ดอกเบี้ย ตอนที่13
[---]สองกายที่นอนกอดก่ายบนเตียงเล็กนั้นไม่มีสิ่งอื่นใดปกปิดนอกเหนือจากผ้าห่มผืนหนา ซึ่งมันก็ทำหน้าที่ของมันอย่างดีช่วยให้ความอบอุ่นที่มีเพิ่มขึ้น ร่างบางระหงทั้งสองขยับเข้าหากัน กอดเลื้อยราวกับกิ่งไม้เกี่ยวพัน เถาวัลย์พันเกี่ยว
[---]แต่ความหวาดเสียวหาใช่สิ่งอื่นใดไม่ เมื่อหนึ่งในนั้นเริ่มบิดพลิ้ว ดิ้นรน กระสับกระส่ายกับบางสิ่งที่สอดลึกแทรกผ่านกายนิ่ม เชื่องช้า หนักแน่น และเนิ่นนาน ใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องนั้นช่างน่ารักเสียเหลือเกิน หล่อนหวีดครวญอย่างออดอ้อน โหยหาอย่างไม่รู้จบ
[---]โอว สวรรค์ชั้นนี้ยังมีอยู่ จะมีผู้ใดอิจฉาไหมที่ตัวฉันนั้นสามารถไปถึงมันได้ ความเหนื่อยล้าทุเลาลงพลัน เพราะบางสิ่งที่พัดหวนเอาคำอ่อนหวานผ่านเยื่อแก้วหู นุ่มนวลนักกับสิ่งที่ได้สัมผัส ความรู้สึกที่รอคอยถูกเติมเต็มให้แก่กันอย่างไม่รู้เบื่อ แต่ฉันจะพาเธอไปด้วย ไปกับฉัน ไปยังที่ๆ ฉันไป อย่าปล่อยมือนี้ กอดฉันไว้แน่นๆ...ไอ จูบฉันอีก จูบฉัน นั่นเลย ตรงนั้นเลย
........................
[---]กรี๊ดดดด เสียงหลอนของโทรศัพท์ดังขึ้นรบกวนการนอนหลับแต่เช้า เธอหยิบมันขึ้นมาปิดเสียงเครื่องด้วยอาการง่วงจัด หลับไปตอนไหนก็ไม่แน่ใจ เพราะเอาแต่คิดไปไกลถึงคนที่อยู่ใกล้ๆ แล้วฝันหวานเมื่อคืนมันอะไรกัน ความรู้สึกที่รับรู้เหมือนตอกย้ำให้คิดไม่ตก ทำไมสมองของเธอต้องสั่งให้คิดในเรื่องที่ไม่อยากคิด ลบมันออกได้มั๊ย ฝันแสนดี หากแต่ร้ายกาจนักในความจริง ต้องวิ่งหนีให้ไกลอรวี
[---]แต่เธอเองก็ต้องแปลกใจที่เห็นคนที่เธอนอนกอดเมื่อคืนหันมากอดเธอแทน ลมหายใจอุ่นๆ นั้นระไปตามต้นคอ ยัยนี่ไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าทำให้อาการกระสับกระส่ายของเธอกำเริบอีกแล้ว
[---]ใช่สิ ก็หล่อนหลับอยู่นี่ ใครมันจะไปรู้ตัวได้ล่ะ แต่คนตื่นอย่างเธอนั้นทรมานใจอย่างบอกไม่ถูก ค่อยๆ ผลักตัวออกจากคนหลับ โทรศัพท์เจ้ากรรมก็ดันโทรเข้ามาอีกครั้ง จนต้องกดรับทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้ลุกไปไหน ยัยไอรดานี่ก็เหลือเกินกอดไว้แน่นเชียว
[---]“ค่ะ มีอะไรคะโทรมาแต่เช้า”
[---]“เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว”
[---]“อยู่เนี่ยแหละ หลับอยู่เลย”
[---]“ก็ไปกินข้าวเที่ยง แต่คุณประสิทธิ์ชวนทานข้าวเย็น อรไม่ว่างเลยให้ไอรดาไปแทน”
[---]“ไม่ทราบค่ะ”
[---]“พ่อก็ถามเจ้าตัวเอาเองสิ”
[---]เธอพยามคุยให้เบาเพื่อไม่ให้รบกวนการหลับของอีกคน แต่คงไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้วเมื่อยัยเลขาตัวแสบกระซิบเข้าที่หูอีกข้างของเธอ
[---]“พูดต่อไปสิ”
[---]ทำเอาความประหม่าครอบงำจนสติเกือบหลุด ยัยนี่ต้องการรู้ว่าเธอคุยอะไรกับพ่อ เพื่อเป็นการเช็กว่าเธอไม่ได้เอาเรื่องเมื่อคืนไปฟ้อง
[---]“มะ ไม่นี่คะ อรกลับมาก่อนจะมืดก็เห็นไอรดาที่ห้องพักแล้ว” อรวีเริ่มพูดตะกุกตะกักกับคำโกหกที่เอ่ย ทำไมต้องไปช่วยยัยนี่ด้วย น่าจะบอกไปว่าหล่อนไปดื่มกับลูกค้ากิตติมศักดิ์ตั้งหลายชั่วโมง
[---]“โทรเช็คกันดีจริงๆ ไม่มีอะไรหรอกพ่อ อรขอตัวหลับต่อนะ” เธอรีบวางสาย เพราะรู้สึกว่าไอรดายังซุกใบหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิมเพื่อฟังเสียงการสนทนา
[---]รู้ว่าพ่อตามเช็คทุกครั้งว่าหล่อนทำอะไรที่ไหนอย่างไร น่าเบื่อไม่น้อย วันหลังต้องเตือนกันบ้างล่ะ
........................
[---]“ออกไปได้แล้ว ฉันอึดอัด”
[---]“เมื่อคืนเห็นกอดฉัน นึกว่าคุณชอบเสียอีก” อร๊ายยยย ยัยนี่ตรงประเด็นเกินไปแล้ว จะจี้ใจดำเธอไปถึงไหน แค่นี้เธอก็ควบคุมจังหวะหัวใจแทบไม่ไหวอยู่แล้ว
[---]“โทษที ฉันคงหลับไปแล้วเลยนึกว่าพี่พิช” โกหกหน้าตายอีกครั้ง มิเช่นนั้นยัยหน้าสวยนี่คงจับไต๋เธอได้ง่ายมาก เธอลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป ไม่คิดหันหน้ากลับไปให้อีกคนเห็นความมีพิรุธ
[---]ไอรดามองตามไปอย่างงงๆ เธอก็แค่ถามไปตามปกติจะต้องรีบพูดไปถึงคู่หมั้นทำไมกัน เธอนอนกอดแม่ออกจะบ่อยไป ถึงกอดเจ้านายจะรู้สึกดีมากก็เถอะ
[---]ส่วนความคิดทำนองนั้นจะต้องไม่มีวันเกิดขึ้น เพราะมันจะผิดต่อตัวเธอเอง และอีกหลายคน แม้เธอกับคุณมนตรีจะยังไม่ไปถึงไหน แต่การที่รู้สึกดีกับลูกสาวของเขามันก็ลำบากใจใช่เล่น
[---]แล้วเธอก็ต้องหยุดความคิดทั้งหมดลงเพราะแขนข้างหนึ่งออกอาการปวดร้าวจนเธอต้องงอมันเอาไว้ ก็น่าเจ็บใจเหมือนกันที่หล่อนแค่หน้าแดงเพราะรอยนิ้วมือ แต่เธอกลับต้องปวดไปทั้งแขน
[---]ฮึ! แต่สิ่งที่น่าเจ็บใจกว่านั้นคือ...ทำไมไม่รู้สึกโกรธเลยล่ะ ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
........................
[---]“ไอรดา วันนี้ฉันจะไปซื้อของฝาก อย่ามัวมานอนหลับ ลุกไปเข้าห้องน้ำได้แล้ว” เจ้านายเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพพร้อมจะออกเดินทาง
[---]“ค่ะ” ไอรดาจัดการตัวเองไม่นานนัก เธอไม่แต่งหน้ามากมาย หรือเรียกได้ว่าไม่แต่งเลยด้วยซ้ำ ทาแค่ลิปมันกับแป้งฝุ่น เธอไม่ชอบแต่งให้มันเข้มจัด ดูเว่อจนน่ากลัว ถ้าไปทำงานก็จะเพิ่มเครื่องสำอางขึ้นอีกนิดเพื่อให้ดูเหมาะสม
[---]“ทำไมคะ” ไอรดาสังเกตสายตาอีกคนที่จ้องมอง
[---]“อะ เอ่อ นี่อาบน้ำแล้วใช่ไหมเนี่ย ทำไมออกมาเร็ว”
[---]อีกครั้งที่อรวีไม่ได้พูดอย่างที่คิด หัวใจเธอจะระเบิดให้ได้ ยัยนี่น่ารักเกินไปแล้ว ไม่แต่งหน้าแล้วดูอย่างกับเด็ก สดใส จนแสงสว่างนั้นสะกดเธอเอาไว้
[---]“ใช่ค่ะ เร็วใช่มั๊ยล่ะ ฉันไม่ชักช้าหรอก” ดีที่ยัยเลขาไม่สงสัย แถมยังอวดตัวว่าทำอะไรรวดเร็วอีกต่างหาก
[---]ไม่นานนักทั้งคู่ก็จัดการเก็บข้าวของเครื่องใช้ลงกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย โดยเฉพาะไอรดาที่เก็บเร็วผิดปกติ เหมือนจะกลัวว่าถ้าช้าแล้วเจ้านายจะเร่ง จนต้องมาทะเลาะกันพาลเอาเธอเจ็บตัวฟรีๆ
[---]เลขาหยิบกระเป๋าเดินทางพาดไหล่ข้างหนึ่งแล้วก็ต้องหอบกระเป๋าเอกสารข้างเดียวกันอย่างทุลักทุเล มันคล้ายอาการเดียวกับที่ข้อเท้าพลิก ไม่นานก็คงหายดี แต่ดันมาเกิดเอากับแขนเธอนี่สิ ทำอะไรก็ลำบาก
[---]คนใจร้ายนั้นก็โมโหจนสติหลุด เธอไม่ได้ไปทำอะไรผิดเสียหน่อย นั่น! แค่นึกแวบเดียวยังมองมาอีก คิ้วนั่นจะหยุดขมวดเมื่อไหร่กัน
[---]แล้วเธอก็ต้องรีบถอยหลังกรูดทันทีที่เห็นว่าอรวีย่างสามขุมเข้ามาใกล้ หล่อนทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง จากนั้นก็ดึงกระเป๋าเอกสาร และกระเป๋าเดินทางเธอไปถือ เดินออกห้องไปไม่พูดไม่จา สงสัยคงรู้สึกผิด เธอไม่คิดเอาผิดกับอรวีหรอก หล่อนก็ช่วยเธอมาตั้งหลายครั้ง เจ็บนิดเจ็บหน่อยเดี๋ยวก็หาย
........................
[---]ทั้งวันเจ้านายเธอใช้เวลาไปกับการเลือกซื้อของกิน แล้วก็พาเธอไปยังร้านอาหารยอดนิยมของที่นี่ มันก็ไม่ต่างจากร้านทั่วไปนัก แค่มีคนอยู่เต็มร้านกับมีโต๊ะไม่เพียงพอกับจำนวนคนเท่านั้นเอง
[---]“ไอรดาร้านนี้ฉันมาทุกครั้งเลย อาหารอร่อยมาก โต๊ะแทบไม่มีนั่ง” ทำอย่างกับเด็กเจอรถไอติม เธอคิด
[---]ไอรดามองตามเจ้านายที่เดินลิ่วเข้าไปหาโต๊ะว่าง ของฝากมากมายหลังรถนั่นก็ขนกลับไปให้คู่หมั้นของหล่อน พ่อ คนในบ้าน แล้วก็ลูกน้องในแผนก ดีจังเลยนะ ผู้หญิงคนนี้มีคนที่รักในตัวหล่อนอยู่มากมาย
[---]“ไอรดา เธอก็เลือกไปฝากแม่ด้วยสิ หยิบเอาเลย เดี๋ยวฉันมาจ่ายให้” เธอเลือกไม่กี่อย่างเท่านั้นเพราะไม่รู้จะขนไปทำไมมาก ที่คอนโดก็มีแค่สองคนแม่ลูก
[---]“ถ้ามีเวลาอีก ฉันอยากไปน้ำพุร้อน เธอเคยกินไข่น้ำพุร้อนมั๊ย ลวกแป้ปเดียวก็สุกแล้ว” แล้วหล่อนก็เล่าว่าต้องเอาไข่ใส่ตะกร้าหวายยื่นลงไปลวก บรรยายว่าไข่นกกระทาอร่อยกว่าไข่ไก่ แต่เวลากินมันจะร้อนมาก อย่าพึ่งรีบแกะต้องรอสักพักให้มันเย็นลงก่อน
[---]เอ่อ! เอาเข้าไปเมื่อคืนยังโหดร้ายอยู่เลย ตอนนี้ชวนคุยนั่นนี่ ตักกับข้าวใส่จานให้เธอ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะว่าไปทั้งวันนี้ยังไม่ได้ยินคำด่า คำประชด หรือกระทบกระทั่งจากอรวีเลยสักครั้ง ใครกันไปเปลี่ยนเสือดาวให้เป็นลูกแมวได้นะ
........................
[---]ถึงเวลาที่ต้องมายังสนามบินอรวียังคงทำหน้าเสียดายราวกับว่าต้องออกจากสวนสนุกเมื่อถึงเวลาปิดทำการ หนึ่งวันนี่น่าจะมีมากกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมงนะ ยังพายัยนี่เที่ยวไม่หมดเลย
[---]“ฉันฝากกุญแจรถไว้ที่ประชาสัมพันธ์ละกัน ส่วนค่าใช้จ่ายรบกวนส่งบัญชีมาทางอีเมลนะ เดี๋ยวฉันจัดการให้” เธอวางสายจากเจ้าของร้านเช่ารถ
[---]“เรารอเจอก็ได้นี่คะ เวลายังเหลืออีกเยอะ ไม่เห็นต้องรีบเลย”
[---]เลขาพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้านายรีบจะเข้าไปที่พักผู้โดยสาร ทั้งๆ ที่ยังเหลือเวลาให้เธอได้เจอเพื่อน ซึ่งคงจะมาเอารถกลับด้วยตัวเองแน่นอนเพราะรู้ว่ามีเธออยู่ที่นี่ด้วย
[---]“ไม่ ฉันอยากเข้าไปนั่งรอข้างในมากกว่า”
[---]“งั้นเดี๋ยวฉันตามเข้าไปนะ ฉันยังไม่ทันได้ถามเบอร์เพื่อนเลย ได้มาแต่เบอร์ร้าน” ให้หล่อนเข้าไปรอก่อนก็แล้วกันเธออยากเจอเพื่อนรักอีกครั้ง ได้พูดคุยกันสักนิดก็ยังดี
[---]“ไม่ได้ เธอต้องเข้าไปพร้อมฉัน” อรวีดึงลากเลขาให้เดินตาม บีบแขนเธอไว้แน่น ไม่พอยังเอาเล็บจิกลงเป็นรอยอีก อยากสะบัดตัวหนีจริงๆ แต่ถ้าทำไปแล้วคนในสนามบินจะแตกตื่นเอา
[---]“คุณอร!” เธอเอ่ยอย่างไม่เข้าใจในอารมณ์เอาแต่ใจนั่นเลย
........................