อรับปากแล้วนะว่าจะไม่มีแม่ใหม่ให้อร” เธอยังคงถามซ้ำเพื่อเอาคำตอบที่หนักแน่นกว่านี้ จะได้สบายใจว่าไอรดาคงไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่เดี๋ยวก็ถูกปัดกวาดออกไปจากชีวิตเธอ



[---]“พ่อยอมรับนะว่าพ่อไม่ใช่คนดีนัก สิ่งหนึ่งที่พ่อจะทำได้ก็คือการยกย่องผู้หญิงคนเดียวเป็นภรรยา คือแม่แกนั่นล่ะ แกคงกังวลเรื่องไอมากไป ถ้าไม่ชอบพ่อสั่งย้ายให้ได้นะ” เขาเห็นถึงความคิดลูกสาวที่เลี้ยงมาจนโต แม้เขาจะรู้สึกชอบและสงสารไอรดาอยู่ไม่น้อย แต่อย่างไรก็ไม่มีทางจะยอมรับอย่างเปิดเผย ให้ใครสบประมาทเอาได้ว่าจะยกย่องเป็นเมียทั้งทีได้คนรุ่นราวคราวเดียวกับลูกตัวเอง



[---]“ไม่เป็นไร ยังไม่ต้องย้ายหรอก อรยังหาเลขาคนใหม่ไม่ได้เลย”



[---]“อ่าว มีนไปไหนแล้วล่ะ” นึกได้ว่าจะถามถึงเลขาอีกคน ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ



[---]“อรให้ออกไปค่ะ ช่างเถอะพ่อ ลูกพ่อเก่งน่า คนช่วยหายไปคนไม่เดือดร้อนเท่าไหร่”



[---]“จริงๆ เลยลูกคนนี้” เขายิ้มพึมพำกับตัวเอง ภูมิใจที่เลี้ยงเด็กผู้หญิงตัวน้อยคนนี้ เติบใหญ่มาเป็นคนที่แข็งแกร่งได้ด้วยตัวคนเดียว



[---]“กลับบ้านกลับช่องบ้างก็ได้ แม่หน่อยบ่นคิดถึงแกอยู่” พ่อเอ่ยถึงแม่บ้านที่ทำงานอยู่มานาน และเป็นคนช่วยเลี้ยงดูอรวียามที่คุณมนตรีต้องทำงาน



[---]“อรอยู่คอนโดใกล้ที่ทำงานดีแล้ว เดี๋ยวถ้าว่างเมื่อไหร่จะพาแม่หน่อยไปทำบุญบ้าง อยู่แต่กับบ้านคงเบื่อน่าดู”



[---]เธอนึกถึงคนที่เปรียบเสมือนมารดา อาจเป็นแค่หน้าที่สำหรับคนที่ทำงานในบ้าน หากแต่แม่หน่อยก็ดูแลเธอเหมือนกับแม่แท้ๆ แล้วก็เป็นเสมือนพี่สาวของพ่อเธอด้วย คนที่จะคอยเตือนเมื่อสองพ่อลูกพลั้งเผลอ คอยเป็นกังวลใจเมื่อผิดพลาด



[---]“ก็ดีแล้ว พ่อไม่กวนละนะ เดี๋ยวมีประชุมต่อ”



[---]“ค่ะพ่อ”



[---]อรวียิ้มให้บิดาที่มองดูเธออีกครั้งแล้วออกห้องทำงานไป เธอกับพ่อสนิทกันมากหากไม่ยกประเด็นเรื่องความเจ้าชู้ของเขามาพูดถึง



[---]คุณมนตรีไม่เคยบกพร่องเรื่องความเป็นพ่อเลยแม้แต่น้อย เขาเลี้ยงดูเธอ ให้การศึกษาที่ดี



[---]มีทุกสิ่งที่เด็กที่โชคดีสุดๆ คนหนึ่งพึงจะได้รับ ทว่าทุกคนก็ย่อมมีข้อเสีย เธอรู้ว่าไม่ควรจะไปก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของเขา แต่ถ้านั่นหมายถึงจะมีผู้หญิงอีกคนเข้ามาแทนที่แม่เธอแล้ว เธอจะไม่ยอมอย่างเด็ดขาด



........................



[---]อรวีถอดเสื้อคลุมออก พาดไว้ข้างโต๊ะทำงาน เธอไม่ต้องการให้ใครในบริษัทถามมากเกี่ยวกับเรื่องของแผลที่แขนขวาเธอ กับเรื่องที่เลขามีนคนเก่งหายตัวไปได้อย่างไร



[---]“ไอรดา เข้ามาพบฉันหน่อย เอารายชื่อลูกค้าของบริษัทมาด้วย” เธอโทรเรียกเลขาหน้าห้อง ที่ใช้เวลาไม่นานนักก็หอบแฟ้มหนาสามสี่อันเดินเข้ามาหาเธอ



[---]อรวีเลือกอันหนึ่งจากในนั้น แล้วเปิดไล่ไปตามตัวอักษร เธอไม่ได้สืบค้นรายชื่อจากฐานข้อมูลบริษัทอย่างที่ควรจะเป็น เลือกจากแฟ้มเอกสารเพราะจะให้ข้อมูลลูกค้าคนสำคัญย้อนหลังได้มากกว่า



[---]“มีงานเร่ง ฉันต้องไปพบคุณประสิทธิ์ที่เชียงใหม่พรุ่งนี้เที่ยง เธอไปเตรียมข้อมูล เอกสารสัญญาตามนี้ให้ด้วย”



[---]“ได้ค่ะ” ไอรดารับแฟ้มทั้งหมดกลับมา ยืนลังเลเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเจ้านายไม่สั่งอะไรเพิ่มจึงจะตรงไปโต๊ะทำงานตัวเอง



[---]“เธอก็เก็บของเตรียมไว้ด้วยนะ พรุ่งนี้เราจะเดินทางแต่เช้าไปเชียงใหม่” เจ้านายเอ่ยขึ้นเผื่อว่าเลขายังไม่รู้หน้าที่ตัวเอง



[---]ถ้าเป็นเลขามีนคงจะถามไปแล้วว่าจะเดินทางกี่โมงดีคะ เดินทางกี่วันดีคะ เตรียมของขวัญให้ลูกค้าคนสำคัญแล้วหรือยัง ซ้ำยังจัดเตรียมตั๋วเดินทางสำหรับพวกเธอโดยอรวีแทบไม่ต้องจัดการอันใดนอกจากการเจรจาธุระสำคัญเลย



[---]“เอ่อ ฉันต้องไปด้วยเหรอคะ” เลขาถามท่าทางกังวล



[---]“อ่าว ก็ใช่สิ ปกติมีนเค้าจะจัดการให้ฉันหมดเลยนะ เค้าไม่ได้บอกเธอเหรอว่าต้องเตรียมการยังไง ถ้าต้องเจอลูกค้ารายใหญ่” อรวีเลิกคิ้วขึ้นถาม



[---]“ไม่นี่คะ” เธอไม่ใช่มีน แล้วเธอก็ไม่เคยทำหน้าที่ส่วนนี้มาก่อน แน่นอนว่าเธอทำงานได้ดี แต่เรื่องปลีกย่อยใครจะไปรู้เล่า



[---]“แล้วต้องทำยังไงเธอถึงจะรู้เนี่ย” เจ้านายถอนหายใจ พึมพำเบาๆ ว่าไม่น่าไล่เลขามีนออกเลย



[---]“บอกฉันสิคะ แล้วครั้งต่อไปฉันจะไม่พลาดอีก” ไอรดาเอ่ยขึ้นพร้อมเดินกลับมายืนข้างโต๊ะทำงานอย่างเก่า



[---]อรวีมองเธอดูอย่างพิจารณาด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าดูถูกความสามารถเธออย่างเห็นได้ชัด เหมือนกับว่าตัวเธอมีดีที่แค่หน้าตา รู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าขึ้นมาในทันที เธอไม่รู้จริงๆ ว่าต้องทำอะไร ยังไง อย่างน้อยถ้าเจ้านายจะใจดีบอกเธอสักหน่อย รับรองว่าครั้งต่อไปจะไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น



[---]“เตรียมตั๋วเดินทางไปกลับสองที่ เราจะไปถึงที่นู่นก่อนหนึ่งวัน ส่วนทางที่พักพ่อฉันเตรียมไว้ให้แล้ว รถโรงแรมจะมารับเมื่อเราไปถึง อย่าลืมเอกสารที่ให้เตรียมเมื่อกี้ด้วยนะ” อรวีพูดไม่สนใจคนฟังที่ทำท่าเหมือนจะถาม



[---]“แล้วไปกี่วันคะ”



[---]“เช้าวันศุกร์ กลับก็วันเสาร์ เอาเที่ยวท้ายสุดเลยนะ ฉันจะไปที่อื่นต่ออีกหน่อย”



[---]สองวันกับหนึ่งคืน ไม่นานเท่าไหร่นัก เลขาโล่งอกที่ไม่ต้องไปนานดังคาดการณ์ไว้



[---]“แล้วฉันต้องทำอะไรบ้างคะ” ไอรดายังคงสงสัยในหน้าที่เธอเมื่อไปถึงเชียงใหม่



[---]“เตรียมของขวัญสวัสดีให้คุณประสิทธิ์ด้วย มีนคงจดไว้ในแฟ้ม”



[---]อรวีพึ่งสังเกตเห็นในขอบแฟ้มเอกสารที่เปิดดูเมื่อสักครู่ว่ามีรอยดินสอจางๆ ระบุว่าลูกค้าคนไหนประทับใจกับของขวัญแบบใดบ้าง ยิ่งคิดถึงเลขาคนก่อนอรวีก็นึกเสียดายเพิ่มขึ้นอีก



[---]“ได้ค่ะ” ไอรดารับคำ คิดไปว่าก็แค่เอาใจคน ไม่น่าใช่เรื่องยากอะไร แค่สร้างความประทับใจไปตามปกติ



[---]“อ่อ เธอก็ช่วยต้อนรับด้วยนะ ได้ยินมาว่าเธอถนัดนี่นา แต่งานนี้เป็นทางการ ไม่ใช่แบบที่เธอเคยทำหรอก” เจ้านายพูด



[---]เห็นเลขาทำหน้าไม่ค่อยพอใจนัก เธอแอบสะใจเล็กๆ ที่ได้ว่าไป เพราะรู้ว่าก่อนหน้านี้ ไอรดาเคยทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้าคนสำคัญให้บริษัทจนได้มาเจอกับพ่อเธอเข้า



[---]“ทราบค่ะ ถ้าไม่มีอะไรเพิ่ม ฉันขอตัว” ไอรดาไม่อยากอยู่นานไปกว่านี้เมื่อความโกรธเริ่มครอบงำ



[---]ไม่ง่ายเลยที่จะไม่ต่อปากต่อคำกับคนตรงหน้า ซึ่งพยามเหน็บแนมทุกครั้งเมื่อสบโอกาส ที่บริษัทเก่าเธอทำหน้าที่พนักงานธรรมดาเท่านั้น หัวหน้างานขอร้องมาต่างหากล่ะ จนทำให้เธอได้พบคุณมนตรี เป็นโอกาสที่ดีของเธอ แต่ก็ใช่ว่าเธอจะต้อนรับแบบถึงเนื้อถึงตัวอย่างที่อรวีนึกคิด



[---]“ทางการนะไอรดา” เสียงเจ้านายรั้งท้ายก่อนเธอจะพ้นออกจากประตู ไอรดาได้ยินเสียงหัวเราะเยาะดังไล่หลังมาด้วย ซึ่งเธอก็ไม่ได้คิดหันกลับไป



........................



[---]บ่ายแก่ของวันที่อากาศร้อนแต่เธอกลับหนาวเย็นเพราะอยู่ในห้องแอร์ เธอนั่งคิดอะไรเงียบๆ อยู่สักพัก งานส่วนของวันนี้ก็ไม่มีอะไรต้องทำอีก เธอมองทะลุกระจกออกไปข้างนอกมองตึกสูงตั้งติดๆ กันด้วยรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กๆ ไม่ทันที่จะได้ก้มลงมองหน้าจะคอมพิวเตอร์อีกครั้ง ก็เห็นคู่หมั้นเจ้านายเดินตรงมาที่ห้องทำงาน ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง...แล้วประตูบานใหญ่นั้นก็เปิดออกเอง



[---]“ทำไมมาเร็วจังพี่พิช” เจ้านายเดินออกมาต้อนรับก่อนเขาจะทันได้เคาะประตูด้วยซ้ำ



[---]“คิดถึงอรครับ” เขาเอ่ยเสียงทุ้ม แทนคำตอบคนถูกคิดถึงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนไอรดารู้สึกได้ว่าเจ้านายคนนี้เปลี่ยนอารมณ์เร็วดีจริงๆ เมื่อสักครู่ยังเคร่งเครียดราวกับว่าโลกจะสลายไปต่อหน้าถ้าเธอไม่สามารถทำงานได้ดังหวัง



[---]“ไอรดาวันนี้เลิกงานเลยก็ได้ อย่าลืมเตรียมของขวัญให้ลูกค้า แล้วถ้าได้เวลาเดินทางเย็นนี้โทรบอกฉันด้วย วันนี้ฉันไม่เข้าที่ทำงานแล้ว” หล่อนหันมาสั่ง แล้วจากไปพร้อมคู่หมั้นหนุ่ม



[---]“มีความสุขกันดีจัง” เธอพูดขึ้นมาลอยๆ เมื่อทั้งสองคนเดินจากไปแล้ว ทิ้งเลขาสาวให้เริ่มเก็บของ เธอได้รายละเอียดลูกค้าคนสำคัญพร้อมกับเอกสารจัดเตรียมลงแฟ้ม ไม่ลืมที่จะสั่งพิมพ์ตั๋วเดินทางสำหรับสองคนในวันรุ่งขึ้น เย็นนี้เธอไม่ต้องไปทานข้าวกับคุณมนตรี รวมถึงหลายๆ วันข้างหน้าด้วย เขาติดงานสำคัญของบริษัทที่มักจะเข้ามาเป็นช่วงๆ นั่นทำให้เธอรู้สึกดีไม่น้อยที่ไม่ต้องคอยปั้นหน้าดีใจตลอดเวลาที่เจอเขา หรือคอยระมัดระวังตัวทุกครั้งที่เขามักจะอ้อนให้เธอยอมเป็นของเขาเสียที เธอก็ไม่รู้หรอกว่าจะหลบหลีกไปได้สักกี่ครั้ง ตราบที่เขายังคงมีความเป็นสุภาพบุรุษได้นานพอ เธอจะไม่ยอมพลาดเด็ดขาด



........................



[---]“พรุ่งนี้อรไปพบลูกค้าที่เชียงใหม่ด้วยล่ะ อยากได้อะไรเป็นพิเศษรึเปล่าคะ” เธอถามขณะนั่งรอเวลาเรียกของโรงหนัง เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่มาดูหนังกัน มีความสุขที่สุดเวลาได้อยู่ใกล้กันแบบนี้



[---]“ไม่หรอก พี่อยากให้อรเตรียมตัวให้พร้อมมากกว่า อย่ากังวลของฝากพี่เลย”



[---]“แน่ใจ เห็นทุกทีใครไปเชียงใหม่ พี่พิชสั่งอาหารเหนือทุกรอบเลย” เธอแซวคนข้างๆ อย่างรู้ทัน



[---]“แน่ะ ทำเป็นรู้ดี” เขาเขกหัวเธอเบาอย่างเอ็นดู อรวีกับเขารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก มีหรือที่ผู้หญิงคนนี้จะไม่รู้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร



[---]ไกรพิชไม่เคยเหลียวมองผู้หญิงคนอื่นนอกจากอรวี ตั้งแต่เขาหมั้นกับเธอ เขาให้เกียรติคู่หมั้นคนนี้เสมอ จะต่อหน้าหรือลับหลัง การที่ครอบครัวทั้งสองต้องการเกี่ยวดองกันนั้นเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ฝ่ายเขาและเธอเห็นชอบมาตั้งแต่เขายังเล็ก และอรวียังเป็นแค่เด็กทารกอยู่เลย



[---]อรวีไว้ใจให้เขาดูแลเธอมาตลอด ซึ่งเขาก็เต็มใจที่จะทำ เขารักผู้หญิงคนนี้ ต้องการให้เธอมีความสุข จะยืนอยู่ข้างเธอเมื่อเธอต้องการ ตั้งแต่เขาจำความได้....



[---]อรวีที่เติบโตขึ้นมาเป็นผู้หญิงที่ฉลาด เข้มแข็ง ไม่เคยเสียน้ำตาให้กับเรื่องใด ไม่เคยเรียกร้องให้เขาช่วยเหลือยามเธอทุกข์ เธอมอบรอยยิ้มที่อบอุ่นกลับมาให้ทุกครั้งที่พบเจอ



[---]ไม่ว่าจะยามทุกข์ ยามสุข สองมือของเขานี้จะคอยปกป้องดูแลผู้หญิงคนสำคัญไม่ให้บอบช้ำไม่ว่าปัญหาจะมากน้อยเพียงใด หรือแม้แต่กระทั่งผีที่ตามหลอกหลอนในจอโรงภาพยนตร์ เขาก็คอยจะอยู่เป็นเพื่อนเธอให้คลายกังวล



[---]“อุ้ย”



[---]อรวีอุทานเบาๆ เมื่อมือใหญ่จับมือเธอไว้ ไกรพิชยิ้มให้กับคู่หมั้นที่นั่งผวากับหนังสยองขวัญที่เธอเป็นคนเลือกเอง เขากำมือเธอไว้หลวมๆ เพื่อให้รู้เสมอว่าเขาพร้อมอยู่เคียงข้างเธอเสมอ จะไม่ทิ้งไปไหนให้ผู้หญิงคนนี้ต้องหวาดกลัวอยู่ตัวคนเดียว



........................



[---]กรี๊ด....อรวีสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงริงโทนมือถือดังขึ้น ขณะที่เธอกำลังใจลอยบรรจุเสื้อผ้าลงกระเป๋าเดินทาง เธอเหลือบดูเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว สยองไม่น้อยที่กับเสียงโทรศัพท์หลอกหลอน ตามกระแสหนังสยองขวัญเรื่องที่พึ่งไปดูมา



[---]อรวีสูดหายใจเข้าลึกๆ เดินออกห้องนอนอย่างกล้าๆ กลัวๆ ไปหยิบโทรศัพท์ที่ห้องนั่งเล่นมาเปิดดู เธอรู้สึกว่าการที่อยู่คอนโดคนเดียวหลังจากดูหนังผีมาแล้วนั้น ทำให้ห้องที่ดูปกติ ให้ความรู้สึกว่าจะมีบางสิ่งโผล่ออกมาจากใต้เตียง ใต้โต๊ะ หรือแวบผ่านกระจกเมื่อเธอหันหลังให้กับมัน เธอจึงเปิดไฟให้สว่างไปทั่ว หรือบางทีเธอก็หลอนจนกระทั่งก้มลงดูใต้โต๊ะทุกครั้งที่รู้สึกเหมือนกับมีคนแอบดูเธออยู่ ใช่เธอรู้สึกและคิดไปเอง แล้วใครกันที่โทรมาหลอนยามดึกเนี่ย



[---]-ยัยไอ- เธอมองสองสายที่ไม่ได้รับ ลืมไปสนิทเลยว่าเลขาจะโทรมาบอกเวลาเดินทาง ดันไปปิดเครื่องตั้งแต่เข้าโรงหนัง



[---]“ว่าไง” อรวีกรอกเสียงเข้มไปตามโทรศัพท์ ปกปิดความหลอนที่ยังไม่หายไป



[---]“ขอโทษที่รบกวนเวลานี้ค่ะ แต่ฉันโทรหาคุณตั้งแต่เย็นแล้วไม่ติดเลย”



[---]“ฉันไปดูหนังก็ต้องปิดมือถือสิ” เธอแก้ตัว เพราะรู้ว่าหนังที่ดูกินเวลาเพียงชั่วโมงกว่าเท่านั้น



[---]“ฉันจะโทรเวลาบอกเวลาเดินทางค่ะ” ไอรดาทำตามคำสั่ง



[---]“ว่ามาๆ....อ๊ายยย” อรวีกระโดดตัวลอยจากโซฟาเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากห้องนอน



[---]“คุณอร เกิดอะไรขึ้น คุณอร” ไอรดาถามอย่างร้อนใจที่อยู่ๆ เจ้านายเธอก็กรี๊ดเสียงหลงใส่โทรศัพท์



[---]“ไม่มีอะไรๆ ฉันทำของหล่นนิดหน่อย” เธอรีบพูด ไม่อยากให้คนในสายรู้หรอกว่าเธอตกใจกับเสียงกระเป๋าหล่น เธอเองนั่นแหละที่วางมันไว้หมิ่นเหม่ข้างเตียง



[---]“คุณไม่เป็นไรใช่ไหม” ไอรดายังคงถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ



[---]“เอ๊ะ ฉันบอกว่าไม่มีอะไรไงเล่า ถ้าฉันเป็นอะไรแล้วเธอจะทำไม” เธอกระชากเสียงเมื่อถูกถามอีกครั้ง



[---]“ฉันก็แค่” เลขาสาวหยุดอยู่แค่นั้น อีกส่วนหนึ่งถูกกลืนไปกับความเงียบ....แค่เป็นห่วงคุณ



[---]“รีบๆ บอกเวลามาได้ละ ฉันยังไม่ได้เก็บกระเป๋าเลย” อรวีปรับเสียงให้เป็นปกติ เธอไม่รู้ว่าไอรดาจะพูดอะไรต่อ อยู่ดีๆ ก็เงียบไป ไม่ได้ตั้งใจตะคอกหรอก แค่อายมากกว่าถ้าคนที่โทรมาจะรู้ว่าเสียงกรี๊ดนั่นมาต้นเหตุมาจากความกลัวผีของเจ้านายหล่อนล้วนๆ



[---]“ไอรดา เธอจะเงียบทำไม” เธอพูดใส่สายโทรศัพท์อีกครั้ง แล้วก็ต้องแปลกใจว่าสายถูกวางไปแล้ว อะไรกันยัยนี่ มีสิทธิ์อะไรมาตัดสายทิ้ง อรวีคิ้วขมวดอย่างหงุดหงิด บัดนี้เธอลืมความกลัวผีไปจนหมดสิ้น แทนที่ด้วยความไม่พอใจ



........................



[---]ไม่นานนักมีข้อความส่งเข้ามือถือเธอมาแทน



[---]‘พรุ่งนี้เช้าเจอกันที่ทางเข้าสนามบิน 8:00’



[---]อรวีส่ายหน้าระอากับความกวนโสตประสาทของไอรดา เลขาเธอหาความหงุดหงิดมาให้ทุกครั้งที่มีโอกาส เธอเองก็ไม่ได้ดีกับหล่อนเท่าไหร่หรอก บางครั้งที่ต้องช่วยก็เพราะสถานการณ์พาไปต่างหากล่ะ ยัยนั่นคงรู้สึกถึงความไม่เป็นมิตร เลยหาทางเอาคืน



[---]แต่ก็ใช่ว่าทำสำเร็จซะเมื่อไหร่ล่ะ เธอไม่ปล่อยให้ยัยเลขาตัวแสบได้ใจหรอก แค่ตัดสายทิ้งไม่กระทบอะไรเธอได้เลย อรวียังคงมึนหัวกับความหงุดหงิด ‘ยัยไอรดาสักวันเธอต้องรับผิดชอบที่ทำให้ฉันเครียด’ เธอบอกกับตัวเอง

........................