ทิวาราตรี ตอนที่7

ลาลับจับใจไกลห่าง อ้างว้างเดียวดายใจเหงา โปรดเถิดปล่อยมือสองเรา ทิ้งร้างวันเก่าเปล่าเลย....

ธิดาเทพมองดวงจิตสุดท้ายของทาสสาวเอเรน่า จิตนั้นล่องลอยออกสู่ประตูวิหาร จากไกลไปยังที่สงบ อีกมินานนางจะได้กลับสู่ดินแดนมนุษย์เบื้องล่าง

คาเรนเห็นฟาบริสแสนเสียดายมาแต่ไกล เขายืนรอกาเอลอยู่นานที่ประตูทางเข้า ฟ้าสว่างใกล้ค่ำแล้ว อีกมินานพี่ทั้งสองต้องออกเดินทาง ควรจะถึงเวลาได้แล้วกระมัง เหตุใดช้าได้ถึงเพียงนี้ ข้ามิได้มีเวลาทั้งวันเพื่อมารอท่านหรอกนะ กาเอล

“โอ้น้องข้า คำกล่าวหอมหวานนั่นซื้อใจนางเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าจำใจไล่นางทาสนั่นไปแล้วหรือไร รือมิอยากใช้สิ่งใดร่วมกับฟาบริส” ผู้พี่คนโตเดินเข้ามายังห้องโถง เขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทาสสาวทรงเสน่ห์นางนั้นถูกปลดปล่อย น้องคาเรนของเขาช่างมีจิตเยือกเย็นยากจะหยั่งถึงนัก เมื่อครู่จะว่าเป็นการทิ้งของก็หาใช่ไม่ หรือเป็นเพียงลมปากที่หวังจะครองใจแก่ดวงจิตนั้นครั้งสุดท้าย

“เพลิงแห่งรัตติกาลได้ถูกจุดแล้ว เร่งเดินทางเถิดพี่ข้า มีสิ่งมากมายรอให้พวกท่านไปทำ” คาเรนมิได้สนใจแก่นางทาสผู้ที่ถูกลากมาพร้อมกับเขา ทำเพียงเหลือบด้วยสายตาที่ว่างเปล่า

“ใยไล่ข้าจังน้องพี่ เหลือเวลาอยู่ไม่กี่เสี้ยวนาทีก่อนฟ้าจะมืดลง มิคุยกันสักหน่อยหรือไร” กาเอลเดินเรื่อยเปื่อยหมายมุ่งไปยังที่พำนักข้างคาเรน เขาปล่อยมือจากนางทาสที่ดูแล้วแทบไม่เหลือสภาพความเป็นกายทิพย์ ร่องรอยมากมายเกิดขึ้นแก่ทาสนางนั้น นางไม่แม้แต่จะขยับเคลื่อนไหว มีเพียงดวงตาเดียวดายที่มองลอดผ่านไปยังผู้เป็นนายที่ไม่มีทีท่าว่าจะเหลือบกลับแก่นางเลยแม้แต่น้อย

“มิมีสิ่งอันใดที่ข้าอยากเสวนา” คาเรนนั่งเงียบๆ ไม่หลบตาแก่ผู้ยั่วยุ

“เจ้าจะมิถามหน่อยรือ ทาสของเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง” กาเอลพิจารณาผู้น้องไม่ขาดสาย เขาต้องการรับรู้ว่าธิดาเทพคิดอย่างไรเมื่อเห็นคนสนิทต้องเจ็บช้ำ หากนางเศร้าโศกาเพียงน้อย เขาจะเป็นผู้กำจัดทาสนางนั้นซะ แม้ว่าสิ่งนั้นจะทำให้ผู้น้องต้องพิโรธแก่การกระทำ แต่เมื่อกาลผ่าน นางจะกลับมาหยัดยืนได้อีกครั้ง

“นางก็เป็นแค่สิ่งชั้นต่ำ หาใช่เรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจอันใด ว่าแต่ท่านเถิด มีเรื่องเร่งร้อนอยู่เบื้องหน้า เหตุใดยังรีรอ” คาเรนนิ่งสนิทด้วยการมิแยแสแก่ทาสของตน ธิดาเทพมิได้สนใจเสียงร้องสะอื้นปานขาดใจของทาสคนสนิทเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังเบือนหน้าหน่ายแหนง

“แน่นอน มิมีสิ่งใดสำคัญเท่ากับเงาแห่งรัตติกาล ข้าก็คิดว่าเจ้าจะเห็นเป็นเช่นนั้น หวังด้วยว่าเจ้าจะมินำเอาสิ่งเล็กน้อยมาเทียบกับของล้ำค่า” กาเอลลุกขึ้นยืน เขาจงใจเหยียบย่ำนางทาสให้ได้ร้องอย่างเจ็บปวด

“ข้าคืนมันให้แก่เจ้า และเห็นสมควรที่เจ้าจะปล่อยมันไป เช่นเดียวกับนางคนก่อน” กาเอลลอบมองคาเรนเพียงเสี้ยวนาที เขาเห็นแววตาสั่นไหว นั่นยิ่งทำให้เขามิอาจคลายกังวลลง

“นั่นเป็นเรื่องที่ข้าจะตัดสินใจเอง” คาเรนกลับมาวางมาดเฉยเมยอีกครา นางมิได้ว่ากล่าวอันได้แก่การกระทำของกาเอล

“งั้นหรือ เจ้าคงเสียดายนางทาสตนนี้มากถึงขนาดยอมใช้มันต่อจากข้า มิสมกับเป็นเจ้าเลยคาเรน ถ้าเป็นอย่างนั้นให้ข้าช่วยจัดการให้จะดีกว่า ข้าจะปลดปล่อยมันให้เจ้าเอง” กาเอลเริ่มจะร่ายคาถาให้จิตของทาสผู้นี้กลับคืนยังภพภูมิเดิมของมนุษย์

“หยุดการกระทำของท่านซะ สิทธิ์นั้นยังเป็นของข้าอยู่มิใช่รึกาเอล วิหารแห่งข้า รัตติกาลแห่งข้า หาใช่ว่าท่านเป็นผู้พี่แล้วข้าจำต้องเกรง” เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงดังสนั่นเมื่อคำกล่าวของนางจบลง บรรยากาศรอบข้างแม้นจะปกติ หากก็ร้อนระอุราวเปลวเพลิงแห่งภูเขาไฟ หากผู้พี่ท่านนี้มิรีบจากลา สิ่งที่ข้าจำต้องมอบให้คือคำสาปชั่วนิจนิรันดร์

“เจ้าเป็นได้ถึงเพียงนี้รือคาเรน....จงไตร่ตรองให้ดีเถิดน้องพี่....เพลานี้ข้าจำต้องลา” กาเอลมองด้วยสายตามุ่งร้ายไปยังทาสสาวนางนั้น นางผู้นี้จะทำให้ธิดาเทพสับสน ดูจากวาจาพาทีแล้ว น้องพี่คงมิพอใจ แต่จะทำเช่นไรได้เล่า เขาก็ทำได้แค่รอวันที่จะกระชากนางทาสตนนี้ออกวิหารเพื่อทำลายมันตลอดกาล



........................




ผู้พี่ทั้งสองรอนแรมออกจากวิหารแห่งเทพด้วยกาลอันสมควร คาเรนมิได้ออกไปยืนอำลาพาทีแต่อย่างใด นางนั่งลงยังเก้าอี้นิลประดับ เงียบและนิ่งสนิทอยู่เป็นเวลานาน ก่อนจะค่อยๆ ทอดผ่านสายตามาหยุดยังชาร์น่า

“ทะ ท่าน คาเรน” ชาร์น่าเอ่ยเรียก เสียงนางนั้นขาดห้วง เลือดสดไหลทะลักเมื่อนางฝืนพยามเอ่ยคำใดออกมา

“เจ้าน่ารังเกียจนักชาร์น่า ข้าควรจะส่งเจ้าคืนยังแดนเบื้องล่าง กลับไปยังที่ของเจ้า” คาเรนก้าวไปหยุดยังนางทาสเบื้องล่าง

“ทะ ท่าน กา เอล....”

“หุบปากชาร์น่า เจ้าเรียกขานชื่อนั้นด้วยจิตพิศวาสหรืออย่างไร อยากตามเขาไปเช่นนั้นรือ” นางทาสกระอักเลือดมิขาดสาย

“ข้ามิได้สงสารอันใดแก่เจ้า เพียงแค่หวงสิ่งที่ข้าครอบครองเท่านั้น เมื่อเจ้าหายดีจงไปสถิตยังที่ของข้าทาส อย่าได้เฉียดกรายมายังวิหารแห่งข้า หากไม่ได้ยินคำเรียกขาน” คาเรนสะบัดขาออกจากการเกาะกุมของนางทาส ผู้ซึ่งร่ำไห้แทบขาดใจ

แม้ว่าพิษร้ายของยาโลหิตจะทำให้นางเจ็บปวดเพียงใดก็ยังไม่อาจเทียบได้เลยกับสิ่งที่ธิดาแห่งเทพเมินเฉย แต่ละเสียงของการโหยหวน แม้จะเอ่ยคำใดๆ ออกไปนางก็จะยิ่งเจ็บปวด ซ้ำร่างกายที่ถูกทรมานจนแทบจะทำให้กายทิพย์บอบช้าถึงขีดสุดยิ่งทำให้การฟื้นตัวนั้นใช้เวลานานยิ่งกว่าครั้งไหนๆ แม้นนายเหนือหัวจะรักษามันให้ก็คงทำให้จิตใจเธอฟื้นคืน

ทว่าไม่เลย ท่านคาเรนกลับเดินจากนางไป ทิ้งไว้แต่ความเจ็บปวดที่ไม่มีวันจบสิ้น

ชาร์น่าหลับใหลลงอย่างเหนื่อยอ่อน นางถูกทำร้ายทั้งจิตใจและร่างกาย ทาสผู้นี้พยามจะฝืนตนอย่างที่สุด เพียงเพื่อต้องการความปราณีจากธิดาเทพสักครั้ง มิต้องโอบกอด มิต้องใยดี เพียงแต่....อย่าเดินจากข้าไป ท่านคาเรน




........................