ดอกเบี้ย ตอนที่11



[---]ไอรดาตักข้าวคำที่สามเข้าปากอย่างเชื่องช้า เธอพยามเก็บอาการทางสีหน้าให้ได้มากที่สุด ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการเจรจาในครั้งนี้ แต่มันช่างยากเหลือเกิน ทำไมเธอต้องมานั่งคิดมากอยู่กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เจ้านายจะรู้บ้างรึเปล่าว่าคำพูดหล่อนเมื่อก่อนมันเป็นเพียงแค่ใบมีดทื่อๆ ที่ไม่สามารถฆ่าเธอได้เลยสักนิด แต่นี่ดันกรีดลึกจนแทบจะหมดลม



[---]อยากไปเป็นเพื่อนคุณอรที่โรงพยาบาล รายนั้นคงไปทำแผลที่แขน มันคงจะเป็นแผลเป็นไปตลอดชีวิตของหล่อน ไม่อยากให้หล่อนต้องมาย่ำแย่เพราะเข้ามาช่วยเธอ แล้วตอนนี้อรวีจะเป็นยังไงบ้างนะ มันจะเจ็บรึเปล่า ตอนดึงด้ายออก จะวางใจหมอได้ไหมว่ามือนิ่งพอไม่ทำร้ายแขนเจ้านายเธอเพิ่มเข้าไปอีก...อยากไปอยู่ตรงนั้น อยากไปดูให้เห็นกับตา แต่ทำไม่ได้



[---]“ไม่สบายรึเปล่าคุณเลขา” ประสิทธิ์ถามเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งกินข้าวด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก



[---]“ฉันสบายดีค่ะ”



[---]“คุณคงไม่สบายใจ ที่มาทานข้าวเป็นเพื่อนผมรึเปล่าครับ” ก็ส่วนหนึ่งนั่นแหละค่ะ เธอคิด แต่ใครจะกล้าตอบไปแบบนั้นเล่า



[---]“ไม่ใช่หรอกค่ะ มีบางเรื่องที่ฉันยังหาคำตอบไม่ได้ก็เท่านั้นเอง” เธอตอบไปตามจริง กับบางเรื่องที่หนักอึ้งในหัวอยู่ตอนนี้



[---]“บอกผมได้นะ เผื่อผมจะมีทางออกดีๆ ให้คุณ” ผู้หญิงสวยคนนี้อยู่ไม่น้อยถ้าจะต้องให้มานั่งเศร้าโลกนี้คงหมดความงดงามไปเยอะ



[---]“ไม่ได้หรอกค่ะ บางทีฉันก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน” เธอพูด ก็ไม่เข้าใจยังไงล่ะว่าทำไมไม่รู้สึกโมโหเจ้านายตัวเองอย่างแต่ก่อน หากแต่เหมือนกับว่าเธอพอใจอย่างนั้นแหละ พอใจที่ได้อยู่ใกล้ พอใจทุกอย่างที่หล่อนกระทำ



[---]แม้ว่าการกระทำนั้นจะทำร้ายความรู้สึกให้ต้องเจ็บปวด โอ้ อยากเกลียดผู้หญิงคนนั้นเหลือเกิน ความไม่ชอบแรกเริ่มนั้นจงกลับมาเดี๋ยวนี้ กลับมาทำให้ใจเธอสงบสุขบ้างเถอะ



[---]นั่นแหละ เธอก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมต้องคิดให้มากความด้วย จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่เธอพยามยิ้ม แล้วก็ฝืนตัวเองตักอาหารตรงหน้าเข้าปากให้ดูเหมือนว่าอร่อยเสียเต็มประดา มันจะเป็นอาหารโรงแรมห้าดาวหรือสิบดาวก็ช่างเหอะ จืดจนไม่รู้รส แพงอีกต่างหาก กินกันเข้าไปได้ยังไง๊ แต่เอาเถอะ เธอไม่ได้จ่ายนี่ จะคิดอะไรมาก



[---]“งั้นไม่ถามดีกว่า ผมก็รู้จักคุณได้ไม่นาน แต่ผมให้คำปรึกษาคุณได้นะ” เขาบอกพลางชวนคุยเรื่องต่างๆ ทำให้เธอลืมเรื่องที่ซึมเศร้าลงไปได้บ้าง



[---]สำหรับไอรดาแล้วคุณประสิทธิ์คนนี้มีเสน่ห์อยู่ไม่น้อย มุขตลกที่เขาสรรหามาได้สารพัด ทำให้เธอลืมเรื่องที่กำลังคิดไม่ตกอยู่ ไหนจะท่าทางที่ไม่อวดตัวว่าร่ำรวย มันทำให้คนคนนี้ดูเป็นคนน่าคบหาสมาคมด้วย ถ้าเธอเป็นเหมือนอย่างที่ผู้หญิงทั่วไปเป็น ป่านนี้คงจะหลงใหลเขาหัวปักหัวปำไปแล้วล่ะ หรือไม่ก็พยามจะจับเขา



[---]“ดื่มหน่อยมั๊ยครับ” เขาชวนเธอเมื่อทั้งสองเดินเล่นบริเวณรอบโรงแรม



[---]แสงไฟสีส้มอ่อนสะท้อนเงาพระจันทร์ในน้ำที่มีปลาตัวอ้วนแหวกว่ายไม่รู้จักเหนื่อย มันสวยงามด้วยธรรมชาติที่รายล้อมคล้ายกับบ้านพักตากอากาศกลางสวนสวยซึ่งถูกออกแบบและตกแต่งมาเป็นอย่างดี



[---]เสียอย่างเดียวต่อให้มันจะสวย หรืองดงามแค่ไหน บรรยากาศเหล่านี้ก็กันยุงไม่ให้กัดเธอไม่ได้ ยิ่งพลบค่ำ ยุงก็ยิ่งเยอะ เมื่อไหร่เข้าจะยอมเซ็นสัญญาให้มันจบๆ ไป เธอจะได้ไปนั่งทำมิวสิคที่ใต้ต้นลั่นทมนั่นซักที เศร้าจะแย่อยู่แล้ว เอ่อใช่! ต้องเอายาทากันยุงไปด้วย



[---]“เอ่อฉัน” เธอไม่ดื่ม แต่ใช่ว่าจะดื่มไม่เป็น ไม่เห็นจะอร่อย ล่าสุดนี่ก็พึ่งโดนวางยาก็เพราะไอ่เครื่องดื่มพวกนี้นั่นแหละ ออกฤทธิ์เร็วอีกต่างหาก ซ้ำอรวียังมาละเลงสีใส่เธออีก แล้วนี่เธอจะมาคิดวกไปถึงหล่อนอีกทำไม๊ บรรยากาศออกจะสบายอารมณ์ขนาดนี้



[---]“นิดหน่อยก็ได้ครับ ผมไม่มอมเหล้าคุณหรอก” เขาพูดติดตลก



[---]ไอรดารับแก้วมาไว้ในมือ เพราะตอนนี้เขายังไม่ยอมเซ็นสัญญาที่เธอเตรียมไว้ให้ จิบน้ำในแก้วเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เสียมารยาท เธอนั่งคุยกับเขาจนเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ก็จำไม่ได้ มันก็ไม่ถึงกับแย่นักหรอกที่ต้องนั่งคุยกับคนที่พึ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน เขาอารมณ์ดีใช้ได้เลย



........................



[---]“อื้ม ผมลืมไปเลยยังไม่เซ็นเอกสารให้คุณ” เขาดึงเอกสารที่เธอถือมา หยิบปากกาแท่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ มันไม่ได้เหมือนปากกาแท่งเป็นหมื่นเป็นแสน อย่างที่ควรเป็น แค่ปากกาแท่งละห้าบาทสมัยที่เธอยังเรียนอยู่ สภาพก็เก่าแสนเก่า ยังเขียนได้รึเปล่าก็ไม่รู้ ไม่นึกว่าจะไม่มีเพื่อนคุยถึงขั้นเอาเรื่องปากกาแสนธรรมดามาหลอกเธอ



[---]“นั่นปากกานำโชคของคุณเหรอคะ” ไอรดามองขณะที่เขากดปากกาลงกระดาษ



[---]“ใช่ครับ ไม่ตรงกับที่ใครหลายคนคิดใช่มั๊ยล่ะ มันมีประวัติอยู่ ผมเปลี่ยนไส้ปากกาออกตอนหมึกหมด เพื่อให้ปากกานี้อยู่กับผมไปนานๆ” พูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าเศร้า เหมือนกับอยากให้เธอถามต่ออย่างนั้นแหละ



[---]“ฉันรู้ได้ไหมว่าทำไม” ดูจากหน้านั้นแล้วก็ไม่น่าจะโกหกอะไร



[---]“ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าจะบอกดีมั๊ย แต่ผมคิดว่าคุณไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ผมเจอ” เขายิ้ม ใช่เธอต่างจากทุกคน มันเหมือนมีบางสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคย บางอย่างที่แตกต่างในความเหมือน



[---]“ฉันไม่เอาสัญญาว่าจะไม่เอาประวัติปากกานำโชคของคุณไปบอกใครหรอก” เธอหัวเราะอย่างเป็นกันเอง คาดเดาเอากับเรื่องราวต่างๆ ของเขา



[---]“เรื่องของเรื่องก็คือ....”



[---]เขาเริ่มเล่าว่าเมื่อสมัยที่ยังเรียนอยู่ มีเพื่อนคนหนึ่งยกปากกาแท่งนี้ให้เขาใช้ เป็นคนที่สำคัญและก็รู้สึกพิเศษ แต่เขาลังเลว่ากับความรู้สึกของตัวเองว่าชอบเพื่อนคนนี้หรือไม่



[---]จนผ่านมาจนวันนี้ เขาก็ยังสงสัยอยู่ตลอดว่าทำไมไม่ทิ้งปากกานี้ไป และตั้งแต่เขาได้ใช้ปากกานี้เซ็นเอกสารทางธุรกิจมันก็ประสบความสำเร็จมาทุกครั้ง เขาจึงตัดสินใจเก็บมันไว้พร้อมกับความรู้สึกที่ยังเป็นปริศนา



[---]“จากที่คุณเล่ามาก็ไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเท่าไหร่นะ แล้วเพื่อนคนนั้นเป็นยังไงเหรอ คงต้องสวยแล้วเก่งแน่ๆ” ไอรดาเริ่มรู้สึกว่าเขาเหมือนกับเธอที่ไม่แน่ใจในความรู้สึกบางอย่างจนปล่อยให้เวลาล่วงเลย อยากกลับไปเริ่มต้นอะไรดีๆ เมื่อครั้งก่อนกับเพื่อนรักก็ทำไม่ได้เสียแล้ว ช่างเสียดายกับส่วนที่หายไป



[---]“ไม่หรอกครับ เขาออกไปทางหล่อซะมากกว่า” เขายิ้มให้เธอที่ทำหน้าเหวอ มิน่าล่ะ นักธุรกิจหนุ่มนิสัยดี สุภาพขนาดนี้ แถมยังมีเงินเป็นกอบเป็นกำ ทำไมไม่มีข่าวเสียเรื่องผู้หญิงเลย



[---]“เอ่อค่ะ อย่ากังวลไปเลย ควรไปหาคำตอบดีกว่านะคะว่าใจคุณคิดยังไง”



[---]“นั่นสิครับผมถึงไม่แน่ใจและโสดมาถึงทุกวันนี้ ผมไม่มีความสุขเลยที่เวลาคิดถึงอดีตที่ย้อนไปไม่ได้ แล้วคำตอบทั้งหมดทั้งมวลนั่นมันก็อยู่ในอดีตที่ผมปล่อยผ่านมา” เขาระบายให้เธอฟังเพราะรู้สึกถึงความแตกต่างไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไป ใช่ว่าเธอหน้าตาดีกว่าหรือฉลาดกว่า หากแต่มันเป็นเรื่องอื่นที่มากกว่านั้น เขาจึงรู้สึกไว้ใจเธอมาก



[---]“แต่คุณยังมีวันนี้และพรุ่งนี้ไว้หาคำตอบ ฉันเชื่อค่ะว่าหลายคนคงเป็นอย่างคุณและยังหาคำตอบไม่ได้ ค่อยๆ คิดไปก็ได้ค่ะ” ไอรดาเข้าใจความรู้สึกนี้เป็นอย่างดีเลยล่ะ



[---]“อย่างคุณเลขารึเปล่าที่ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้” เขาถาม



[---]“คงอย่างนั้นแหละค่ะ” เธอยิ้มให้เขาอย่างรู้ทัน



[---]“ถ้าผมขออะไรสักอย่าง คุณจะว่าผมมั๊ย” ลังเลก่อนเอ่ย



[---]“อะไรเหรอคะ” ไอรดารับเอกสารมา



[---]ไม่ทันได้ตั้งตัวเขาก็จูบเธอเบาๆ ไล้ริมฝีปากไปยังซอกคอพยามดูดเม้ม เพื่อสร้างความรู้สึกบางอย่างที่น่าจะยังหลงเหลือ ไอรดาเป็นผู้หญิงที่ชายหรือหญิงใดเห็นเป็นต้องเหลียว ผู้หญิงซึ่งเป็นที่น่าหลงใหล เขาลองปล่อยใจให้ลอยไปตามกระแสของความคิด



[---]เอ๊ะ! นั่นเขาจะทำอะไรนะ อยู่ดีดี ก็มาจู่โจมเธอ จั๊กจี้ดีแท้ มันไม่รู้สึกน่ารังเกียจเหมือนกับผู้ชายคนอื่นก็จริง แต่มันทำให้ขนลุกขนพองกับการกระทำหลอนๆ ของเขา



[---]“คุณจะทำอะไร” เธอเริ่มดิ้น ดันเขาออกจากตัวเอง แล้วก็ต้องตกใจเพิ่มไปอีกเมื่อเขาทรุดลงนั่งร้องไห้ราวกับเสียใจอย่างสุดแสน เธอนิ่วหน้ามองผู้ชายคนนี้อย่างแปลกใจ แรงผลักนี้ก็ไม่ได้มากจนถึงขนาดที่คนอย่างเขาต้องร้องไห้



[---]“คุณเป็นอะไร” ไอรดาเอ่ยถามเสียงเบาเมื่อเขานั่งลงกับพื้นและน้ำตานั้นยังไหลไม่หยุด



[---]“ผมว่าผมได้คำตอบแน่ชัดเลยล่ะ” เขาตอบเธอมาเพียงเท่านั้น



[---]“โธ่ คุณประสิทธิ์” เธอกอดเขาไว้แน่น ลูบหลังให้เขาผ่อนคลายจนหยุดสะอื้น มันไม่ใช่เรื่องน่าอายสักหน่อย แค่ต้องหาเวลายอมรับมันให้ได้ แล้วก็ก้าวผ่านความคิดทั้งปวงของคนอื่น รับฟังแต่เสียงหัวใจตัวเองที่ร้องเรียก เพราะมันไม่ใช่สิ่งผิดที่เขาจะเป็นอะไร เขายังคงเป็นคนดีท่ามกลางอคติของแวดล้อมก็เท่านั้น



[---]“เมื้อกี้ต้องขอโทษนะครับ แต่คุณคงได้คำตอบเหมือนผม ใช่ไหมครับ” เขามองหน้าเธอ



[---]การกระทำเมื่อสักครู่ทำให้รู้แน่ชัดแล้วว่าตัวเขาต้องการอะไร มันบาดใจไม่น้อยที่ต้องยอมรับความจริง และก็คาดว่าผู้หญิงคนนี้ก็อาจรู้คำตอบในสิ่งนี้เหมือนกัน



[---]“ถ้าเรื่องนี้ฉันว่าฉันได้คำตอบมานานแล้วค่ะ แต่มันมีเรื่องอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้นนิดนึง ไว้ค่อยเล่าให้ฟัง เอ๊า ชนแก้วๆ” เธอพูดพร้อมกับยกแก้วมายื่นให้คุณประสิทธิ์ เมื่อเห็นว่าความจริงที่เขาเป็น มันออกจะกระทบกระเทือนจิตใจอยู่บ้าง



[---]“ผมหวังว่าคุณคงจะแก้ปมได้ในเร็ววันนะครับ ถ้ามีอะไรให้พี่ชายคนนี้ช่วยบอกได้เสมอเลย” รู้แล้วล่ะว่าทำไมถึงสบายใจเวลาอยู่ใกล้หล่อน มันเหมือนกันกับเขาอย่างนี้นี่เอง แต่ไอรดารู้ตัวเร็วกว่าเขาก็เท่านั้น



[---]“นี่พอรู้คำตอบเปลี่ยนฉันเป็นน้องสาวเลยเหรอคะเนี่ย” ไอรดาหัวเราะไปพร้อมกับเขา



[---]จะช้าหรือเร็วคนเราก็ต้องค้นหาตัวเองได้ในสักวัน สิ่งไหนที่เป็นคำตอบที่ถูกที่สุด บางคนมีคำตอบหลายข้อ หรืออาจเลือกถูกทุกข้อ คนเหล่านี้จะไม่รู้สึกเสียดายกับวันเวลาของชีวิตเลยแม้เพียงเสี้ยววินาที เพราะพวกเขาเข้าใจถึงตัวตนของตัวเอง



[---]หากแต่อีกหลายคนยังคงคิดวนเวียนฝังหัวอยู่เสมอว่าคำตอบที่มีนั้นมันผิด แต่ไม่กล้าจะออกไปค้นหามันใหม่ มันไม่มีความสุขหรอกนะ เพราะคะแนนชีวิตของพวกเขาไม่เคยเต็ม





........................